อบายมุขคือเชื้อโรคร้ายของสังคม ควรเลี้ยงหรือควรทำลาย

ก่อนอื่นต้องขอแก้ไขความผิดพลาดด้านข้อมูลที่ระบุในนัยปกฉบับที่แล้วว่า กว่าพระพุทธเจ้า จะตรัสรู้ได้นั้น ท่านได้พบพระพุทธเจ้า องค์ก่อนๆ มาแล้ว ๑๒๕,๐๐๐ พระองค์ ความจริงแล้วยังขาดไปเกือบๆ สี่แสนพระองค์ ในหนังสือ สัมภารวิบากได้ระบุไว้ว่า พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงตั้งจิตเป็นพระพุทธเจ้าเพราะปณิธาน ๓ อย่าง

๑. มโนปณิธาน ๗ อสงไขยมหากัปป์ ได้พบพระพุทธเจ้า ๑๒๕,๐๐๐ พระองค์
๒. วจีปณิธาน ๘ อสงไขยมหากัปป์ ได้พบพระพุทธเจ้า ๓๘๗,๐๐๐ พระองค์
๓. กายวจีปณิธาน ๔ อสงไขยแสนกัปป์ ได้พบพระพุทธเจ้า ๒๗ พระองค์รวม ๕๑๒,๐๒๗ พระองค์

ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็จะมีคำสอนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน พระพุทธเจ้าจะทรงสั่งสอนให้ชาวพุทธเว้นขาดจากอบายมุขอันเป็นหนทางแห่งความฉิบหาย ทั้งสิ้น เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นเหตุแห่งความฉิบหาย ก็ต้องฉิบหาย ไม่สามารถเจริญรุ่งเรืองได้แน่นอน

นโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน มีความมุ่งมั่นที่จะปราบปรามคอร์รัปชั่น ที่สร้างความหายนะ ให้แก่ประเทศชาติ และสังคม แต่ตราบใดที่ไม่มุ่งแก้ไขที่ต้นเหตุ ก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะถ้าข้าราชการ ติดอบายมุข เงินทอง ก็จะไม่พอใช้ สุดท้ายก็ต้องคอร์รัปชั่นอยู่ดี

เป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงหยุดเทศกาลปีใหม่ รัฐบาลมีคำสั่งไม่ให้ข้าราชการไปเล่นการพนัน ตามบ่อนชายแดน ปรากฏว่า จำนวนคนเล่นลดไปอย่างฮวบฮาบ จนเจ้าของบ่อน พากันออกมาประท้วง ขู่จะขับไล่พนักงาน ที่เป็นคนไทย นี่ก็แสดงว่ามีข้าราชการจำนวนไม่น้อยที่พากันเดินทางไปสู่ความฉิบหาย ซึ่งย่อมมีผลกระทบ โดยตรง ที่จะทำให้ประเทศชาติและสังคมพลอยฉิบหายตามไปด้วย

นโยบายที่ทำสงครามกับความยากจนก็เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลชุดปัจจุบันพยายามทุ่มเท โครงการ เอื้ออาทรต่างๆ ลงมามากมาย เพื่อให้คนจนหมดไปจากแผ่นดินไทย แต่ไม่คิดทำลายอบายมุขให้หมดไปแล้ว อย่าว่าแต่คนจน จะหมดไปเลย แม้แต่เศรษฐีก็จะกลายเป็นคนเคยรวย ทำให้ยอดคนจนยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก

เรื่องเคยมีมาแล้วในครั้งพุทธกาล เศรษฐีใหญ่กับเศรษฐีใหญ่สองตระกูลจับลูก ให้แต่งงานกัน เมื่อพ่อแม่ ทั้งสองฝ่ายตายไป ลูกๆก็เลยกลายเป็นอภิมหาเศรษฐีใหญ่ เพราะใหญ่ + ใหญ่ ก็กลายเป็น อภิมหาเศรษฐีใหญ่ ขึ้นมา

หลังจากที่พ่อแม่ได้ตาย บุตรของเศรษฐีก็ได้ถูกนักเลงสุราพาสรวลเสเฮฮาจนติดใจ เลยไม่คิด จะทำอะไร นอกจาก ให้ตั้งวงร่ำสุรา จัดให้มีงานเลี้ยง มีการเต้นรำขับร้องอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนทรัพย์สิน ทางฝ่ายชายหมด สุดท้าย ก็ไปขนเอาทรัพย์สินของทางฝ่ายภรรยา มาตำน้ำพริกละลายแม่น้ำกันต่อ สุดท้าย สมบัติทางภรรยา ก็หมดตามไปด้วย

ชีวิตทั้งคู่จึงเข้าสู่สูตรสำเร็จที่ผู้รู้ได้ประพันธ์ไว้ว่า

เมื่อมั่งมีมากมายมิตรหมายมอง
เมื่อมัวหมองมิตรมองเหมือนหมูหมา
เมื่อไม่มีหมดมิตรมุ่งมองมา
เมื่อมอดม้วยแม้หมูหมาไม่มามอง

ในที่สุดสองสามีภรรยาคู่นี้ ก็ต้องถือกะลาเที่ยวขอทานเขากินไปวันๆ จนโซซัดโซเซเข้าสู่วัดเชตวัน พระพุทธเจ้า ได้เห็นสองสามีภรรยาคู่นี้แล้ว จึงได้ตรัสบอกพระอานนท์ว่า เฒ่าชราสองคนผัวเมียคู่นี้ เคยเป็นคนดี มีบารมี ถ้าได้ออกบวช ตั้งแต่หนุ่มๆ จะสามารถเป็นพระอรหันต์ได้ แต่ถ้าหากไม่บวช และไม่ปล่อยให้ชีวิต สำมะเลเทเมา ก็จะสามารถเป็นเศรษฐี อันดับหนึ่งของแคว้นได้ แต่ทุกวันนี้ชีวิตของเขาหมดสภาพแล้ว ไม่ต่างอะไรกับ นกกระยางแก่ ที่คอตกซบเซาอยู่กับเปือกตม หมดกำลังที่จะไปเที่ยวจับอาหารกินได้อีกแล้ว

อุทาหรณ์จากเรื่องนี้พอที่สาธุชนคงจะตระหนักถึงโทษภัยของอบายมุขได้ว่า น่าจะทำลาย หรือน่าจะเลี้ยงเอาไว้ เป็นมรดก ของลูกหลานของเราให้เดินทางไปสู่ความฉิบหายในที่สุด

- จริงจัง ตามพ่อ -

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ -