แปลงทรัพย์สินเป็นทุน สนับสนุนงานศาสนาหลวงปู่พุทธทาส เคยสอนไว้ว่าการไถนา ต้องมีควายสองตัว ตัวที่เป็นแรงอยู่หลัง ส่วนตัวหน้า จะเป็นตัวนำ ขาดตัวตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้ หากเปรียบธรรมะต้องบอกว่าสมถะคู่กับวิปัสสนา หากเปรียบรัฐนาวาก็ต้องมีทั้งใบและหางเสือ "ใบ" เอาไว้ขับเคลื่อน "หางเสือ"เอาไว้ควบคุมทิศทาง จะได้ไม่เสียแรงเปล่า หากเป็นชีวิต จึงไม่ใช่มีวันนี้ แต่ต้องมีหลักประกันอนาคต การสร้างรายได้ การทำประชาชนอิ่มปากอิ่มท้อง การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน การเอาที่ดิน มาทำ ไถ่ถอน จำนองได้ การเอาเงินนอกระบบ ให้โผล่ขึ้นมาเปิดเผย มาแบ่งกันใช้ไม่ใช่มุบมิบกับมือเจ้าหวย การนำเงินอนาคตมาเบิกใช้ก่อน แม้แต่ภาคเอกชนจะเปิดสินเชื่อให้กู้ทีละมากๆ เป็นหลายเท่าของเงินเดือน เป็นหลายเท่า ของรายได้ ที่หาได้ในแต่ละเดือน วันนี้อนาคตเป็นของเรา แต่วันหน้าเราจะเป็นของ "ซาตาน" ! เศรษฐกิจกำลังเขียวขจี เป็นใครก็ต้องปลาบปลื้ม นี่ขนาดใช้ควายตัวเดียวไถ ถ้ามีอีกตัวมานำจะสนุกสนานขนาดไหน? งาน "ทางโลก" ดีแล้ว แต่งาน "ทางธรรม" ยังรอคอยเสียงนกหวีด เมื่อถาดทองจมลงกระทบหัวนาคให้ตื่นจากสะลึมสะลือ ต่อไปนี้ก็เป็นงานของศาสนจักร วัตถุและจิตใจต้องไปด้วยกัน จึงชักช้าไม่ได้ "จะปลูกพืชต้องเตรียมดิน จะกินต้องเตรียมอาหาร จะพัฒนาการต้องเตรียมประชาชน จะพัฒนาคน จะต้องเริ่มที่ใจ จะพัฒนาใคร ต้องเริ่มที่ตัวเอง" จำอุดมการณ์แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ได้ไหม แม้เก่าแต่ก็ทรงคุณค่า เพราะเป็นเก่าลายคราม! มหาตมะคานธีบอกว่าต่อให้ทองเต็มโลกก็ไม่พอกับความต้องการของมนษุย์ เปรตในพุทธศาสนา ตัวจะโตเท่าต้นตาล พุงใหญ่เบ้อเร่อ แต่ปากเล็กเท่ารูเข็ม กินเท่าไหร่ ไม่หายหิว จัดการกับประชาชนเป็นหน้าที่ของรัฐ จัดการกับเปรตเป็นภาระของวัด แต่เมื่อวัดขึ้นกับรัฐ รัฐต้องส่งสัญญาณ "ปฏิบัติการ" จะใช้วิธียักคิ้วหลิ่วตาหรือกวักมือเรียกก็แล้วแต่ท่านจะถนัด โอ่งน้ำวันนี้ต่างพากันช่วยเติมให้เต็มตุ่ม ทุกครั้งที่เราคิดโครงการได้ ก็นึกดีใจประชาชนจะได้มีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น ๆ แต่หลวงพ่อทองวัดโบสถ์ หลวงปู่วัดซับไห้ หลวงปู่โตวัดระฆัง หลวงพ่อคูณ อาจารย์ฟื้น หลวงปู่ขาว เจ้าคุณนรฯ อาจารย์มั่น ฯลฯ ต่างกันพาส่ายหน้า ยังไม่พอ นั่นแค่ชั่วคราว แค่ขณิกสมาธิเป็นสมาธิสั้น เป็นจอกแหนในบึงใหญ่ เป็นพาราเซตามอลแก้ปวดหัวชั่วคราว! ไข้ไม่ทรุดได้แต่ทรง แต่ก็ดีแล้วแหละ...โยม! หากมองชีวิตเหมือนพยับแดด นั่นคนจะละหน่าย แต่มองสังคมเหมือนโอ่งมีรูรั่ว เหมือนคนมีลูกตุ้ม เต็มตัว มีแต่คนตาทิพย์ มีแต่คนมีดวงตาเห็นธรรมจึงรู้แจ้ง โอ่งรั่วต้องอุด ลูกตุ้มต้องตัด เป็นพันธกิจ เป็นภาระหน้าที่ของผู้มีดวงตาที่สามที่จะต้องจัดการ รัฐบาลผลักดันอะไรมาเยอะ สร้างปาฏิหาริย์ก็หลายอย่าง ลองนำกำลังภายใน มาผลักดันให้กงล้อธรรมจักรเคลื่อนไหว ให้งานอบรมจิตวิญญาณบานไสวทุกแห่งหน เรามีทุนทางสังคมที่ทรงพลังมหาศาล สถาบันทางศาสนามีบุคลากรพร้อมเสียสละมากมาย ประชาชน มีศรัทธาเป็นพื้นฐาน อะไรจะเหมาะเจาะไปกว่านี้? ดวงตาเห็นเงิน นำร่องไปแล้ว ดวงตาเห็นธรรม ต้องรีบวิ่งตาม ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ผลงานของรัฐบาลจึงเป็นดาบสองคม จิตวิญญาณของประชาชนยังเหมือนเดิม ลัทธิบริโภคนิยมก็จะยิ่งสนุกสนานเมามัน เพราะชีวิตมิใช่แค่กินสูบดื่มเสพ เพราะชีวิตมิใช่แค่รูปรสกลิ่นเสียง เพราะชีวิตมิใช่การไขว่คว้าหาความสุขไปวัน ๆ ดวงตาที่สามจึงจำเป็นต้องเป็นตัวช่วยตัวสุดท้าย เจตนาที่แสนดี ยังไม่ครบองค์ประกอบ มิฉะนั้นแล้ว "กรรม" วันนี้จะเป็นแค่... การซื้อเวลา การเลี้ยงไข้วันต่อวัน มือที่ยื่นให้ด้วยความหวังดีดุจเทพประทาน สักวันจะกลายเป็นมือแม่มดที่ยื่นลูกแอ๊ปเปิ้ลให้แก่ สโนว์ไวท์แทน! ปรมาจารย์เซ็นจึงบอกไว้เสมอ "นรก-สวรรค์" นั้นอยู่ใกล้ชิดกันมาก ห่างกันน้อยกว่าช่องว่าง ระหว่างโมเลกุล พลาดนิดเดียวจากขาวกลายเป็นดำไปทันที! โครงการรัฐทำคนไทยเหลิง
หนี้บัตรเครดิตพุ่ง 6 หมื่นล้าน สถาบันพระปกเกล้า ประชุมใหญ่แก้ยากจน นายนรนิติกล่าวว่า นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานฝ่ายไทย ร่วมด้วย หน่วยงานต่างๆ กว่า ๔๐ หน่วยงาน นำเสนอผลงานที่น่าสนใจ พร้อมกับมอบรางวัล "พระปกเกล้า" ให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีผลงานดีเด่น ด้านการบริหารจัดการ ที่โปร่งใส ชี้ "เกษตรกร"
หนี้พุ่ง! ลูกเรียนแค่ ม.ปลาย หนี้บัตรเครดิต นายสุมาสกล่าวว่า การสำรวจพบว่าคนส่วนใหญ่เมื่อจะกู้เงินจะนึกถึงพ่อแม่ญาติพี่น้อง เป็นอันดับแรก ร้อยละ ๒๙.๕ รองลงมาคือสถาบันการเงินร้อยละ ๒๕.๒ และกลุ่มเพื่อนร้อยละ ๑๓.๒ สำหรับวัตถุประสงค์ของการก่อหนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการซื้อและการต่อเติมที่อยู่อาศัยร้อยละ ๑๙.๑ รองลงมา เพื่อการลงทุน ร้อยละ ๑๗.๔ และเพื่อการศึกษาร้อยละ ๑๑.๕ "จังหวัดที่มีหนี้สินต่อหัวสูงในระดับ
๑ แสนบาทต่อคนขึ้นไป ได้แก่ เชียงใหม่ นครสวรรค์ ขอนแก่น อยุธยา ขณะที่คนในกรุงเทพฯ
จะมีหนี้เฉลี่ย ๙.๕ หมื่นบาทต่อหัวต่อคน ชี้ให้เห็นว่าคนต่างจังหวัด มีแนวโน้มก่อหนี้สูงมากขึ้น
เมื่อเทียบกับ คนในเมืองหลวง ซึ่งโดยหลักแล้ว บุคคลควรจะมีหนี้ ในระดับ ไม่เกินร้อยละ
๒๐ ของรายได้ แต่ปัจจุบันคนไทย โดยเฉลี่ยมีหนี้ เกินกว่า ร้อยละ ๕๐ ของรายได้
อาทิ จ.พระนครศรีอยุธยาประชาชนมีหนี้สินเฉลี่ยถึง ๕๙% ของรายได้" ประธานศูนย์เอสบิคกล่าว
นายสุมาสกล่าวว่า ปัจจุบันคนไทย มีหนี้บัตรเครดิต โดยรวม ทั้งประเทศ ประมาณ
๖ หมื่นล้านบาท และเมื่อศึกษาพฤติกรรม การใช้บัตรเครดิต ของกลุ่มตัวอย่างพบว่า
แต่ละเดือนจะเป็นการใช้บัตรเครดิต เพื่อซื้อสินค้า และบริการ และปรากฏว่า
คนภาคใต้ มีการใช้ บัตรเครดิต เฉลี่ยโดยรวม เป็นมูลค่ามากที่สุด คือประมาณ
๒๑,๐๕๓ บาทต่อคน รองลงมา ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๘,๗๘๐ บาท และอาชีพ
ที่มีบัตรเครดิต มากที่สุด คือพนักงาน บริษัทเอกชน และเมื่อเปรียบเทียบ ตามรายได้พบว่า
ผู้ที่มีรายได้มากกว่า ๒๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน เป็นกลุ่มที่มีบัตรเครดิตมากที่สุด เกษตรกร "เมื่อพิจารณาภาระหนี้สินต่อรายได้ของครัวเรือน พบว่าครัวเรือนยากจนทั้งในภาคเกษตร และ นอกภาคเกษตร มีภาระหนี้เฉลี่ย ๖.๓๕ เท่าของรายได้ ครัวเรือนต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าทั่วไป ที่มีภาระ หนี้สิน ๔.๐๓ เท่าของรายได้ต่อเดือน โดยครัวเรือนยากจน ในภาคเกษตร มีภาระหนี้เฉลี่ย สูงกว่า ครัวเรือนยากจน นอกภาคเกษตร ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มเกษตรกรยากจน เป็นกลุ่มที่มีภาระหนี้สิน สูงสุด เมื่อเทียบกับ ความสามารถ ในการชำระหนี้" แหล่งข่าวกล่าว ข่าวแจ้งว่า หากพิจารณาถึงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งทุนของเกษตรกรยากจน รวมทั้ง การเข้าถึง โครงการต่างๆ ที่มุ่งเน้น การสร้างโอกาส ในการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ ของคนยากจน มีเกษตรกรยากจน ที่มีหนี้สิน ๗๓% เข้าถึงแหล่งสินเชื่อ ในระบบได้ ในจำนวนนี้ กู้เงินนอกระบบ ด้วยประมาณครึ่งหนึ่ง หรือ ๓๖% ในขณะที่ ๒๗% ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ ในระบบได้ จึงต้องกู้เงินนอกระบบ ที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า ข่าวแจ้งอีกว่า สศช.เสนอว่า รัฐบาลควรแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยหาแหล่งสินเชื่อระยะยาว ที่มีระยะ เวลาการกู้ สอดคล้องกับ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ของประชาชน เพราะหนี้ของครัวเรือน ในภาคเกษตร มีภาระดอกเบี้ยสูง และครัวเรือนเกษตรกรที่ยากจน ก็เข้าถึงพักชำระหนี้ได้จำกัด เพราะขาดหลักทรัพย์ ค้ำประกัน ทั้งนี้หากพิจารณาจากระดับการศึกษาสูงสุด ของสมาชิก ในครอบครัว มาประกอบกับ ภาวะหนี้สิน พบว่าครัวเรือนที่มีหนี้สินส่วนใหญ่ สมาชิกในครัวเรือน มีระดับการศึกษาสูงสุด ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย หรือเทียบเท่า ซึ่งสะท้อนว่า การปลดเปลื้องหนี้สิน ต้องดำเนินควบคู่ กับการสร้างโอกาส ในการเรียนรู้ ตลอดชีวิต และการยกระดับ ฝีมือแรงงาน อนึ่ง การกู้ยืมของครัวเรือนยากจนในปี ๒๕๔๕ มีการกู้ยืมเพื่อใช้จ่ายในครัวเรือนและลงทุน ในการทำการเกษตร เป็นสัดส่วนสูง ประมาณ ๘.๘ แสนครัวเรือน หรือ ๙๒.๖% ของครัวเรือนยากจนที่มีหนี้สินทั้งหมด คิดเป็นหนี้สินทั้งสิ้น ๒๘,๙๒๘ ล้านบาท - เราคิดอะไร ปีที่ ๑๐ ฉบับที่ ๑๖๒ มกราคม ๒๕๔๗ - |