เราคิดอะไร

เวทีความคิด - เสฏฐชน -

ฤาชีวิตไม่มีค่า


ช่วงปลายเดือนตุลาคมต่อต้นเดือนพฤศจิกายน 46 ที่ผ่านมา สื่อต่างๆ ออกข่าวเกี่ยวกับร้านอาหาร เปิบพิสดารแห่งหนึ่งที่ฆ่าเสือ หมี ลิง ฯลฯ ซึ่งสัตว์เหล่านี้ทางบ้านเมืองมีกฎหมายรักษา สงวนไว้ไม่ให้ล่า ไม่ให้ซื้อขาย ทำอาหาร เพราะมันจะหมดพันธุ์เข้าไปทุกที ทั้งเป็นสัตว์ที่อันตรายไม่ควรกิน แต่ร้านอาหาร แห่งนี้ก็ยังรับซื้อเอามาแล่ แช่ไว้ในตู้น้ำแข็ง นำมาประกอบอาหาร ข่าวบอกว่าลิงตัวนั้นราคาถึง 2 ล้านบาท เพราะถือว่าเป็นของหายาก ยิ่งหายากก็ยิ่งแพง ในเมื่อคนที่ต้องการย่อมกล้าสู้ราคาเท่าไหร่เท่ากัน เพียงแค่ใจต้องการ บางอย่างแลกด้วยชีวิต เสี่ยงกับความตายคนก็ยอม เพราะรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตคุ้มค่า ได้ทำสิ่งที่คนอื่นน้อยคนที่จะมีโอกาสเหมือนเราเป็นจิตวิปริตอย่างหนึ่งของคน ซึ่งในยุคนี้ดูจะมากขึ้นทุกที

เสือเป็นอาหารได้อย่างไร หมีที่เขาตัดเอาแต่เท้าไว้ไม่ต่างจากมือเท้าของคนเลย เนื้อเสือกินเข้าไปได้ยังไง ทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่กลัวเสือ และนอกจากจะเป็นอาหารแล้ว กระดูก หัว หนังของสัตว์เหล่านั้น ก็ยังแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับบ้านอีก บางคนอาจจะสื่ออวดถึงความเก่ง ความแม่นปืน หรือความร่ำรวยเงินทอง ความมากด้วยอิทธิพลไปด้วย ควบคู่กับความพิสมัยในสีสัน รูปแบบของหนัง เขา อวัยวะ บางคนก็อาจมุ่งเพ่งที่รสชาติในเนื้อ กระดูก สุดแล้วแต่จะเป็นส่วนไหน นำมาทำอย่างไร ก็ล้วนเป็น สิ่งที่คงไม่พ้นไปจากการถูกตำหนิว่าโหดร้ายทารุณ ทำสิ่งอันเกินการ หากคนเราไม่ตกเป็นทาสลิ้น จนเกินไป หรือไม่ตกเป็นทาสของความหลงในความสวย ความงามในชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ของสัตว์นั้นๆ

และยังมีข่าวจากนิตยสาร "ชีวิต" อีกฉบับหนึ่งที่นำเอาเรื่อง "กินวัวน้อยในท้องแม่" มาตีพิมพ์ให้คนอ่าน กระอักกระอ่วนกันอีกไม่น้อย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแถบจังหวัดแพร่ น่าน พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย สิ่งนั้นคือการกินเนื้อลูกวัวตายในท้องแม่ ว่ากันว่าสุดๆ หลุดโลกทีเดียว เพราะกรรมวิธีกว่าจะได้เนื้อ มันมากิน ยิ่งกว่า เนื้อโกเบ พิลึกกว่าเนื้อมัสซึซากะของญี่ปุ่นอีกหลายสิบร้อยเท่า

เนื้อโกเบ หรือเนื้อมัสซึซากะนั้น เขาเลี้ยงด้วยเบียร์ วิตามิน นม สิ่งที่มีประโยชน์อื่นๆ อีก มีทั้งการนวดเนื้อ นวดตัวให้ เพื่อให้เนื้อมันน่วม นุ่มปากนุ่มคอ แต่เนื้อลูกวัวตายในท้องแม่นี้จะต้องฆ่าแม่ก่อน แล้วจึงจะควัก เจ้าลูกวัวอ่อนที่ยังไม่มีขน ยังไม่ลืมตาออกมาประกอบอาหาร เพราะวิธีนี้หนังยังไม่เหนียว บางเหมือนกับ วุ้นเมือก ขนก็ยังไม่มี แล้วก็นำไปอบ ทอด นึ่ง แกง ยำ ลาบ ก็จะได้อาหารนุ่มปากแทบไม่ต้องเคี้ยว หนังก็เอาไปทำเป็นเครื่องใช้ที่เรียกว่า "หนังชามัวร์" ซึ่งเป็นผ้าที่ทำความสะอาดดีที่สุด ในบรรดาหนังสัตว์ ทั้งหลาย แม่ของมันก็ต้องตายไปพร้อมกับลูกในท้อง เขากินกันอย่างนี้ที่เมืองไทยนี่เอง วิธีฆ่าแม่มันก็ใช้ หอกแทงกลางกระหม่อม แล้วจึงแหวะท้องเอาลูกออกมาทีหลัง นี่คือความโหดร้ายทารุณที่คนกระทำ ต่อสัตว์ เพียงเพื่อให้ได้ชิ้นส่วนของมันมาเป็นเครื่องใช้ ของกิน

ส่วนอีกประเทศหนึ่งห่างออกไป คือเนปาล ที่เมืองกาฐมัณฑุ ก็มีการฆ่าสัตว์ในเทศกาลแห่งความตาย ที่ภาษาเนปาลเรียกว่า "ดาเซน" หรือ "ดุรกาปูจา" แปลเป็นไทยว่า "พิธีบูชาทุรคา" ซึ่งคือเจ้าแม่กาลี หรือปางหนึ่งของอุมาเทวีมเหสีของพระศิวะ ในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคมทุกปี แคว้นกาฐมันฑุ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ เนปาล ใช้เวลา 10 วันในการประกอบพิธีกรรม ด้วยการนำเอาบรรดา สัตว์น้อยใหญ่ จำพวกแพะ แกะ วัว ควาย มาทำพิธีในลานประหารที่มีชื่อว่า "ลานหนุมาน โดกา" แปลเป็นไทยว่า "ลานโลกอนุมาน" ที่เมืองโบราณชื่อ "ปาตัน" โดยจะมีการร้องรำทำเพลงขณะที่ สองวัน สุดท้ายแล้วจะนำสัตว์ที่เคราะห์ร้ายเหล่านั้นมาสู่หลักประหาร เพชฌฆาตก็จะลงมือฆ่าด้วยมีดดาบ ที่เรียกว่า "มีดกุรข่า" ฟันลงไปที่คอ แต่มีเคล็ดลับว่าต้องฟันครั้งเดียวเท่านั้น คอต้องขาดกระเด็นทันที

การบูชายัญด้วยการฆ่าสัตว์อย่างนี้เขาเชื่อกันว่าเป็นการแสดงความเคารพต่อเจ้าแม่กาลี และสมมติว่า สัตว์เหล่านั้นคือทศกัณฐ์ ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ของพระราม เชื่อกันว่าทำอย่างนี้แหละเป็นการทำบุญ โปรดสัตว์ ทำให้สัตว์เหล่านั้นได้ไปเกิดใหม่ ได้ไปเกิดเป็นชีวิตที่ดีกว่า เมื่อฆ่าแล้วก็นำเอาเนื้อสัตว์นั้น มาแจกจ่าย ให้กินโดยทั่วถึงกัน เขาบอกว่าได้บุญทั้งคนฆ่าและคนกิน

เรื่องอย่างนี้เคยมีเล่าไว้ในพระไตรปิฎก และชาวพุทธก็เคยได้ยินมาจนคุ้นหูแล้วว่า เป็นลัทธิที่มีมาก่อน พระพุทธเจ้าจะเกิดมาเผยแพร่ สั่งสอนธรรมะ พระพุทธองค์ก็ยังเคยสั่งสอน ยับยั้งไม่ให้คนสมัยนั้นทำ เพราะทรงมีความคิดเห็นขัดแย้งกับความเชื่อของคนยุคนั้นว่าการฆ่าสัตว์บูชา ฆ่าสัตว์ทำบุญ ไม่ได้ทำให้ ได้บุญแต่อย่างใด มิหนำซ้ำการฆ่ายังเป็นบาป แม้การกินก็เป็นบาป การเกี่ยวข้องกับการฆ่า โยงใยถึง ค้าอาวุธ ไม่ได้ลงมือฆ่าโดยตรงก็ยังบาปเลย จะกล่าวไปไยถึงทั้งฆ่าทั้งกิน ทั้งนำเอาชิ้นส่วนอื่นๆ ของสัตว์ เหล่านั้นมาใช้ทำสิ่งอื่นๆ อีก

สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งเป็นกษัตริย์อินเดียพระองค์เดียวที่มีบทบาท ในการฟื้นฟูจรรโลง พระพุทธศาสนา มากที่สุด ยังทรงเมตตาสัตว์ด้วยการกำหนดอุทยานให้มันอาศัย ล้อมอาณาเขต ให้มันพักพิง ออกกฎหมายคุ้มครองสัตว์ เพราะทรงสำนึกผิดเรื่องที่ทรงโหดเหี้ยมทารุณ คนอื่น สัตว์อื่นมาก่อน ทำให้ทรงแก้กลับคืนด้วยการให้การคุ้มครองชีวิตมัน ทั้งยังทรงส่งเสริมการเผยแพร่ พุทธศาสนาด้วยการฟื้นฟูพุทธบริษัท 4 ให้ครบถ้วน ด้วยการให้ราชโอรส ราชธิดาอุปสมบท เป็นภิกษุ ภิกษุณีส่งไปเผยแพร่ต่างประเทศด้วยไทยเราก็พลอยได้ประโยชน์จากผลงานของ พระองค์ด้วย สมณทูตสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชนี่เอง ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาฟื้นฟู สังคายนาพุทธศาสนา หลังจากที่เสื่อมโทรม เพราะภัยจากการเมืองบ้าง สังคมบ้าง

ทำไมเพียงแค่เรื่องปากเรื่องท้อง หรือเรื่องหน้าตาที่ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่มีอะไรคงทนเที่ยงแท้ถาวรสำหรับใครๆ เพราะใครจะเป็นเจ้าของอะไร ใครจะได้อะไร ทำอะไร มีผลตอบรับมาแค่ไหน เพียงใด ขึ้นอยู่กับกรรมของตนเองทั้งสิ้น แต่คนก็ไม่คำนึงถึง คิดแต่เพียงจะเอา จะได้ให้ได้มาก ให้ตนได้ ตนมี ตนเป็นตามที่ตนอยาก ตนหลงเท่านั้น ไม่ได้คิดถึงหัวอกหัวใจของคนอื่น สัตว์อื่น การดำรงอยู่ของสรรพสิ่ง ก็หามีสิ่งใดยั่งยืนชั่วนิจนิรันดร คนก็ยังเสี่ยงที่จะก่อเวร ก่อภัยด้วยการ ไปประทุษร้าย ทำรุนแรงกับชีวิตคนอื่น สัตว์อื่น

คนด้วยกันก็ทำสงคราม ตีรันฟันแทงกันลืมความเจ็บปวดที่ตนจะได้รับ ลืมความทรมานที่คนอื่นจะได้รับ เพียงเหตุผลว่าเพื่อศักดิ์ศรี เพื่อชื่อเสียง เช่นเรื่องการก่อวิวาทระหว่างนักเรียนอาชีวะที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ จนกลายเป็นตราประทับรับรู้ให้คนในวงการ คนในสังคมเกิดความยึดถือ ลบหลู่ว่าพวกอาชีวะ ก็ต้อง อย่างนี้แหละ เพราะความเข้าใจผิดว่าการต้องกระทำรุนแรงคืนกับผู้กระทำรุนแรงก่อน เป็นการแสดง ความรักเพื่อนพ้อง การบอกถึงความเป็นผู้กล้าหาญ หรือการลบล้างด้วยการทำสิ่งที่แย่ยิ่งกว่า เป็นความเก่งกว่า เมื่อมีผู้ไปสัมภาษณ์ถึงเหตุผลว่าทำไม? พวกเขาทำอย่างนั้น ได้รับคำตอบว่า "ต้องการเพื่อน" หรือ "เพื่อนต้องการให้ทำอย่างนั้น" หากไม่ทำก็ไม่มีเพื่อน การร่วมกันทำอย่างนั้น แสดงถึงความเป็นเพื่อน คนที่ไม่กล้าก็ต้องยกความกล้า คนที่ไม่ชอบก็ต้องทำใจให้ชอบ เพราะเป็นการ สืบทอดทายาทไว้สำหรับปกป้องรุ่นต่อไป ทั้งๆ ที่ใจส่วนหนึ่งไม่ค่อยสบายนัก แต่เมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อม อยู่ในแวดวงของผู้ที่เขามีพฤติกรรมอย่างนั้น ก็ต้องทำให้เหมือนเขา หากไม่ทำอย่างเขา ก็จะถูกมอง หมิ่นแคลน ถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่รักเพื่อนพ้อง ไม่รักสี ไม่รักสถาบัน

เมื่อถูกปลูกฝัง สร้างความเข้าใจผิดอย่างนี้รุ่นแล้วรุ่นเล่า จึงยากแก่การที่ใครจะแหวกกอ ผ่าแนว แตกแถวออกมาจากพฤติกรรมเดิมๆ นักเรียนอาชีวะแต่ละรุ่นๆ ตามโรงเรียนอาชีวะที่มีชื่อติดอันดับ การตีรันฟันแทงเหล่านั้น จึงต้องก้มหน้าก้มตารับอกุศลวิบากนั้นต่อไป เรื่องการฆ่าสัตว์อื่น ทำร้ายสิ่งอื่น ก็คงไม่รอดพ้นไปจากเงื่อนไขชีวิตเหล่านี้ตามธรรมดาของผู้ชาย ที่มักวางมาตรฐานชีวิตของความเป็นผู้ชาย ด้วยรูปแบบความรุนแรง ด้วยการกระทำสิ่งที่ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัว อาชีพของผู้ชายส่วนใหญ่จึงมักมี แนวโน้ม ไปในทาง ทำร้าย ทำแรง ทำให้เจ็บปวดไม่ยกเว้นแม้แต่รับจ้างฆ่าคน รองๆ ลงไปก็ไม่พ้นเรื่องการ ต่อย การแทง การชก การยิง เวทีมวย อาชีพมือปืนจึงมักเป็นอาชีพที่ผู้ชายเป็นผู้กระทำทั้งสิ้น

แม้บางเรื่อง บางคราวไม่ได้คิดฆ่าเขา แต่ก็ยังมิวายจะวกเวียนอยู่ในแวดวงของการฆ่า อาจเป็นการฆ่า อย่างรองๆ ลงไป เช่นผู้ที่เสพยา ติดสิ่งเสพติด ก็มักมีเรื่องการทำร้ายตัวเอง เช่นกรีดเนื้อตัวเองแทรกซ้อน อยู่ในนั้นด้วย

คนฆ่าสัตว์ ไม่ว่าจะฆ่าหมา ฆ่าหมู ฆ่าเสือ ฆ่าวัว ฆ่าควาย ฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ แม้แต่ฆ่าคน หาผู้หญิง ทำน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย ผู้หญิงอาจมีมากในกรณีฆ่าตัวเอง เพราะความทุกข์ที่หาทางออก ไม่ได้อีกแล้ว แต่เมื่อขณะทำอยู่ หรือทำไปแล้วก็จะเข็ดขยาด เพราะรู้รสชาติของการฆ่า การกระทำ อย่างนี้ว่าผู้คิด ผู้ทำนั่นแหละเป็นผู้รับผลไปเต็มๆ หาใช่คนอื่นไม่ สุดท้ายก็ต้องบอกกับตัวเองว่า ถึงจะทุกข์แสนเข็ญเพียงใด ก็จะไม่ทำอย่างนี้อีกเพราะการฆ่าเป็นบาป การฆ่าเป็นการแสดงถึง ความเห็นแก่ตัว ผู้แจ้ง เห็นจริงถึงโทษภัยของการสั่งสมนิสัยเช่นนี้ จะพยายามหยุด พยายามเปลี่ยน แก้ไขใหม่ หันมาฆ่ากิเลสฆ่าความอยากแทน ถ้าใจยังอยากจะฆ่าอยู่ เพราะฆ่าอย่างอื่นล้วนเป็น อกุศลกรรมทั้งสิ้น แต่ถ้าหัดมาฆ่าบาปฆ่าทุจริต ชีวิตก็จะสดใสขึ้น เจริญขึ้น

ชีวิตเกิดมาด้วยยาก กว่าจะเลี้ยงให้เติบโตขึ้นก็ยาก แม้การดำเนินชีวิตอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะทำดี หรือทำชั่ว แต่ผลที่ได้รับต่างกันราวฟ้ากับดิน แม้เรื่องกิน เรื่องอยู่ ก็ต้องมีบทผจญภัย ผจญอุปสรรค ไม่ยกเว้นคน สัตว์ พืช ดิน ฟ้าอากาศ ธรรมชาติรอบด้าน จึงไม่เป็นการสมควร ที่คนจะด่วนเร็วใจง่าย ก่อสิ่งที่ทำให้ชีวิตไร้ค่าถึงปานนี้ เพราะการฆ่า ทำร้าย ทำลายสัตว์อื่น คนอื่น เป็นการฆ่าความมีค่า ของตนเองโดยตรงนั่นเอง

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ -