- จำลอง ศรีเมือง-

อยู่กลางดงดอย ผมและคณะก็มีส่วนไปยุ่งกับท้องไร่ท้องนาเหมือนกัน ผมเคยเล่าให้ฟังใน "เราคิดอะไร" มาบ้าง แล้วว่ารัฐบาล กำลังสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ ถึงขนาดท่านนายกฯ จะหาเงิน มาเป็นทุน ให้ขายปุ๋ยอินทรีย์ แก่เกษตรกร ในราคาเท่าทุน แต่ผมและคณะกรรมการ บริษัทเท่าทุน ขอใช้เงินของ บริษัทเท่าทุน บุกเบิกดูก่อน หากเป็นไป ตามที่ตั้งใจคือ ได้ทุนคืน แล้วสามารถ ขายปุ๋ยอินทรีย์ ให้แก่ชาวไร่ ชาวนาราคาถูก อย่างเห็นเด่นชัด ก็จะเสนอรัฐบาล ซึ่งรัฐบาล จะทำหรือไม่ทำ บริษัทเท่าทุน ก็จะเดินหน้าต่อ เพราะเห็นประโยชน์ ชัดๆ อยู่แล้ว

บริษัทเท่าทุนเข้าตลาดในเวลาเหมาะเจาะพอดี ปุ๋ยเคมีขึ้นราคาหูดับตับไหม้กระสอบละกว่า ๔๐๐ บาท แต่ปุ๋ย อินทรีย์ของเรา ซึ่งคุณภาพทัดเทียมกัน ขายราคากระสอบละไม่เกิน ๒๐๐ บาท ใครจะไม่หัน มาใช้ปุ๋ยของเรา

ปุ๋ยอินทรีย์ ทำให้พืชพันธุ์เจริญเติบโตพอๆ กับปุ๋ยเคมี แต่มีข้อได้เปรียบคือปุ๋ยอินทรีย์ ยิ่งใช้ดินยิ่งดี ยิ่งใช้ยิ่งลดปุ๋ยลงได้ แต่ปุ๋ยเคมีนั้น กลับกัน

ตอนนี้เราทำสองอย่าง คือ จ้างชาวบ้านทำ และจ้างโรงงาน ทำ เริ่มต้น ๕ จังหวัดก่อน คือ อุบลฯ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และกาญจนบุรี

สาขาบริษัทเท่าทุนบางจังหวัดบางวันขายปุ๋ยอินทรีย์ได้เป็นแสนบาท (ขายยังไงก็ไม่รวย เพราะขาย เท่าทุน) พี่น้อง เกษตรกร และเจ้าของโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ สนใจ เชิญติดต่อได้ที่ คุณกอบกุล ตันติเวช โทรศัพท์ ๐๗๐๑๖๑๑๑๑ (เลขจำง่าย ๐+๗ = ๐+๑+๖ แล้วตามด้วย ๑ จำนวน ๔ ตัว)

หนังสือพิมพ์มติชนฉบับ ๒๕ พฤษภา ลงบทความเต็มหน้า "บุกเมืองมรณะ หมู่บ้านแม่ม่าย" เมืองดังกล่าว อยู่ที่อำเภอ ศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรีนั่นเอง เต็มไปด้วยคน "กำพร้าสามี" เหลือแต่ผู้หญิง ส่วนผู้ชาย ตายหมด เพราะทำ การเกษตรแบบ "เกษตรเคมี" ไม่ใช่ "เกษตรอินทรีย์"

โรงเรียนผู้นำมีเรื่องน่าสนใจเล่าให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมฟังเสมอๆ คุณหมอประเวศ ครูคนหนึ่ง พูดเป็น ประจำว่า อเมริกาเพิ่งมี โรงเรียนผู้นำ ใช้คำภาษาอังกฤษว่า "อเมริกัน ลีดเดอร์ชิพ ฟลอรัม" และมีอะไร เหมือนกับ โรงเรียนผู้นำ ของเราเปี๊ยบ คือ นักเรียนทุกคน จะต้องพิชิตยอดเขา

เช้ามืดวันที่ ๓ พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นนักเรียน (อายุ ๒๕ ถึง ๕๕) ก็ต้องกุลีกุจอไต่เขากันแล้ว เราให้กำลังใจ นักเรียนว่า เมื่อพบกับ ความยากลำบาก ของหลักสูตรผู้นำ ต้องนึกอยู่เสมอว่า ชั่วชีวิตหนึ่ง เจอหนเดียว แต่พวกเรา ต้องไปกับ นักเรียนทุกรุ่น ผจญกับความลำบาก ปีละเป็นร้อยๆ ครั้ง

เมื่อกลับลงมาจาก "ภูฝาชี" ผมมักจะบอกนักเรียนว่าสมัยไปรบที่ลาวนั้น "ภูผาที" สูงกว่า ชันกว่า โหดกว่า หลายสิบเท่า

ต้นปีนี้ นายทหารอเมริกัน ซึ่งมีหน้าที่เสาะหาศพของเพื่อนร่วมชาติ แม้สงครามบนสมรภูมิภูผาที จะผ่านมา สามสิบ กว่าปีแล้ว ก็ยังตามหาอย่างไม่ละลด นัดผมเพื่อขอคุย เรื่องความหลัง ผู้ช่วยครูโรงเรียนผู้นำ ซึ่งเป็น สุภาพสตรีท ให้การต้อนรับ โดยบังเอิญ ทราบเรื่องการรบที่ภูผาที ก็ต่อว่าผม ว่าทำงาน ด้วยกันมานาน ไม่เห็นเล่า ให้ฟังเลย ต้องไปฟัง จากปากของนายทหารฝรั่ง

เมื่อต้นเดือนเมษายน มีการจัดงาน "สมาคมนักรบนิรนาม ๓๓๓" ซึ่งก็คืองานสังสรรค์ของมวลหมู่ นักรบ ไร้ชื่อเสียง ที่ไปรบในลาว ๓๓๓ เป็นชื่อเรียก กองบัญชาการที่จังหวัดอุดร ซึ่งควบคุมดูแล การปฏิบัติงาน ของทหารไทยทั้งหมด ที่ประเทศลาว ผมไม่ได้ไปร่วมงาน อ่านจากหนังสือ เนชั่น สุดสัปดาห์ ในชื่อเรื่องว่า "ฉากหลังนักรบนิรนาม ๓๓๓" ขอนำความตอนหนึ่งมาลง จะได้ไม่ถูก ต่อว่าอีกว่า ผมเขียนในเราคิดอะไร มานาน ไม่เห็นเล่าเรื่อง การรบ ในลาวบ้างเลย

"...ประเมินตัวเลขของการสูญเสียในการสู้รบ ๖ ปี ทหารเสือพรานไทยพลีชีพไปมากถึง ๒,๕๘๐ คน บาดเจ็บ นับหมื่นนาย ถูกจับเป็นเชลย หรือหายสาบสูญ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีหลายร้อยศพ ที่ไม่สามารถนำร่าง นักรบนิรนาม กลับมาตุภูมิได้"

จึงเป็นที่มาของการรวมตัวกันอีกครั้งของทหารเก่า เพื่อเรียกร้องให้สังคมไทยยอมรับ "ภารกิจ เพื่อชาติ" ในครั้งนั้น เพราะที่ผ่านมา ไม่มีการบันทึกวีรกรรมใดๆ ของพวกเขาไว้ ในหน้า ประวัติศาสตร์ กองทัพไทย

เนื่องจากพวกเขาถูกมองว่าเป็นแค่ "ทหารรับจ้างเดนตาย"

น่าแปลกมากที่งานสังสรรค์นักรบเก่าจากทุ่งไหหินวันนั้น ไม่มีเงาร่างของนายเทพ หรือ "เทพ จิตรเดช" หรือ เทพ ๓๓๓"

ผู้บัญชาการกรมผสม ๓๓๓ ที่มีบทบาทสูงยิ่งในสงครามต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยการ อุปถัมภ์ ของสหรัฐ

"นายเทพ" หรือ พล.ท. วิฑูรย์ ยะสวัสดิ์ ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภารกิจลับเพื่อชาติ ของ กรมผสม ๓๓๓ เป็นครั้งแรก ในหนังสือ ชื่อ "ด้วยความรู้สึกและความทรงจำ ในวันวานของ เทพ ๓๓๓"

ในบันทึกเล่มนั้น เทพ ๓๓๓ ยังพูดถึงเพื่อนนักรบในสมรภูมิลาว ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน หลายสิบคน

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. และผู้ก่อตั้งพรรคพลังธรรม ที่สร้างวีรกรรม อันห้าวหาญ ในยุทธการ "ภูผาที" อันลือลั่น

ภาพนักรบหัวใจเหล็กของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยังจำติดตาของเทพ ๓๓๓

"เป็นผู้บังคับหน่วยที่กล้าแกร่งอีกคนหนึ่งทีเดียว เคยสู้รบหนักหน่วงเพราะถูกกองกำลัง เวียดนามเหนือ โจมตี ขั้นแตกหัก ทุกคนนึกว่า ผู้พันคงจะเสีย ท่ามกลางสมรภูมิไปแล้ว แต่กลับใช้ ความสามารถ รอดพ้น เหตุการณ์มาได้

"บทเรียนสงครามโหดที่ภูผาที ทำให้พล.ต.จำลอง นำมาใช้ในการชุมนุมประท้วงรัฐบาลเ ผด็จการ เมื่อเดือน พฤษภาคม ๒๕๓๕"

งาน "รำลึกเหตุการณ์เดือนพฤษภา" ปีนี้ผมถูกชวนอีกเช่นเคย ให้ไปปรากฏตัวและร่วมเสวนา ในเวที ต่างๆ ซึ่งจัดติดต่อกัน หลายวัน และผมก็ขอตัวอีกเช่นเคย ว่าหลังจาก เหตุการณ์นั้นแล้ว ไม่ว่า จะเป็นงาน ที่จัดขึ้นในปีไหน ผมขอไปร่วมงาน ในพิธีสงฆ์อย่างเดียว มิฉะนั้น จะเป็นการโอ้อวดย้ำ ความเก่ง ความกล้า ให้ใครๆ รู้ ซึ่งดูไม่ดีเลย

พิธีสงฆ์จัดที่สวนสันติพร วันที่ ๑๗ พฤษภาคม ข้างกองสลาก ซึ่งสถานที่นั้นจะเป็นที่สร้าง อนุสรณ์สถาน รำลึกเหตุการณ์ เดือนพฤษภา ปีนี้ไม่มีผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ไปร่วมเลยสักคน ผมพูด ปลอบใจ ญาติวีรชนว่า ท่านอาจ จะติดงานสำคัญ เอาเป็นว่างานนี้ใครพร้อมก็มา ใครไม่พร้อม ก็ไม่มา งาน ๖ ตุลา ที่ผมไปทุกปีนั้น ก็เหมือนกัน บางปี ทั้งงาน มีคนแค่สามสิบกว่าคนเท่านั้นเอง

เดือนพฤษภาที่เพิ่งผ่านไปมีอะไรเกิดขึ้นหลายสิ่งหลายอย่าง เรื่องที่หลายคนเป็นห่วง เงียบหายไป แล้วจู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาอีก คือเรื่องบ่อนการพนัน ที่จะอยู่ในศูนย์บันเทิง ครบวงจร คณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร คณะหนึ่ง ที่รับเรื่องนี้ ไปศึกษา ได้สรุปผลออกมาว่า สมควรจะให้เกิดขึ้นอย่างยิ่ง จะก่อให้เกิด ผลดีมากมาย

ผมนึกว่าจะมีแต่ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น ที่ไหนได้ฝ่ายค้านก็เอากับเขาด้วย ตกลงสภา ๕๐๐ (มี ส.ส.๕๐๐ คนพอดี) ไม่มีฝ่าย ประชาชนเลย

ตอนที่มีข่าว เรื่องนี้ใหม่ๆ มีการคัดค้าน และคัดค้านเรื่อยมาจนเรื่องเงียบไป ผมได้เล่าให้ท่าน สมาชิก "เราคิดอะไร" ทราบในฉบับก่อนๆ แล้วว่า ผมนัดท่านนายกฯ ถกกันเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ประชาชนส่วนใหญ่ จะต่อต้าน นโยบาย ที่ขัดกับทุกหลักศาสนา ตัวอย่างในอดีต เห็นได้ชัดคือ การแก้กฎหมาย ให้ทำแท้งเสรี ขนาดผ่านสภาผู้แทน ๓ วาระแล้ว ยังไปไม่รอด

ผู้ใหญ่หลายคนอย่างเช่น ท่านวุฒิสมาชิกโสภณ สุภาพงษ์ ยืนยันว่าเราในฐานะเป็นชาวพุทธ เรื่องที่สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่าไม่ดี เป็นอบายมุข ไม่ต้องเอามาคิด เอามาศึกษา อีกแล้ว เลิกคิดได้เลย ชาวพุทธเก่งกว่า พระศาสดา หรืออย่างไร (ข้อความตอนท้ายผมเติมเอาเอง)

วันก่อนมีการประชุมจัดตั้งศูนย์พัฒนาพลังแผ่นดินที่ทำเนียบ ได้ยินนายกฯ ทักษิณ พูดทีเล่น ทีจริงว่า จะซื้อหุ้น สโมสร ฟุตบอลลิเวอร์พูล หลังจากนั้น สองสามวัน ทีเล่นก็หายไป กลายเป็น ทีจริง จริงๆ ผู้ใหญ่หลายคน ออกมาท้วงติง หนังสือพิมพ์ ทุกฉบับ สื่อมวล ชนทุกแขนง ประโคม ข่าว ติดต่อกัน เป็นอาทิตย์ๆ คอการเมืองตั้งข้อสังเกตว่า นายกฯ ฉลาดหาเรื่อง ให้คนสนใจ มากลบข่าว การอภิปราย ไม่ไว้วางใจ

ถ้าเป็นเพียงแค่นั้นก็ไม่เป็นไร จบการอภิปรายข่าวที่กลบก็จะหายไป แต่นี่จะมีผลต่อเนื่องไป อีกยาวนาน เป็นการกระตุ้น โฆษณาการพนัน ให้คนหันมาสนใจ ลุ่มหลงมัวเมา ทั้งๆ ที่ทราบ อยู่แล้วว่า การพนัน เป็นอบายมุข เป็นทางแห่งความเสื่อม

พอมีข่าวว่าจะหาเงินซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลล์ด้วยการออกสลากกินแบ่ง ผมก็เขียนจดหมายส่วนตัว ทักท้วง ท่านนายกฯ ทักษิณทันที จดหมายถึงท่านนายกฯ วันที่๒๔ พฤษภาคม

ผมติงว่าการออกสลากดังกล่าวผลเสียจะมากกว่า เพียงแต่ท่านนายกฯ จะเปิดโอกาสให้คนไทย ได้มีหุ้น สโมสร ฟุตบอล ก็เป็นการสนับสนุน การพนันอย่างครึกโครมแล้ว ทำให้คนไทย ที่บ้า ฟุตบอล มีจำนวนมากขึ้น การพนันบอล จะรุ่งเรืองเฟื่องฟู ตามมาอย่างแน่นอน

ตัวอย่างหนึ่งที่ผมนึกขึ้นมาก็คือ คุณหมอทางภาคใต้คนหนึ่งที่ผมรู้จักต้องเสียหลานชาย ที่เรียน มาสูงๆ สังเวย การพนันบอล หลานแพ้พนัน ๑๐ ล้านบาท ไม่มีเงินจ่าย ต้องฆ่าตัวตาย ตายแล้ว เรื่องยังไม่จบ เจ้าหนี้ ตามรังควาน ทั้งพ่อแม่ ต้องหนี หัวซุกหัวซุน เพื่อเอาตัวรอด

การออกสลากหาเงินซื้อหุ้นฟุตบอล จะยิ่งเป็นการสนับสนุนการพนันให้แพร่หลาย อย่างไม่มี ขอบเขต และ จะไม่มีอะไร มายับยั้ง การสุมหัวมัวเมา กับการพนันของคนไทย อีกหลายๆ คน ต่อไปจะไม่มีใคร คิดถึงเรื่อง ความขยัน หมั่นเพียร ในการทำมาหากิน อีกต่อไปแล้ว จะเกิดค่านิยม "หนีงานหนัก ไปสมัครงานสบาย" ในสังคมไทย ใครจะทนลำบาก ตรากตรำ กับการทำงาน เล่นการพนันดีกว่าทั้งสบายและสนุก มีหวังรวย มากกว่า การทำงานทำการ เป็นไหนๆ

ผมเขียนท้วงติงนายกฯว่า การกำหนดราคาสลากใบละ ๑,๐๐๐ บาท เพื่อป้องกัน คนจนซื้อนั้น กันไม่ได้แน่ ไม่รู้จักคนจน ประเทศไทย เสียแล้ว ไม่มีเงิน เขาก็จะไปกู้หนี้ยืมสิน ดอกร้อยละ ๒๐ ต่อวันเขาก็สู้ เพราะถ้า ถูกรางวัลที่ ๑ จะได้ถึง ๑,๐๐๐ ล้านบาท ไม่มีการลงทุนที่ไหนในโลก ที่มีหวังได้กำไรล้านเท่า เหมือนการซื้อ สลากฟุตบอลคราวนี้

จะมีเรื่องตามมาอีกเยอะแยะ เมื่อถึงเวลาออกสลาก สื่อมวลชนจะช่วยกันประโคมเรื่อง ที่น่าตื่นเต้น เป็นประวัติการณ์ (หากสืบข่าวได้) ว่า คนที่ถูกรางวัล ๑,๐๐๐ ล้านบาท เดิมทำอาชีพอะไร อยู่จังหวัดไหน กลายเป็นคน ในดวงใจ ของนักพนัน ที่ต่างก็อยาก จะเลียนแบบบ้าง คนที่ถูก ๑,๐๐๐ ล้าน ก็จะต้อง จ้างมือปืน ตามประกบ ให้ความคุ้มครอง ไปไหนมาไหน ก็จะมีสภาพ เหมือนนักโทษ ที่ต้องมีผู้คุม กินก็แค่อิ่ม นอนก็แค่หลับ จะเอาเงินพันล้าน ไปทำอะไร

ผมสรุปในตอนท้ายของจดหมายว่า ถ้าตกลงกับลิเวอร์พูลเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว ว่าจะซื้อหุ้นเขาแน่ ก็ต้องซื้อ มิฉะนั้น จะเสียคำพูดนายกฯ เมืองไทย แต่ต้อง ไม่ใช้เงินหลวง และต้องไม่ออกสลากด้วย นักธุรกิจ รวยล้นฟ้า ไม่รู้จะเอาเงิน ไปทำอะไร หากจะรวมตัวกัน ไปซื้อหุ้นสโมสร ลิเวอร์พูลก็ยังดีกว่า

หลังจากที่ผมส่งจดหมายถึงท่านนายกฯ ได้ ๒ วัน ผมก็ได้รับ จดหมายเปิดผนึก ซึ่งสมาชิก เราคิดอะไร บางท่าน อาจจะไม่ได้รับ ผมจึงขอนำมาแจ้ง ให้ทราบดังนี้

จดหมายเปิดผนึก
ไม่เห็นด้วยกับการออกสลากการพนันซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลต่างชาติ
ถึงคณะรัฐมนตรีพี่น้องและเพื่อนร่วมสังคมไทย

พวกเราตามรายชื่อท้ายจดหมายนี้ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการออกสลากการพนันที่ใช้รางวัลใหญ่ มาล่อใจ เพื่อนำเงิน ไปซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลต่างชาติ เพราะเป็นการใช้ความโลภ และกิเลสฝ่ายต่ำ มาชักจูงคนไทย ให้ถลำลึกสู่ "โมหภูมิ" เป็นการนำ "สิ่งเสพติด" อีกชนิดหนึ่งมามอมเมาสังคมไทย ให้จมอยู่ในความหลงผิด

พวกเราไม่เห็นด้วยกับการให้ธนาคารออมสินเป็นจุดจำหน่ายสลากการพนันเพื่อซื้อหุ้นสโมสร ฟุตบอล ต่างชาติ เพราะธนาคารออมสิน ควรเป็นธนาคารที่ส่งเสริม สร้างสรรค์ความดีงาม โดยเฉพาะ ในหมู่เด็ก และเยาวชน ได้แก่ การมัธยัสถ์ อดออม เป็นต้น ไม่ควรมาเกลือกกลั้ว กับการส่งเสริมการพนัน อย่างขนานใหญ่ ตามที่รัฐบาลวางแผน จะให้ทำ

พวกเราไม่เห็นด้วยกับการที่รับบาลหรือหน่วยงานของรัฐจะเข้าไปซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลต่างชาติ เพราะไม่ใช่ กิจการ ที่รัฐบาลควรทำ แต่ไม่ขัดข้องหากภาคเอกชน จะไปซื้อหุ้นดังกล่าว และ ระดมทุน ด้วยวิธีปกติ เข่น การออกหุ้น จำหน่าย เป็นต้น

การออกสลากการพนันเพื่อระดมเงินมาตั้งบริษัททำธุรกิจเป็นเรื่องที่ไม่พึงทำอย่างยิ่ง เพราะ นอกจาก จะไม่ชอบธรรม และเกิดผลเสีย ต่อสังคมแล้ว ยังขัดกับหลักการและกฎหมาย ว่าด้วยการ ระดมทุน ของตลาดหลักทรัพย์ และ บริษัทมหาชนอีกด้วย

พวกเราขอชักชวนพี่น้องและเพื่อนร่วมสังคมไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการออกสลากการพนัน ซื้อหุ้น สโมสร ฟุตบอล ต่างชาติ ร่วมกัน แสดงความเห็นด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ส่งจดหมายโดยตรง โดยแฟกซ์ โดย e-mail ฯลฯ ไปถึงหนังสือพิมพ์ ถึงนายกรัฐมนตรี ถึงรัฐมนตรี ถึง ส.ส. ถึง ส.ว. และอื่นๆ เพื่อช่วยกันรักษาสังคมไทย ให้เป็นสังคมแห่งความดีงาม แห่งความร่มเย็นเป็นสุข โดยไม่เปิดโอกาส ให้มีการใช้ความโลภ และกิเลส ฝ่ายต่ำ มาชักนำมอมเมาสังคมไทย ให้ตกต่ำ ลงไป กว่าที่เป็นอยู่

ด้วยความเคารพและปรารถนาดี
............................. ............................. .............................
( ) ( ) ( )
............................. ............................. .............................
( ) ( ) ( )

ต่อจากนั้น ๒ วัน ผมไปที่สันติอโศก ทราบว่าท่านสมณะโพธิรักษ์ได้กรุณาเขียนจดหมาย ให้สติ ท่านนายกฯ ด้วยเช่นกัน

ท่านบอกว่าไม่อยากให้ท่านนายกฯต้องมานั่งเสียเวลาอ่านจดหมาย แต่ต้องระบายความหนักอก หนักใจ เพราะรู้สึกว่า หนักหนาสาหัสเหลือเกินเกี่ยวกับเรื่องหุ้นหงส์แดง ซึ่งท่านทำงาน เผยแพร่ศาสนา อย่างหนัก มากว่า ๓๕ ปี เพื่อให้ คนไทย ละลด เลิก อบายมุข และกามคุณ ๕ (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส)

ทำให้คนจำนวนไม่น้อยหันมามีศีลมีธรรม ก่อเกิดชุมชนหมู่บ้านพุทธบริษัทที่ไร้อบายมุขจริงๆ (วันที่ท่าน นายกฯ ไปนอนค้าง ที่ศีรษะอโศกจังหวัดศรีสะเกษ ตอนพบประชาชน กรมประชาสัมพันธ์ ถ่ายทอดโทรทัศน์ ไปทั่วประเทศ ท่านนายกฯ สัญญาว่า หมู่บ้านไหน ปลอดอบายมุข จะให้รางวัล ผมนั่งอยู่ข้างๆ เกือบกระซิบ ทีเล่นทีจริงแล้วว่า "จ่ายมาเสียดีๆ ครับ หมู่บ้านศีรษะอโศกนี้ปลอดอบายมุขจริง แล้วก็ต้องตามไปแจก หมู่บ้าน สันติอโศก ปฐมอโศก ศาลีอโศก สีมาอโศก ราชธานีอโศก ลานนาอโศก และทักษิณอโศก ทุกหมู่บ้าน ปลอดอบายมุข หมด)

ท่านสมณะโพธิรักษ์ท่านแจ้งให้นายกฯ ทราบว่า "อบายมุข" ที่นายกฯ กำลังสนับสนุนนั้น หนักหนา สาหัสยิ่งนัก สำหรับท่าน และคณะทำงานเผยแพร่ศาสนา ท่านยังเน้นว่า กีฬาเดี๋ยวนี้ เป็นอบายมุข เป็นทาง แห่งความเสื่อม หลงนิยมส่งเสริมกีฬากัน เป็นงานเป็นการ เป็นอาชีพขึ้นหน้าขึ้นตา จนรุ่งเรือง เฟื่องฟู พากันหลงติดกันไปทั้งโลก

(ถึงตรงนี้ผมขอเรียนเพิ่มเติมว่า คนไทยอยู่ในอันดับบ้าบอลที่สุด ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน ยืนยันว่า ประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป ที่มีสโมสรฟุตบอลอาชีพแข่งกันเป็นประจำนั้น ไม่มีการถ่ายทอดสด บ้าเลือดทุกคู่ เหมือนเมืองไทย)

กับเรื่องสลาก ท่านสมณะโพธิรักษ์ ท่านติงว่ามีผู้รู้ทักท้วง กันมากแล้ว ให้รางวัลล่อใจคน อย่างสุดๆ แค่หวย บนดิน ที่รัฐออกอยู่เป็นประจำ รางวัลแค่ไม่กี่ล้าน คนไทยยังติดกันงอมแงมเลย

คนจนไม่มีเงินซื้อหวย ก็ขายไร่นา สมบัติชิ้นสุดท้าย หาไม่ก็กู้เงินมาซื้ออย่างท่วมท้น กว่าครึ่ง ค่อนประเทศ เพราะโอกาส จะรวยทางลัดอภิมหาศาลอย่างนี้มีครั้งเดียว และในเวลาจำกัดด้วย ค่านิยม ในการเล่นหวย และ พนันบอล จะพุ่งขึ้นสุดขีด ท่านสมณะโพธิรักษ์และคณะ ก็คงจะหนัก สะบักสะบอม กันย่ำแย่คราวนี้

ผมทราบว่าในท้ายของหนังสือท้วงติงนั้น ท่านสมณะโพธิรักษ์ได้กรุณาสรุปในทำนองว่า คนจน จะเพิ่มอีก หลายล้านคน สวนทางกับที่นายกฯ กำลังต่อสู้ทำสงครามกับความยากจน คนจน ไม่รู้เรื่องหุ้น และ เขาไม่ได้ซื้อหวย เพราะอยากจะได้หุ้น แต่อยากจะได้รางวัลที่เป็นเงิน มากมาย ขนาดนั้น ต่างหาก

ค้านกันทั้งพระทั้งโยมยังไม่ฟัง ก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๗ มิถุนายน ๒๕๔๗ -