คนบ้านนอก บอกกล่าว - จำลอง - ปลายเดือนมิถุนา ผมเข้ากรุงร่วมประชุมหลายคณะ ตกค่ำต้องไปออกรายการโทรทัศน์กับ ท่านจันทร์ โชคดี อดีตรองปลัดกระทรวงท่านหนึ่งและภริยา ช่วยเป็นธุระรับส่งผม ท่านเล่าว่า การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรที่ใครๆ ติดกันงอมแงม ท่านเป็นคนหนึ่งละที่ไม่เห็นต้องดูเลย ไม่ติด ก็ไม่เดือดร้อน ได้พักผ่อนหลับนอนอย่างสบายๆ การติดดูฟุตบอลแม้ไม่พนันกัน ก็ติดอบายมุข (ทางแห่งความเสื่อม) ไป ๒ ข้อแล้ว คือ ติดเที่ยว กลางคืน และติดดูการเล่น ยิ่งมีการพนันด้วยก็ยิ่งเสื่อมกันใหญ่ โรงรับจำนำแต่ไหนแต่ไร เคยเป็น ที่พึ่งของคนจนยามลูกเข้าโรงเรียนและยามป่วยไข้ ทำหน้าที่เพิ่มอีกอย่างหนึ่งคือ เป็นที่พึ่งของ นักการพนัน ตั้งแต่เริ่มแข่งขันเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน โรงรับจำนำทั้งหลายมีลูกค้าเข้าออกคึกคัก หอบหิ้วข้าวของ ไปจำนำ ถึงกำหนดไม่มีเงินไถ่ถอนก็ปล่อยให้หลุดไป ฤดูแข่งฟุตบอล เป็นฤดูของการแข่งกัน หมดเนื้อหมดตัว ที่ผมคัดค้านท่านนายกฯ คราวที่แล้ว ผมยืนยันว่า คนจนไม่มีเงินซื้อหวยหุ้นฟุตบอลใบละ ๑,๐๐๐ บาท เขาก็จะไปกู้หนี้ยืมสินมาจนได้ (รวมทั้งเอาสมบัติไปจำนำด้วย) อีกเรื่องหนึ่งที่กำลังฮือฮากัน คนจนที่จนอยู่แล้วต้องล่มจมคือ การกู้ยืมจากนายทุน (หน้าเลือด ทั้งนั้น) ที่เมืองกาญจน์ หัวหน้าครอบครัวที่ทำโอ่งขายคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะวันที่ปั้นโอ่ง ได้มากที่สุด ขายโอ่งได้หมด ได้กำไร ๑,๒๐๐ บาท แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ ๒,๐๐๐ บาท (ร้อยละ ๒๐ ต่อวัน หรือ ร้อยละ ๗๓๐๐ ต่อปี) เจ้ามือการพนัน (กองสลากและเจ้าของโต๊ะพนันบอล) รวมทั้งนายทุนเงินกู้ รวยในความจน ยิ่งตัวเองรวยขึ้นเท่าไรยิ่งทำให้คนอื่นจน คนอื่นเจ๊งมากขึ้นเท่านั้น ผู้ที่ประกอบสัมมาอาชีพ ถือศีลกินเจ ไม่แตะต้องอบายมุข ไม่สะสมแก้วแหวนเงินทอง ดูเป็นคน จนๆ แต่ จนในความรวย มีกินมีใช้ ไร้หนี้สิน เราจะให้ผู้คนในบ้านเมืองเรา รวยในความจน หรือ จนในความรวย กันแน่ - เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๘ กรกฎาคม ๒๕๔๗ - |