เรื่องสั้น - สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ -

เงื่อนสวาท


ณ คอนโดมิเนียมระดับมาตรฐาน แวดล้อมด้วยต้นปาล์มขนาดย่อมและไม้ดอกไม้ประดับหลากสีสัน ลานจอดรถกว้างขวาง ไม่ไกลนัก มีห้างสรรพสินค้า สถาบันการศึกษา สนามบิน พระธาตุดอยสุเทพ

บนชั้น ๑๒ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ขนาด ๓๓ ตารางเมตร พรั่งพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่พิเศษ มีสายรับสัญญาณดาวเทียมภายในห้องหรูหรานั้น ชายหญิงคู่หนึ่งยืนเถียงกันกลางห้องนอน
ยงยุทธ อยู่ในชุดลำลอง เสื้อแขนสั้นลายดอกสีส้ม กางเกงขาสั้นสีเทา รูปร่างเตี้ย ศีรษะเถิก พุงพลุ้ย ผิวดำแดงขนที่แขนขาดกดำ อยู่ในอาการเมาเบียร์เล็กน้อย ตบใบหน้านวลขาว รูปไข่ ไว้ผมเปีย ของรัตนาเต็มแรง จนเลือดกำเดาทะลัก หยดเปื้อนชุดนอนสีครีมอ่อน บางเบา ที่คลุมทรวดทรง สมส่วนเว้าโค้ง ชวนวาบหวิว ชั้นนางงามสงกรานต์ พลางตะเบ็งเสียงด้วยความโกรธ

"ฉันบอกแล้วใช่ไหม อย่าเอ่ยชื่อนี้ให้ได้ยิน ฉันเช่าคอนโดให้อยู่สุขสบาย ส่งเสียให้เรียน มีเงินให้ใช้ จนมือเติบ กลับเอาฉันไปเปรียบกับมัน มันมีอะไรดีกว่าฉันเรอะ ! ไอ้แค่สารวัตรกระจอกๆ รวยสู้ฉัน ก็ไม่ได้ซักนิด"

"ป๋าสมไชย เขาเป็นเพื่อนป๋านะ เขาดีกว่าป๋าจริงๆ นี่ มีทั้งยศและตำแหน่ง เกียรติก็สูง คนนับถือ ทั้งเมือง หล่อก็หล่อ เท่ก็เท่ ป๋าต้องยอมรับความจริงสิ...." รัตนาเถียงตามสายตาตัวเอง ด้วยมีประสบการณ์ตรง

"เพียะ!" ฝ่ามือซ้ายของยุงยุทธตบปากครึ่งจมูกครึ่งอีกครั้ง ครั้งนี้เลือดกบปาก

"ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะ อย่าสะเออะ! และอย่าได้ถามซอกแซก ฉันหาเงินมาจากไหน มันเรื่องของฉัน ฉันมีปัญญาหาเงินมาให้ใช้ก็ใช้ไป รู้แค่นี้ก็พอ รู้ว่าฉันเป็นนักธุรกิจก็แล้วกัน ถ้าฉันไม่แน่จริง ไม่แย่งเธอมาจากมันได้หรอก ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ มันไม่ยี่หระเธอซักเท่าไหร่หรอก จำไว้นะ!"

ยงยุทธเกรี้ยวกราดจบก็ไปนั่งจิบเบียร์ที่โซฟาต่อ ส่วนรัตนาเอามือป้องหน้าแม้สายเกินก็ตาม สะอึกสะอื้น ในลำคอ นั่งลงบนเตียง น้ำตาไหลพราก สักครู่หนึ่ง ยงยุทธก็ลุกมาถาโถมทับร่างเธอนอนราบ กับที่นอน ตะกรุมตะกราม สรีระของเธออย่างเมามัน หิวโหยดุจเสือขย้ำกวาง.... เมื่อเสพสุข เป็นที่พอใจแล้ว ก็นอนแผ่หราหลับไป เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา....

รัตนานอนลืมตามองเพดานขาว น้ำตาย้อยหยาด เจ็บทั้งกายและหัวใจ คิดไปต่างๆ นานา ให้คำตอบ แก่ตัวเองได้แล้วว่า

"รักเขาไหม หลงเขาไหม เทิดทูนเขาไหม" ใจหนึ่งถาม

"ทั้งสามอย่างนี้ ไม่มีอยู่ในจิตใจแม้แต่น้อย ขยะแขยงด้วยซ้ำ" อีกใจหนึ่งตอบโดยไม่ต้องคิด

"แต่เราต้องพึ่งพาเงินทองจากเขา แม่และน้องที่อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา กินดีอยู่ดีก็เพราะเงินเขา ไม่มีเสียล่ะ ที่จะให้น้องลำบากแล้วขายตัวเหมือนคนอื่นๆ เราต้องอดทน ต้องเรียนให้ได้ใบปริญญา เก็บเงิน ให้ได้ก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง แล้วหาสามีดีๆ หล่อๆ มีการศึกษาระดับเรา ไม่ต้องรวยก็ได้....ต่อไปนี้ เราต้องปรนนิบัติเขาอย่างดี ให้เขาติดใจ มาหาบ่อยๆ นั่นหมายถึงเงินมาหาด้วย ดีกว่าอดีต ที่เราเป็นเพียง พนักงานเสิร์ฟกาแฟ เสิร์ฟเหล้าเบียร์ในโรงแรมห้าดาวของเมืองนี้ หลายร้อยเท่า แม้จะอยู่กับป๋าสมไชย ก็ไม่สบายเท่านี้"

รัตนากัดริมผีปากเบาๆ เลือดในปากซึมออกมาจนรู้สึกคาวและเค็ม ฉับพลันลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ บ้วนปาก ชำระล้างสิ่งปฏิกูล พร้อมกับฉุกคิดอยู่ในใจ

"เราจะต้องเป็นไทให้ได้ จะเติบกล้าบนลำแข้งของตัวเอง เราไม่ใช่คนไร้ค่าอย่างที่ยงยุทธ มันเข้าใจดอก เรามีสติปัญญา ดีกว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันอีกเยอะแยะ ว่าไปแล้ว สักวันเราก็มีการศึกษา สูงกว่ายงยุทธ ด้วยซ้ำไป เราไม่หยุดอยู่แค่นี้ อย่างแน่นอน"

รัตนากลับมานอนยังที่เดิม วาดฝันอนาคตตัวเองไปเรื่อยเปื่อย

"หาสามีดีๆ หล่อๆ มีการศึกษาระดับเรา ไม่ต้องรวยก็ได้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากชินกร เพื่อนนักศึกษา ในคณะเดียวกัน คนที่เราทุ่มเททั้งกายและใจให้หมดในคืนนั้น ที่บ้านเขา เป็นคืนที่ พ่อแม่เขา ไปเยี่ยมน้องสาวที่กรุงเทพฯ และอีกหลายครั้ง ตามแต่โอกาสจะอำนวยให้ โดยไม่หวัง ผลตอบแทน เพียงแต่ขอให้เขารักเรา เหมือนที่เรารักเขาก็พอใจแล้ว"

ห้วงเวลานี้ รัตนาคิดถึงชินกรอย่างจับใจ

"ชินกรที่รัก เธอรู้จักความรักไหม ถ้าไม่รู้ ฉันจะบอกให้.....

ความรัก....ทำให้โลกสดชื่นและน่าอยู่
ความรัก....ทำให้คนตาบอด เห็นทุกสิ่งทุกอย่างไปในทางตรงข้าม
ความรัก....ทำให้คนที่ตกหลุมรัก มีสายตาอันอ่อนโยน ดื่มด่ำกับความหวานจนถอนตัวไม่ขึ้น
ความรัก....เป็นที่ต้องตาถูกใจของทุกคน ไม่ว่าผู้ชายสุดหล่อ หรือผู้หญิงสุดสวย
ความรัก....อยู่ที่ใด ที่นั่นมีแต่ความสดใสและแสงสว่าง
ความรัก....สามารถสะกดให้ทุกคนหลับไหล ตกอยู่ในภวังค์ ทั้งๆ ที่ยังตื่นอยู่.....เช่นฉันในขณะนี้"

 

๒.

รัตนาสงสารสารรูปตัวเอง ลุกจากเตียงไปนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างน้ำคลายเครียดได้พักหนึ่ง ยงยุทธ ก็เรียกหา

"รัตน์ อาบน้ำอยู่เหรอ ป๋าคิดถึงจังเลย ออกมาเร็ว"

น้ำเสียงอารมณ์ดี ผิดกันเป็นคนละคนกับพฤติกรรมก่อนหน้านี้ รัตนาคว้าผ้าเช็ดตัวพันกาย กุลีกุจอ ออกจากห้องน้ำ เนื้อตัวยังไม่สะเด็ดน้ำดี ยงยุทธตบที่นอนข้างตัว ท่าทางชวนรัตนา ไปนอนหนุนแขน เหมือนเคย

"เป็นไงบ้าง เจ็บไหม" มือขาวลูบเรือนผมรัตนาอย่างเอ็นดู

"เจ็บซีค้า...." ฉอเลาะตามบรรยากาศ

ยงยุทธหยิบเงินใต้หมอนปึกหนึ่ง ยื่นให้รัตนา

"เห็นไหม มือของผู้ให้อยู่เหนือกว่ามือของผู้รับเสมอ" เกริ่นขึ้นมาลอยๆ

"เงินนี้ เก็บไว้ใช้ในวันหน้านะ ป๋าให้เงินเธอย่อมมีวันหมด แต่สิ่งหนึ่งที่ป๋าให้เธอแล้ว ไม่มีวันหมด คือคำแนะนำที่ดี ๆ" เตือนด้วยความหวังดี

"ป๋าส่งเสียให้เรียน ป๋าได้ความสุขจากตัวเธอ มันไม่ใช่เป็นการให้ที่แท้จริง มันเป็นการแลกเปลี่ยน ไม่ช้าไม่นาน เธอก็ไปจากป๋า ป๋ารู้นะ" ดักคอให้คิด

"หัวใจของป๋า ไม่เคยทุกข์เลย เพราะป๋ารู้ดีว่า เงินกับเธอเป็นของคู่กัน" ประหนึ่งเข้าใจโลกและชีวิต

"รัตน์ จำคำป๋าไว้นะ เมื่อใดที่ป๋าให้เงินแก่เธอทุกครั้งที่พบกัน การให้นี้เป็นหน้าที่ และคอยดูนะ วันใด ป๋าไม่มีเงินให้เธอ วันนั้นแหละ คือวันที่ป๋ากระทำความผิดอย่างมหันต์ทันที ในสายตาของเธอ แล้วเธอ ก็จะไม่แยแสป๋าอีกเลย" ยงยุทธลึกซึ้งในปรากฏการณ์นี้ และคำทำนายนี้เป็นอย่างดี

"เป็นไปไม่ได้ดอกค่ะ ไม่จริงดอกค่ะ ป๋าจะต้องเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของหนู ป๋า....อย่าคิดมากซีค้า หนูจะอยู่กับป๋า ตลอดไปค่ะ" รัตนาปลอบพลางก็บีบนวดตามร่างกายยงยุทธไปพลาง แต่ความคิด ก็แว่บขึ้นทันใด

"เราจะต้องเป็นเหมือนน้ำ เพราะน้ำเป็นวัตถุที่อ่อน มันสามารถอยู่ในภาชนะใดก็ได้ แต่นานไป มันสามารถทำลาย แม้กระทั่งหินทุกชนิดได้ นี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ต่างหากล่ะ"

"ป๋าพูดจริงๆ นะ" ย้ำน้ำเสียง

"ใช่ ป๋าพูดถูก หนูเข้าใจ ทุกสิ่งที่คนเราจับต้องได้ มันไม่มั่นคงถาวรทั้งนั้น แต่จิตใจป๋าซีค้า.... หนูเชื่อว่า มั่นคงถาวรที่สุดค่ะ เอ้อ....ป๋าพร้อมแล้วใช่ไหมคะ"

ไม่นานจนเกินรอ ยงยุทธก็ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นอีกครั้ง

๓.

รัตนาคล้ายจะเป็นไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัวมานานพอสมควร เบื่ออาหาร กินไม่ค่อยได้ นอนไม่ค่อยหลับ ร่างกายซูบผอมลง แต่ยังเชื่อมั่นในตัวเองสูง

"พลังจะอยู่กับเราตลอดไป เพื่อความหวัง เพราะความหวังเป็นสิ่งที่ดี อาจจะดีที่สุดด้วยซ้ำ สิ่งที่ดีที่สุด ย่อมไม่มีวันตาย"

ยงยุทธยังมาหารัตนาตามปรกติ วันไหนรัตนาและชินกรว่างเว้นการเรียน และโอกาสอำนวยให้ ก็ไม่ปล่อย ให้โอกาสหลุดลอยไป

วันนี้ รัตนาท้องเสียเข้าห้องน้ำหลายครั้ง ครั้นออกจากห้องน้ำ พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

"สวัสดีค่ะ รัตนาพูด"

"สวัสดีจ้ะ รัตน์ ป๋าสมไชยพูดนะ"

"ค่ะ! ค่ะ! หนูคิดถึงป๋าจัง มีธุระสำคัญอะไรหรือเหล่าคะ....ป๋า"

"ไม่มีหรอก ป๋าคิดถึงรัตน์ ก็โทรมาหา วันนี้ ป๋าไม่ค่อยสบาย ไปหาหมอตรวจช่องปากและลำคอ รู้สึกคัน และไอมาก และตรวจดูงูสวัด ที่ขานิดหน่อย ไม่นานก็หาย"

รัตนาวางโทรศัพท์ มือเท้าอ่อนปวกเปียก นึกถึงคำพูดของยงยุทธก่อนจากกัน เมื่อเสาร์ที่เพิ่งผ่านไปว่า

"ป๋าแก่ตัวแล้วมั้ง โรคภัยไข้เจ็บเริ่มถามหาแล้ว เมื่อวานให้หมอตรวจสุขภาพประจำปี หมอบอกว่า ต่อมน้ำเหลืองโต ให้ป๋าหมั่นออกกำลังกายบ้าง ป๋าก็นิสัยเสีย ขี้เกียจน่ะ และไม่มีเวลาด้วย ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า"

รัตนายังมีกะจิตกะใจเดินไปเปิดสเตริโอฟังเพลง "จงรัก" ที่ตนชอบมากๆ แล้วเอนหลัง บนโซฟาปล่อยตามอารมณ์

โปรดอย่าถาม ว่าฉันเป็นใครเมื่อในอดีต
และโปรดย่าถาม ว่าอดีตฉันเคยรักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอและรักตลอดไป
รักมากเพียงไหน กำหนดวัดได้เท่าดวงใจฉัน
อย่าเพียรถาม ว่าฉันจะรักเธอนานเท่าใด
ฉันตอบไม่ได้ ว่าฉันจะรักชั่วกาลนิรันดร์
เพราะชีวิตฉัน คงไม่ยืนยาวไปถึงปานนั้น
รู้แต่เพียงฉัน หมดสิ้นรักเธอเมื่อฉันหมดลม....

ขณะที่ดนตรีบรรเลงทำนองเพลงจงรักใกล้จะจบเพลง รัตนาลุกจากโซฟาไปหยิบปากกา และชิ้นส่วน กระดาษ ข้างโทรศัพท์มาเขียนกลอนตามที่ดวงใจปรารถนา แต่ครั้งนี้ต่างกับครั้งใดๆ เหมือนคน มีวิมานดิน แล้วพังทลาย

ไม่อยากพบแต่ทำไมจึงพบ
คอยหนีหลบเจ้าก็ตามมาขำขัน
แต่ข้าสิ! เหนื่อยยากลำบากครัน
รอเวลาเราจากกันนิรันดร.........


 

พระพุทธองค์ตรัส
ชายผู้กำหนัด
มีจิตรักใคร่พอใจอย่างแรงกล้า
มุ่งหมายอย่างแรงกล้าในหญิง
เมื่อเขาได้เห็นหญิงนั้น
ยืนพูดจากระซิกกระซี้
ร่าเริงอยู่กับชายอื่น
ความโศก รำพัน ทุกข์กาย
ทุกข์ใจและความคับแค้น
พึงเกิดขึ้นแก่เขา
ต่อมาเขามีความคิดอย่างนี้ว่า
อย่ากระนั้นเลย
เราพึงละความกำหนัดพอใจ
ที่มีอยู่ในหญิงนั้นเสียเถิด
เขาจึงละความกำหนัด
ละความพอใจในหญิงนั้น
เวลาต่อมาเขาเห็นหญิงนั้น
ยืนพูดจากระซิกกระซี้
ร่าเริงอยู่กับชายอื่น
ความโศก รำพัน ทุกข์กาย
ทุกข์ใจและความคับแค้น
จึงไม่เกิดชึ้นแก่เขากามคุณ ๕ ประการ
อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก
ยั่วยวน ชวนให้กำหนัดคือ
๑. รูปที่พึงรู้แจ้งด้วยดวงตา
๒. เสียงที่พึงรู้แจ้งด้วยหู
๓. กลิ่นที่พึงรู้แจ้งด้วยจมูก
๔. รสที่พึงรู้แจ้งด้วยลิ้น
๕. สัมผัสที่พึงรู้แจ้งด้วยกาย
ความสุข
ปลาบปลื้มใด
อาศัยกามคุณ ๕ นี้เกิดขึ้น
ความสุขปลาบปลื้มนี้
เรากล่าวว่าเป็น กามสุข
เป็นสุขเจือด้วยอุจจาระ
เป็นสุขของคนที่มีกิเลสหนา
ไม่ใช่สุขของผู้ประเสริฐ
จึงไม่ควรเสพ
ไม่ควรคบ
ไม่ควรทำให้งอกงาม
ไม่ควรทำให้มาก
เราย่อมกล่าวว่า
ควรกลัวต่อความสุขนี้

พระไตรปิฎก ภาษาไทย ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๐
"ขัคควิสาณสุตตนิเทส" ข้อที่ ๗๒๓

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ -