คุยนิด คิดหน่อย - บรรณาธิการ -

ขึ้นปีใหม่ทีไร กำหนดปณิธานไว้ว่า จะแก้ไขปรับปรุงพัฒนากรรมสามของตนให้ยิ่งขึ้น

ปีใหม่ จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่าชีวิตเก่าในปีเก่า ให้ได้ชีวิตใหม่ทุกๆ ปีที่ล่วงผ่านไป กว่าจะถึง วันโบกมือ อำลาชีวิต เราคงได้ลอกคราบชีวิตเก่าๆ ทิ้งไปได้หลาย

ไทยโพสต์ฉบับ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๔๖ ใน "บังอบายเบิกฟ้า" โดย ธรรมเกียรติ กันอริเรื่อง "ถึงคราว หลวงพ่อซีอีโอ" มีเนื้อหาสาระ เกี่ยวกับวงการสงฆ์ที่น่าสนใจ จึงขอคัดมาบางส่วน "...ปัญหา ศาสนสมบัติ รองนายกฯ วิษณุ... จำแนกให้เห็นว่า ถ้าเป็นทรัพย์ของพระ ที่เกิดจากคนถวาย เป็นส่วนตัวหรือเงินติดกัณฑ์เทศน์ เช่นนี้ใครจะเข้า ไปยุ่งไม่ได้ ถ้าเป็นทรัพย์ของวัด ก็เป็นสาธารณสมบัติ ของวัดนั้นๆ เว้นแต่เป็นศาสนสมบัติกลาง จึงเป็นของส่วนรวม ที่ใช้ในพระศาสนาร่วมกัน...ทัศนะดังกล่าวเห็นจะไม่ผิด เว้นแต่ต้องขยายความว่า เป็นทัศนะทางกฎหมาย เฉพาะกรณีพระนั้น สละเรือนออกบวชโดยเจตนาอยู่ในเพศบรรพชิตอันสูงส่ง มิใช่ข้องแวะ ในโลกฆราวาส อันต่ำช้า ย่อมเป็นชนผู้ไร้สมบัติ พระพุทธเจ้า เดิมทรงอยู่ในวรรณะกษัตริย์ มั่งมีมหาศาล บวชแล้ว จากมีสู่หมด บวชแล้วร่ำรวยนั้นยุ่งเหมือนกัน สมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา วชิรญาณวโรรส ทรงปกครองคณะสงฆ์ ได้ทรงวินิจฉัยว่า ทรัพย์อันเกิดระหว่างเป็นภิกษุ เมื่อมรณภาพแล้ว ย่อมตกเป็นของวัด เว้นแต่เป็นทรัพย์เดิมก่อนเข้ามาอุปสมบท หรือได้รับ พินัยกรรม ปัจจุบัน ผู้เขียนพบ คำพิพากษา ศาลฎีกาให้ภิกษุผู้ให้กู้เงินแก่ฆราวาสเป็นฝ่ายถูก เพราะไม่มีกฎหมายห้ามพระ... ดังนั้น ฆราวาส ที่เป็นลูกหนี้ จึงต้องชำระหนี้แก่โจทก์ (พระ) อย่างนี้ อาจถูกกฎหมาย แต่ไม่ชอบด้วยพระศาสนา สมเด็จพระมหาสมณเจ้า พระองค์เดียวกัน เลยทรงวินิจฉัย อธิกรณ์ทำนองนี้ ให้พระประพฤติตนเช่นนี้ สึกออกไปเสีย เพราะหากิน นอกธรรมเนียมพระ เอาเปรียบชาวบ้าน....

"หันกลับไปพิจารณาหัวข้อใหญ่ในการสัมมนาอีกครั้ง ที่มีนัยเรื่องความมั่นคงของพระพุทธศาสนา ซึ่งเห็นว่า มีสองด้าน คือ ด้านหนึ่งส่งเสริมความเจริญ อีกด้านหนึ่งป้องกันการทำลายจากศัตรู ปัญหาอยู่ที่ว่า ใครคือศัตรู ของพระพุทธศาสนา ท่านที่เคารพท่านหนึ่ง เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี และเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ ในอดีต เคยแสดงทัศนะเรื่องนี้ ในวารสาร... "ศุภมิตร" เมื่อธันวาคม ๒๔๙๘ เขียนปิดท้าย บทความ เรื่องใครเป็นศัตรูของพระพุทธศาสนา... ท่านคือ ศ.สุกิจ นิมมานเหมินท์

"ศัตรูจริงของศาสนา ก็คือ พุทธศาสนิกที่ไม่จริง พุทธศาสนิกที่ไม่ได้ศึกษา ไม่รู้จักคำสอน ของพระองค์ พุทธศาสนิก ที่หันมาใช้วิธีคอรัปชั่นกับพระองค์... พุทธศาสนิกที่ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น ทำเคร่งหยุมหยิม กับสิ่งไม่มีสาระ แต่ทอดทิ้งเมินเฉยต่อหลักเมตตาปรานี อันเป็นกัลยาณธรรมอันแรกของพระองค์...อ้างแต่สิทธิ ไม่คิดถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย และ ความเที่ยงธรรม พุทธศาสนิกที่ใช้พุทธศาสนา เป็นเครื่องมือ สำหรับเถลิง อำนาจราชศักดิ์ สำหรับจะพรางให้คนสำคัญผิดต่างๆ นานา บุคคลที่เรียกตนว่าพุทธศาสนิก แต่มิได้ปฏิบัติตาม พุทธานุศาสน์ นั่นแหละเป็นศัตรูของพระพุทธศาสนา"

ท่านผู้อ่านครับ พอมองเห็นหรือยังครับ ใครคือศัตรูตัวร้ายกาจของพระพุทธศาสนา จะเป็นใคร ก็ช่างเถอะ เพราะยาก ที่เราจะไปแก้ไข ใครอื่นได้ แค่ตัวเองเป็นพุทธศาสนิก มีปกติในศีลห้า ละอบายมุข ไม่เสริมส่ง อบายมุข ก็ไม่เก้อเขิน ที่เอ่ยว่า...ฉันก็เป็นชาวพุทธ

สำนึกดีปีใหม่ครับ ปีหน้าพบกันใหม่

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๒ มกราคม ๒๕๔๗ -