- จำลอง ศรีเมือง- พอถึงวันขึ้นปีใหม่ อากาศที่บ้านป่าหนาวเย็นอย่างเห็นได้ชัด
ดูท่าปีนี้จะหนาวกว่าปีที่แล้ว ไก่ป่า เริ่มออกมาหากินมากขึ้นส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
สุนัขป่าเริ่มหอนโหยหวนตอนเช้ามืด หน้าหนาวจริงๆ เริ่มขึ้นแล้ว ทำการเกษตรไม่ว่าจะปลูกพืชอะไรๆ ก็เหมือนๆ กัน งานหนักแต่เงินน้อย ส่วนประเภทงานเบา เงินมาก นั้นมีหลายอาชีพ ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาคือการเป็นนักการเมือง เมื่อได้รับเลือกตั้งเข้าไปเป็นท่านผู้ทรงเกียรติ ในรัฐสภาแล้ว จะไม่สนใจไยดีอะไรเลยก็ได้ ไปประชุมบ้างไม่ไปประชุมบ้าง เยี่ยมราษฎรบ้างไม่เยี่ยมบ้าง ก็ได้ ไม่มีใครบังคับ มีสิทธิพิเศษ หลายอย่าง เช่น ขึ้นรถไฟชั้นพิเศษฟรีพร้อมผู้ติดตาม เหาะเหินเดินอากาศฟรี พากันไปถลุงเงิน ภาษีอากรของราษฎรที่ต่างประเทศได้บ่อยๆ สิ้นเดือนรับเงินเป็นหมื่นๆ ไม่ต้องตากแดดตากฝน หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินให้ลำบาก ทำงานเบาๆ ได้ค่าจ้างมากอยู่แล้วยังจะขอขึ้นเงินเดือนอยู่เรื่อย อ้างว่าไม่ได้ขึ้นมาหลายปีแล้ว ปีที่แล้วบางเดือนชาวนาขายข้าวได้ราคาเท่ากับเมื่อ ๒๐ ปีก่อน ไม่มีใครขอขึ้นเงินให้บ้าง "ทุกข์ของชาวนาคือทุกข์ของแผ่นดิน" เป็นคำไพเราะที่ปลอบใจมานานแล้ว ส.ส. ขอขึ้นเงินเดือนจากเดือนละ ๗๗,๘๐๐ บาท เป็น ๑๐๔,๕๐๐ บาท เสนอเรื่องไปยัง คณะกรรมการ กลั่นกรองงานของคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการฯ ขอให้รอไว้อีกสักระยะ เพื่อไม่ให้บาดหมาง คณะกรรมการฯ เห็นสมควรเพิ่มเบี้ยประชุมเป็น ๒ เท่า จากเดิมคือ จากครั้งละ ๕๐๐ เป็น ๑,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท ต่อวัน (หากประชุมวันละ ๒ ครั้ง เพียงเบี้ยประชุม ก็จะได้ เดือนละ ๕ หมื่นกว่าบาท) ที่จริงการเข้าประชุม ไม่ว่าจะประชุมสภาหรือประชุมกรรมาธิการ เป็นหน้าที่โดยตรงของ ส.ส. อยู่แล้ว เบี้ยประชุมก็ได้ครั้งละ ๕๐๐ บาทอยู่แล้ว ยังจะได้เพิ่มเป็น ๒ เท่าอีก ส.ส. หลายคนอ้างเหตุผลเก่าๆ ว่า ต้องขอขึ้นเงินเดือนเพราะไม่พอใช้ ต้องจ่าย ภาษีสังคมมาก เช่นงานศพ งานบวช งานแต่งงานเป็นต้น ก่อนสมัครเป็น ส.ส. ก็รู้อยู่แล้วว่าเงินเดือนเท่าไร ไม่พอใจ เห็นว่าไม่พอกินพอใช้ก็ไปทำอย่างอื่นเสียก็หมดเรื่อง ไม่มีใครขอร้อง หรือบังคับให้ต้องสมัคร รับเลือกตั้ง เป็น ส.ส. ภาษีสังคมที่อ้างนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องจ่ายมาก งานบวชเจ้าภาพขอเหล้า เราก็ชี้แจงได้ว่าไม่สมควร บวชให้ถูกต้องจริงๆ แทบไม่ต้องจ่ายเงินเลย พวงหรีดที่นำไปแขวนหน้าศพ ไม่จำเป็นต้องซื้อ ราคาแพงๆ ตอนที่ผมเป็นผู้ว่าฯ และ ส.ส. ผมใช้กระดาษแข็ง เขียนลวดลายสวยงาม พวงหนึ่ง ใช้ได้ทุกงาน ทำไว้หลายๆ พวงเผื่อมีงานศพหลายงานพร้อมกัน ถ้าไม่มีเด็กไปตามเก็บมาคืน ก็เสียค่าพวงหรีด พวงละ ๒๒ บาทเท่านั้นเอง แม้ออกจากตำแหน่งการเมืองมาแล้ว ผมก็ยังใช้ พวงหรีด แบบนั้นมาตลอดถึงวันนี้ พวกเราในฐานะชาวบ้านเจ้าของเงินภาษีอากรต้องช่วยกันย้ำว่า การเมืองไม่ใช่อาชีพ อย่าคิดมาเอาอะไร จากบ้านเมือง แต่ต้องคิดมาเสียสละ ถ้าไม่พร้อมจะเสียสละ อย่ามาเสนอตัว เป็นนักการเมือง ให้ไปทำอย่างอื่น เมื่อพร้อมจึงคิดเป็นนักการเมือง มิฉะนั้นก็จะขอขึ้นเงินเดือน อยู่ร่ำไป ได้เท่าไรก็ไม่พอ น่าเบื่อ หลังการปฏิรูประบบราชการ มีหน่วยงานใหม่หน่วยงานหนึ่งที่ประชาชนยังไม่คุ้น คือ สำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งมี พล.ต.ท.อุดม เจริญ เป็นผู้อำนวยการ เมื่อเดือนก่อน ผมคิดจะเชิญท่าน ไปคุยที่บ้านพิษณุโลก เพื่อไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ และหน้าที่การงาน เมื่อเทียบรุ่นกัน ท่านเป็นนักเรียนนายร้อย หลังผมหลายรุ่น เจอกันครั้งหลังสุด เมื่อหลายปีมาแล้ว ตอนนั้น ท่านตัดผมสั้นเหมือนผม เป็นผู้บัญชาการ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สนใจธรรมะมาก ผมติดตามข่าวเรื่อยมา ตอนหลังท่านเป็นผู้บัญชาการศึกษาของตำรวจ เกณฑ์นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไปถือศีลแปดที่วัด นุ่งขาวหุ่มขาว ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง พี่วสิษฐ (พล.ต.อ.วสิษฐเดชกุญชร) เคยเขียนชม ในหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ผมมัวแต่จดจ้องไม่ได้เชิญท่านคุยสักที บังเอิญเมื่อกลางเดือนธันวาคม ผมฟังข่าววิทยุ ที่ท่านให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ผมรีบหาหนังสือพิมพ์อ่านเพื่อให้ทราบชัดๆ ท่านพูดถึงข่าว ที่มีการเสนอ ให้ตั้งสังฆราช ๒ องค์ แล้วเพิ่มเติมด้วยเรื่องนิกายในพระพุทธศาสนา "สำหรับเรื่องการจัดตั้งนิกายใหม่ แม้จะทำได้ตามรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเรื่องของความเชื่อ แต่ละคน แต่รัฐบาลจะไม่ให้การสนับสนุนใดๆ ทั้งสิ้น และหากนิกายเหล่านี้ ทำผิดกฎหมาย บ้านเมือง ก็จะถูกดำเนินคดี ทั้งนี้ตนไม่อยากให้ประชาชนกังวล กับเรื่องดังกล่าว เพราะที่ผ่านมา ก็มีหลายนิกาย เช่น สันติอโศก หรือโยเร ที่พยายามให้รัฐบาลรับรอง แต่ไม่สำเร็จ เมื่อเป็นเช่นนี้แทนที่ผมจะรอเพื่อนัดพบท่านผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผมควรมีหนังสือ ถึงท่านโดยเร็ว ชี้แจงให้ท่านเข้าใจ สันติอโศกไม่ใช่นิกาย (ทั้งนิกายเก่า และนิกายใหม่) สันติอโศกเปิดตำราปฏิบัติถูกต้อง ตามพระธรรมวินัย ทุกประการ เคร่งครัดเกินกว่าที่ใครจะคาด แต่สงฆ์ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำตามนั้น ขืนปล่อยให้อยู่ในสถานภาพเดิม ก็จะเกิดการเปรียบเทียบว่า ใครถูกใครผิด จึงกันสันติอโศกออก ให้ประชาชน เข้าใจว่า เป็นนิกายใหม่ ทั้งพระและฆราวาสในสันติอโศก ยังยืนหยัดเหมือนเดิม มาตลอดว่า ไม่ใช่นิกาย รัฐบาลจะสนับสนุนหรือไม่ก็ไม่เป็นไร ขออย่างเดียวอย่ากลั่นแกล้งให้เราต้องเสียเวลาเปล่าๆ แทนที่ จะมีเวลาเผยแพร่ธรรมะ ที่ถูกต้องของพุทธอย่างเต็มที่ และสันติอโศก ก็ไม่เคยขอให้รัฐบาล ออกมารับรอง แต่อย่างใดเลย พระสันติอโศกท่านมั่นคงจริงๆ ตอนที่ถูกเอาเรื่องเอาราว ท่านไม่เคยขอให้ใครช่วย กลับขอร้อง ฆราวาส ให้อยู่เฉยๆ อย่าเคลื่อนไหว ถ้าจับท่านขังคุก ท่านก็จะเข้าไปสอนศาสนาพุทธแท้ๆ ในคุก เมื่อถึงเวลาออกจากคุก ก็สอนนอกคุก แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรหนักหนา ผมขอให้บรรณาธิการ ซึ่งเป็นตำรวจด้วยกัน
ส่ง "เราคิดอะไร" ฉบับนี้ให้ท่านผู้อำนวยการ
สำนักงาน ปีใหม่ที่แล้ว ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจบางคน ที่ติดตามข่าวคราว คงหงุดหงิด เมื่อผม ให้สัมภาษณ์ คัดค้านวันหยุดยาว ที่คณะรัฐมนตรีแถมวันหยุดที่ ๓๐ ให้อีก ๑ วัน รวมเป็น ๕ วัน เสาร์ ๒๘ อาทิตย์ ๒๙ จันทร์ ๓๐ อังคาร ๓๑ ธันวาคม และพุธ ๑ มกราคม ปีนี้คงหงุดหงิด คณะรัฐมนตรี ที่เลื่อนวันหยุด วันส่งท้ายปีเก่า ๓๑ ธันวาคม ไปหยุดวันที่ ๒ มกราคมแทน เพื่อจะได้ หยุดต่อเนื่อง ๑ ถึง ๔ มกราคม ๔ วัน หากไม่เลื่อน ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ จะถือวิสาสะ หยุดวันที่ ๒ มกราคม กลายเป็น วันหยุดปีใหม่ ๕ วัน (คือวันพุธที่ ๓๑ ธันวา พฤหัส ๑ มกรา ศุกร์ ๒ มกรา เสาร์ ๓ และอาทิตย์ ๔ มกรา) ถ้าหยุด ๕ วัน ก็เท่ากับปีที่แล้ว ซึ่งหลายๆ คนออกมาค้าน ซึ่งผมมีเหตุผลว่า ปีหนึ่งๆ หยุดไปตั้ง ๑๑๘ วัน แล้ว ไม่นับพักร้อนอีก ๑๐ วัน แล้วจะไปสู้คนชาติไหนเขาได้ เอาแต่สนับสนุน ให้คนไทย ขี้เกียจอยู่อย่างนี้ เวลาบรรยายเรื่องการพัฒนาตนเองเกี่ยวกับความขยันที่โรงเรียนผู้นำ ผมจะหยิบยกเรื่องวันหยุด ขึ้นมาพูด มาถึงวันนี้ผมขอขอบคุณใครไม่รู้ ที่ติดคำโฆษณาตามป้ายรถประจำทาง ในกรุงเทพฯ เมื่อเกือบ สองปีมาแล้ว โฆษณาขายอะไร จนเดี๋ยวนี้ผมก็ยังไม่รู้ เพราะต้องกลับไปบ้านนอก ไม่มีเวลาติดตาม คำโฆษณาในแผ่นต่อๆ มา ขอบคุณคำว่า "๑๑๘ วันใช้มันให้หมดไป" มีตัวเลขอะไรดีๆ ที่ผมและหลายๆ คนไม่ได้คิด คิดไม่ถึง ก็ขอให้ นำมาโฆษณาอีก ผมต้องขออภัย ฉบับนี้เขียนสั้นไปหน่อย ผมคิดอะไร อีกหลายเรื่อง แต่ไม่มีเวลาเขียน ต้องรีบ ตามพระ ขึ้นเครื่องบินไปศรีลังกา สวัสดีปีใหม่ครับ - เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๒ มกราคม ๒๕๔๗ - |