คุยนิดคิดหน่อย
- บรรณาธิการ -
เรื่องฉาวเขย่าขยอกคุณธรรมจริยธรรมของประดาผู้ทรงเกียรติในช่วงนี้
เห็นทีมิอาจงดเว้นพาดพิง กรณี ส.ว.ปรีชา ปิตานนท์ ผู้ทรงเกียรติแห่งจันทบุรี
กับการบินไทยได้เลย เพราะท่านได้ทำเรื่องเล็ก ให้เป็นเรื่องใหญ่ จนโด่งดังทั่วทั้งแผ่นดิน
ขอประมวลเรื่องราวย่นย่อพอเป็นกระสายว่า ส.ว.ปรีชาและภริยา ได้สำรองที่นั่งชั้นธุรกิจ
๒ ที่นั่ง จากกรุงเทพฯ ไปขอนแก่นใน ๘ พ.ย. แต่บังเอิญ การบินไทยมีเหตุจำเป็น
ต้องเปลี่ยนเครื่องบิน แอร์บัส ๓๐๐-๖๐๐ จุ ๒๖๐ ที่นั่งเป็นโบอิ้ง ๗๓๗-๔๐๐
จุ ๑๔๙ ที่นั่ง จึงมีผู้โดยสารชั้นธุรกิจ ตกสวรรค์ลงมาอยู่ ในชั้นประหยัด
๒ ที่นั่ง และช่างเหมาะเจาะที่ ๒ ที่นั่งนี้หวยไปออกที่ ส.ว.ปรีชาและภริยา
ดวงของจำปีถึงคราวจะมีเรื่องต้อนรับ สายการบินใหม่ ของท่านนายกฯ ก็มีอันเป็นไปแบบนี้แหละ
ส.ว.ปรีชา ท่านทำใจไม่ได้ ไม่ยอมรับชะตากรรมตกสวรรค์ให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีผู้ยิ่งใหญ่
จึงยืนทวง ถามสิทธิ์ อยู่ตรงประตูเครื่อง ไม่ยอมให้เครื่องเหินเวหาไปกินลมแข่งกับวายุภักษ์ปีกหัก
ที่หุ้นไม่เข้าปาก ตามเป้า ทำให้เที่ยวบินนี้ต้องล่าช้าไปเกือบชั่วโมง
ผู้โดยสารอื่นๆ อีกพะเรอ ต้องจำยอม เสียสละเวลาของตนเพื่ออนุรักษ์ศักดิ์ศรีของ
ส.ว.ผู้ทรงเกียรติ ที่จะนั่งชั้นธุรกิจให้จงได้
ในที่สุดกัปตันต้องจำใจใช้กฎการบินเพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของผู้โดยสารส่วนใหญ่
ให้ รปภ.จัดการ "บุคคลอันตราย" ให้พ้นประตูเครื่องบิน จะได้ปิดประตูออกบินได้
นับว่าอาจหาญยิ่งนัก
เรื่องนี้อยู่ระหว่างกระบวนการหาข้อยุติ ที่มันน่าจะยุติไปแล้วในวันเกิดเหตุ
ผมจะไม่แส่รู้ละว่าใครผิดถูกควรไม่ควรอย่างไร
เพราะไม่ใช่กงการอะไร แต่ในฐานะที่เคยมีโอกาส เป็น ส.ส.ชลบุรี เมื่อปี
๒๕๒๙ ในสังกัดพรรคก้าวหน้า ซึ่งท่านประธานรัฐสภาในยุคนี้แหละ เป็นหัวหน้าพรรค
ผมเห็นว่าไม่ว่า ส.ส. หรือ ส.ว. ช่วงชิงกัน อาสาเข้ามาขอรับใช้ประชาชน
เชื่อเหอะ ไม่มีสักคนหรอก ที่ถูกขู่เข็ญคุกคามให้มาเป็น
จะไม่รู้ประสีประสาเลยหรือว่าต้องมาเสียสละตัวตนเพื่อประชาชน
เพื่อแผ่นดิน แค่ลดชั้นที่นั่ง บนเครื่องบิน ยังยอมไม่ได้ แล้วเราจะวางใจ
หวังอะไรจากท่านผู้ทรงเกียรติได้เล่า
ในวโรกาสวัน "๕
ธันวามหาราช" ปีนี้ น่าจะลองหวนกลับไปทบทวนคุณธรรม ๔ ประการ แห่งพระบรมราโชวาท
บางทีหิริโอตตัปปะ จะจุดประกายสว่างไสว ในจิตใจบ้าง
"...คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษาและน้อมนำมาปฏิบัติ
มีอยู่สี่ประการ ประการแรก คือ การรักษา ความสัจ ความจริงใจต่อตัวเองที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และ
เป็นธรรม ประการที่สอง คือ การรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกใจตนเองให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัจความดีนั้น
ประการที่สาม คือ การอดทน อดกลั้น และ อดออมที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต
ไม่ว่าด้วยประการใด ประการที่สี่ คือ การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต
และรู้จักสละ ประโยชน์ส่วนน้อย ของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง..."
"ศักดิ์ศรี"
ขนานแท้ของใครๆ ไม่ว่าหน้าไหน จะเกิดจะมีขึ้นในตนได้ ต้องมีคุณธรรม
เป็นพานทอง รองรับ
ส่วนศักดิ์ศรีขนานกำมะลอที่เรียกร้องต้องการนั้น
เกิดได้ทุกหนแห่งแม้ในกองมูตรคูถ
-
เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ -
|