เวทีความคิด
- เสฏฐชน
- เตือนด้วยเอื้ออาทร สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาโดยมติของอนุกรรมการส่งเสริมสวัสดิการ
และสวัสดิภาพครู ยื่นข้อเสนอ ขอให้ครูที่เป็นสมาชิกคุรุสภา สามารถผ่อนซื้อรถยนต์ได้
ในราคาถูก ผ่อนส่งระยะยาว ไม่ต้องเสียเงินดาวน์ เป็นข่าวที่ก่อให้เกิด เสียงวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง
เพราะในยุคนี้ คงมีคนปฏิเสธยาก ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องรถยนต์เลย การจราจรคับคั่ง
มลพิษแพร่ขยาย ก็เนื่องมาแต่ไม่อาจลด จำนวนรถยนต์ได้ นี่แหละน่าจะเป็นเหตุผลประการหนึ่ง
แต่คนก็ไม่ค่อยยอมรับ หากคนเราจะคิดทุจริต หรือคิดว่าตัวเองฉลาด ด้วยการลอกเลียนแบบสติ๊กเกอร์ สัญลักษณ์ต่าง ๆ ของสถาบันที่มีชื่อ เป็นที่นิยม ศักดิ์สิทธิ์ ก็ใช่ว่าจะทำให้ปลอดภัย ตราบที่ตัวรถเอง ยังเป็นเครื่อง ส่งกระแสบอกถึงความร่ำรวย ความมั่งคั่ง ความสุรุ่ยสุร่าย ความโอ่อ่า ก็มีน้ำหนักเพียงพอ ที่มิจฉาชีพจะมองเต็มๆ เหตุผลของการให้โอกาสแก่ข้าราชการครูเพื่อซื้อรถเงินผ่อน มีอยู่ประเด็นหนึ่ง ที่สะดุดใจ จนต้องนำมาคิดว่า "เพื่อไม่ให้คนดูถูก เพื่อให้สถานภาพ ทางสังคมดีขึ้น" ก็หมายความว่า ความเป็นคนยอดนิยม ในยุคนี้ต้องดูจากรถหรือ? แทนที่จะดู จากพฤติกรรมน้ำใจดี ความเป็นคน มีศีลธรรมดี ความเอาใจใส่ลูกศิษย์ดี ความเคร่งครัดต่อหน้าที่ดี ฯลฯ เพราะอย่างนี้น่ะสิ จึงทำให้ครูเป็นหนี้ยิ่งขึ้น ในพุทธศาสนาก็เขียนสอนไว้ว่า "ความเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก" คนเป็นหนี้สนุกนักหรือ? คนขายรถน่ะดีแน่ เพราะได้เงิน จะได้ช้าหรือเร็วก็ตาม ปะเหมาะอาจได้ดอกเบี้ยด้วย แม้จะออกตัว เชิงเบี่ยงราศี ความได้เปรียบไว้ อย่างซ่อนเร้น ถ้าเราใช้ปัญญาก็ไม่ยากเกินจะไขความ ทั้งภาษีรถ ทั้งค่าเสื่อม ค่าดูแล ค่าเติมน้ำมัน ค่าอะไร ต่อมิอะไร จิปาถะ ล้วนแต่ช่วย "ลดเงินในกระเป๋า" ผู้ใช้รถทั้งสิ้น แม้จะใช้รถทำมาหากิน หรือทำมาหากินด้วยการค้าขายรถ ทั้งเถื่อนและไม่เถื่อน ทั้งข้ามประเทศ และในประเทศ ก็ล้วนมีแนวโน้ม ทำให้คนเสียนิสัย มากขึ้นทั้งสิ้น สังเกตได้จากคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพ
น้ำใจ คนสมัยก่อนที่เขาใช้เดิน ใช้เครื่องทุ่นแรงอย่างมาก สมัยนี้คนใช้รถกันมากขึ้น แม้ไม่มีถนน ในหมู่บ้านชนบทรถจักรยานยนต์มีทั่วไป ชาวไร่ ชาวนา ก็อาศัยรถไถ รถเกรด รถเกี่ยว นวด ฝัด และรถขนส่ง แรงงานแรงมือ แรงคนลดน้อยลงไป ตามสัดส่วน ของการใช้เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ บางทีปัญหา โรคภัยไข้เจ็บ ความปวดเมื่อย ตามร่างกายที่มากขึ้น อาจมาจากคนชนบทเปลี่ยนแปลง วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในแง่นี้ก็ได้ วงการแพทย์ก็ยอมรับว่าการเดินให้ได้ทุกวัน เป็นการออกกำลังกายที่ดี และค่อยเป็นค่อยไปตาม ธรรมชาติ มีประโยชน์ ช่วยโครงสร้างร่างกายได้มาก ได้ตรงกว่าการเร่งรัดด้วยการออกกำลังกาย ที่ต้องอาศัยเครื่องมือเทคโนโลยี จากเครื่อง ออกกำลังกาย ที่ตามบริษัทใหญ่ๆ โฆษณากัน มิหนำซ้ำ ยังต้องซื้อหาด้วยราคาแสนแพง ต้องดูแลอย่างดีเลิศ ด้วยความรู้ ด้านภาษาต่างประเทศ ที่ต้องแปล ความหมายอีกต่อหนึ่ง การหาช่างแก้ไขยามเกิดขัดข้อง ความเสียเปรียบ ด้านอัตรา แลกเปลี่ยน ของเงินตรา หากคนใจเย็นๆ ใช้การเดินไปเดินมาระยะสั้นๆ เพียงเดินไปตลาด ใกล้บ้าน เข้าซอยตื้นๆ ข้ามฝั่งไปไม่ไกลนัก โดยไม่ต้องใช้บริการ รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง สำหรับคนในเมืองหลวง คงทำให้จำนวนคนเป็นโรคต่าง ๆลดลงด้วย เพราะการบริโภคอาหาร ที่มีไขมันสูง มีรสอร่อย ที่เสริมให้กินอย่างขาดสติ ทำให้เกิดเนื้อส่วนเกิน กำลังกล้ามเนื้อหย่อนยาน ความอดทนน้อยลง คนจึงไม่ค่อยยอมเดิน แม้บันไดธรรมดา ที่ต้องก้าว ก็ลดน้อยไปตามลำดับ ตามอัตราส่วนของลิฟต์ที่เพิ่มขึ้น เมื่อวิถีชีวิตคนในเมืองใหญ่เป็นเช่นนี้ การเลียนแบบอย่างที่คนเมืองใหญ่ทำ ก็ไหลเลื่อน ไปสู่คน ในชนบท เพราะหลงเข้าใจว่า อะไรที่คนเมืองหลวงทำ นั่นคือความเจริญ คนไกลปืนเที่ยง จึงดิ้นรน ที่จะเอาแบบอย่างตาม เป็นชั้นตามฐานะ เช่นคนชาวเขา แต่เดิมที่เดินเก่ง มีแรงมหาศาล ที่จะแบกหามของ ขึ้นดอยขึ้นเขาสูงๆ ก็หันมานิยมซื้อรถปิ๊กอัพใช้ พืชผลทางเกษตร ออกมา ได้เท่าไหร่ ก็ยังไม่ทำให้พ้น ความเป็นลูกหนี้ ธ.ก.ส. เพราะเขานำมาใช้ เพื่อรถมากกว่า ใช้เพื่อ ชีวิตประจำวัน ยังไม่ได้รวมถึงมอเตอร์ไซค์ ที่วัยรุ่นนิยม ทั้งนำไปเป็นพาหนะขี่อวดสาวในหมู่บ้าน หรือใช้วิ่งเป็นรถแข่งพนันขันต่อ เพื่อแลกเงิน แลกผู้หญิง ที่ข่าวเคยลง ให้อ่านมาแล้ว ข่าวรถเถื่อนที่ข้ามฝั่งลาว เขมร พม่าก็ใช่ย่อย โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นหลายยี่ห้อที่ถูกแปลงโฉมใหม่ เพื่อขายต่อ ในบ้านพี่ เมืองน้องเหล่านั้น แม้ตามแหล่งจำหน่ายรถมือสองต่างๆ ตามขอบริมถนน ริมทาง ตามที่ว่างยังไม่ได้ก่อสร้าง ก็ยังมีแหล่ง จำหน่ายรถไปทั่ว ผนวกกับการจัดงาน แสดงรถใหม่ ทุกปี ที่โชว์ตามสถานที่หรูหราระดับ 5 ดาวอื่น ๆ อีก เป็นแรงยั่วยุ ที่หาข้อยุติได้ยาก ตราบที่คน ยังหลงแสงสี ความหรูหราของเครื่องใช้พวกนี้ โดยเฉพาะผู้ชายจะนิยมเล่นรถ ไม่ต่างจากผู้หญิงชอบแฟชั่น ซึ่งเป็นของเล่นราคาแพงหลักล้าน บางบ้านจะมีรถ ตามจำนวนคนในบ้าน หรือมากกว่า เพราะรถยังถูกแบ่งเกรดเป็นรถบรรทุก รถท่องเที่ยว รถไปงาน รถเกียรติยศ รถธรรมดา ตามยี่ห้อ ตามประเทศ ที่ผลิต แน่นอนว่า รถเอเซีย ต้องด้อยกว่ารถยุโรปแน่ การแข่งขันกันด้วยเงินเดือน ตำแหน่งการงาน ยังมีคนเห็นได้น้อย แต่แข่งขันกัน ด้วยรถ มีโอกาสโชว์มากกว่า แม้จะอ้างความปลอดภัย ความแข็งแรงทนทาน ความรวดเร็ว ในการใช้ประโยชน์ ขึ้นมาเป็นเครื่องป้องกัน คำตำหนิติเตียนก็ตาม ความจริง ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน ย่อมหนีความจริงไม่พ้น เพราะมิฉะนั้นแล้ว ไฉนรถจะต้องมีหลายคันเพียงคันเดียวก็ใช้งานได้ทุกอย่าง หากเราจะใช้รถ จริงๆ ให้สมกับราคา และคิดว่า มันเป็นสิ่งอำนวยความสะดวก ให้แก่เราเท่านั้น ไฉนจะต้องเป็นรถ ยี่ห้อต่างๆ ที่มีราคาสูงขึ้นๆ จนเหนือปัจจัย 4 ที่จำเป็นจริงๆ เสียอีก ความหลง เรื่องรุ่นอีกอย่าง ที่สื่อบอกถึงความฟุ้งเฟ้อของคน ความอวดโอ่ของคน ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่า ถนนแน่นขึ้นทุกวัน ทางด่วน แย่ลงทุกที แม้จะปรับเป็นสะพานลอย รถใต้ดิน รถบนฟ้าอย่างไรๆ ก็ไม่อาจแก้ปัญหา ความคับคั่งเหล่านี้ได้ รถต้องมีบ้านอยู่ บ้านรถบางคันดีกว่าบ้านคนบางคนอย่างเทียบกันไม่ติด รถต้องมีบริการดูแล ไม่ต่างจาก โรงพยาบาล ดูแลสุขภาพคน ซึ่งชั่วชีวิตคนบางคนไม่เคยเข้า หรือเข้า โรงพยาบาล เพื่อตรวจสอบสุขภาพน้อยมาก แต่รถต้องเช็ค เกือบทุกเดือน การขัดล้าง เช็ดถู เครื่องประเทือง ผิวรถ ราคาแพงกว่าแป้งดินสอพอง ทาตัวคนอีกเท่าไหร่? ที่อ้างอิง ยกขึ้นมาให้คิดถึงขั้นนี้ เพื่อให้เห็นว่า "รถ" นั่น "ลด" อะไรลงไปบ้างในคน ฉะนั้นแม้ว่าทางโครงการรถเอื้ออาทรจะมีทางออกสำหรับผู้จะเป็นลูกหนี้เพื่อการนี้ว่า ต้องคำนวณว่า ผู้กู้มีเงินเดือนเท่าไหร่ หลังหักการใช้จ่าย เหลือยอดสุทธิแล้วก็ตาม ก็ไม่ใช่คำตอบ ที่ดีที่สุด เพราะไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาคนยากจน หรือ เพิ่มความร่ำรวยจริง ๆ ได้มากไปกว่า การสร้างภาพ หรือเป็นเพียงการเอาใจคนกลุ่มหนึ่ง กับคนกลุ่มใหญ่ในยุคนี้ ที่มีรสนิยม สูงกว่ารายได้ โดยไม่คำนึงถึง ปัญหาอื่น ที่จะตามมา เพราะอาชีพครูใคร ๆ ก็รู้อยู่ว่าต้องเป็นแบบอย่าง เป็นแม่พิมพ์ การดำรงชีวิตของครู จึงมีผลกระทบ ต่อพฤติกรรม ของเยาวชน โดยปริยาย ครูจึงได้รับการนับถือจากสังคมด้วยเหตุนี้มาแต่ดั้งเดิม แต่เมื่อไหร่ครูทำลายจรรยาบรรณ ศีลธรรมของครู ที่ต้องรักษา ตามอาชีพ ตามหน้าที่ เกียรติศักดิ์ ของครู ก็ถูกครูนั่นแหละ ย่ำยีกันเอง โดยลดฐานะลงมา เป็นเพียงเรือจ้าง ราคาแพง ที่นักเรียน ดูหมิ่น ตามอัตราส่วน ที่ครูหันไปให้ความสำคัญ ตีค่าตัวเองด้วยวัตถุต่างๆ เหล่านี้ ความอยากมักจะบดบังความดี และผันแปรความจริงให้บิดเบี้ยวไป คนเราจึงต้องศึกษา เรื่องความอยาก ให้มากๆ จึงจะช่วยบรรเทา ความทุกข์ คลี่คลายปัญหาลงได้ตรงถูกเป้าหมาย แม้วิธีนั้นจะต้องออกในทิศทาง ต้องขัดใจกันเอง ก็ตาม รถเอื้ออาทรหรือจะสู้กับ "น้ำใจเอื้ออาทร" ที่คนเราจะพึงมีต่อกัน ด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน เข้าอกเข้าใจกัน ที่คนด้วยกันจะไม่มีนิสัย ไม่สร้างนิสัย ดูหมิ่นคนด้วยกัน จากการนำเอาอาชีพ มาเปรียบเทียบความสูงต่ำ รายได้ ฐานะ ชาติตระกูล การงาน ความรู้ กระดาษรับรอง การศึกษามาเปรียบเทียบความสูงต่ำกันและกัน จนกระทั่ง ต้องบานปลายออกไปเป็นถึงรถ ก็ถูกนำมา เป็นเครื่องวัด เปรียบ ในการกดขี่ ยกย่อง หรือเหยียบย่ำกันและกัน ดังเช่นตัวอย่าง ที่เกิดขึ้น จากภัตตาคาร โรงแรมว่า ถ้าลูกค้าขับรถเบ๊นซ์ เข้าไป จะได้รับบริการ ความเคารพ กว่าลูกค้า ที่ขับรถญี่ปุ่นเข้าไป หรือตามรีสอร์ตต่าง ๆ ที่เต็มใจจะต้อนรับ ผู้ขับรถส่วนตัวเข้าไป มากกว่า คนที่เดิน หรือนั่งแท็กซี่เข้าไป หรือตามโรงเรียนดัง ๆ ที่เด็กที่มีผู้ปกครอง นั่งรถเก๋งมารับ จะได้รับการเอาใจใส่สนใจ เพิ่มเติมความรู้ ให้มากกว่า เด็กที่พ่อแม่ เดินมารับ ด้วยสองเท้า มิหนำซ้ำครูเอง อาจเผลอนำตัวเองไปตีค่า ต่ำกว่าศิษย์ เพราะครูยังไม่มีรถนั่ง หากครูคนใด คิดเช่นนี้ เราจะหวังพัฒนาการทางคุณภาพศีลธรรม จากการศึกษาได้อย่างไร? เพราะการศึกษาที่ดี ควรทำให้คนพ้นทุกข์ ควรเป็นการศึกษาที่พาให้คนมีจิตใจประเสริฐ มีวิญญาณ ที่ดีงาม มีเสรีภาพ ทางการเลือกบริโภค ไม่ตกอยู่ภายใต้ความกดดันใด ๆ จากใคร ๆ เพียงเพราะไม่มีโลกธรรมเสพก็ทำให้ครูอ่อนไหวต่อสิ่งที่มากระทบกระทั่งเสียแล้ว การยกฐานะอื่นๆ ก็ไม่ให้ผลดี เท่ากับการยกฐานะ จิตวิญญาณ ให้หลุดพ้นจากอำนาจวัตถุบริโภค แน่นอนถ้าครูหรือคนในอาชีพอื่นๆ เข้าใจแก่นแท้ของชีวิต อย่างนี้ได้ ก็คงจะทำให้ ความน้อยเนื้อต่ำใจ หรือความคิดผิดเหล่านี้สลายตัวไปบ้าง ซึ่งมันเป็นความจริง ที่คนไม่ค่อยนำมาคิด ไม่ค่อยนำมา เป็นเหตุผลเพื่อหยุด เพื่อปฏิเสธความยั่วเย้าของวัตถุบริโภคต่าง ๆ รอบด้านในชีวิตประจำวันของคนทุกวันนี้ คนทุกวันนี้จึงมีชีวิตอยู่อย่างทาส ทาสทางวัตถุที่ยากแก่การบอกกล่าวเตือนสติ เพราะดูประหนึ่งว่า การหันกลับมาประหยัด จะค้านแย้ง กับประโยชน์ที่คนหลงพากัน กำหนดค่าไปตามกาลเวลา ตามความเก่งคิด ประดิดประดอย ของคนหลายอาชีพ สินค้าหลายชนิด ซึ่งรถก็เป็นสินค้าตัวหนึ่ง ในสมัยนี้ที่มาแรง แรงจนทำให้คนจนลืมตัว แรงจนทำให้บรรยากาศ แปรปรวน ผันเปลี่ยน จากธรรมชาติเดิม ๆ โดยไม่จำเป็น แรงจนทำให้คนมีอำนาจเงิน อำนาจการซื้อ อำนาจการสร้างอิทธิพลต่าง ๆ กระโจนตัวได้เร็วขึ้น ซึ่งไม่ต่างจาก แรงยิงของธนู ที่มีพิษร้ายในสมัยโบราณเท่าไหร่นัก น้อยคนที่จะพ้นจากลูกธนู ที่นักบริโภค ยิงเข้าเสียบอก ไม่จำเพาะแต่อาชีพครูเท่านั้น หากเหล่าชาวพุทธทั้งหลายไม่หัดใช้ปัญญา ทำให้เกิดธรรมปัญญาสอดส่องพิจารณาให้ดี ๆ ก็คงจะพากัน ตกอยู่ ในความมืดเพิ่มขึ้น เพราะไม่รู้จัก แสวงหาแสงสว่าง
- เราคิดอะไร ปีที่ ๑๐ ฉบับที่ ๑๖๒ มกราคม ๒๕๔๗ -
|