กล้ารวยพาจน กล้าจนพารวย - วิมุตตินันทะ - ไม่ว่าใครต่างอยากมั่งมีศรีสุขรวยๆด้วยกันแทบทั้งนั้น ยิ่งได้ตัวอย่างผู้นำสำเร็จเคล็ดวิชาทุนนิยม แบบฉบับ ท่านนายกฯ ทักษิณด้วยแล้ว ท่านหมายมั่น ปั้นมือเหลือเกินว่า ภายใน ๖ ปี เมืองไทย จะไม่มีใครจนดักดาน ฝันหวานๆ ของนายกฯ เรา มันช่างชวนเคลิบเคลิ้มหลงใหลเสียจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ดังเพ้อฝันผันเฟื่อง ก็เป็นเรื่องวิเศษเชียวแหละ แต่อดไม่ได้ที่จะต้องฟังหูไว้หูดูๆ กันไป จริงไม่กลัว กลัวไม่จริงซะมากกว่า เพราะหลายต่อหลายเรื่อง ท่านผู้นำชอบคิดแล่นไปโลดโดดๆ เสร็จแล้วคำตอบสุดท้ายกลายเป็นราคาคุยโวเท่านั้นเอง ขยันคิดใหม่ทำใหม่ตามประสานายเจ้า เชื่อหัวไอ้เรือง มันคงผิดบ้างถูกบ้าง ยังไงก็ดีกว่าพูดใหม่ ทำเก่าน้ำเน่าไม่เอาไหนซ้ำซาก...จริงไหมครับ พ่อแม่พี่น้อง ! ยิ่งพัฒนามาหลายสิบปีดีดักคนไทยยิ่งขี้โลภตายชัก ดูแค่โรงหวย สิบสี่ตุลาอุตส่าห์เผาเสียเหี้ยนเต้ เดี๋ยวนี้มันผงาด ยึดราชดำเนิน เป็นอาณาจักรโรงหวยไปหมดแล้ว ซ้ำร้ายกลายเป็นเบียดบัง อนุสาวรีย์ สิบสี่ตุลาให้หมดสง่าราศีอีกต่างหาก สมัยขุนคลังมือหนึ่งอย่างนายบุญชู โรจน-เสถียร ท่านไม่สนใจรายได้โรงหวย เพราะปีหนึ่ง ส่งเงิน เข้าคลัง ไม่กี่ร้อยกี่พันล้าน จิ๊บจ๊อยจะตายไป เมื่อไม่มีใครคิดจริงจังล้างบางนิสัยคนไทยบ้าหวย ให้มันน้อยๆ หน่อย หวยก็ขายดีขึ้นเรื่อยๆ จนไม่พอขาย รัฐบาลแก้ปัญหาหวยแพงเกินราคา โดยออกหวยชุด เพิ่มมอมเมาให้คนบ้าหนักต่อไป ช่างฉลาดเลวไม่แพ้ชาวบ้านเลยนะ ย้อนไปเก่าก่อน ครั้งหวยที่หนึ่งห้าแสนบาท หวยใบละห้าบาท คนเบี้ยน้อยหอยน้อย ไม่ต้องไป หวังรวยมาก ซื้อหนึ่งเสี้ยวสิบสลึงก็ได้ เกิดถูกเชิญรับไปสองแสนห้า ถือว่าเฮงเป็นบ้า ทุกวันนี้ คนไทยยิ่งขี้โลภจัดขนาดไหน ต่อให้ถูกที่หนึ่งรางวัลสองล้าน ไม่พอรวยดอก ซื้อทั้งที ต้องยกชุดไปเลย อย่างต่ำๆ โดนสักหกล้าน ค่อยยังชั่วหน่อย น่าดูไหมคนจนที่รัก... เพราะฉะนั้น การออกรางวัลย่อยๆ เป็นที่สี่ที่ห้า หรือกระทั่งเลขท้าย ๒-๓ ตัว มันไม่พอยั่วกิเลส คนเลย แต่เป็นอุบาย หลอกล่อคน ให้หลงหวย ไปเล่นๆ ดูครบเครื่องหาเรื่องมั่วไปอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวโรงหวย จะว่างงาน ผลาญอะไรๆ ได้น้อยไปกระมัง ทุกรัฐบาลไม่มีแนวคิดให้ประชาชนลดละบรรเทาโรคบ้าหวย ดีแต่ช่วยขยายหวยนรก ขนาดกล้า ลงทุน ยกจากใต้ดิน ขึ้นมาแบหรา เชิญซื้อหาง่าย ยิ่งกว่าโชวห่วย เมื่อผันเศรษฐกิจนอกระบบ ให้เป็นทุน ถูกกฎหมาย เสร็จแล้วหายนะ ยิ่งบานปลาย มันจะได้คุ้มเสียตรงไหนเอ่ย... เมื่อจะเล่นนโยบายโยกย้ายใต้ดินทุกอย่างให้ถูกกฎหมาย ขณะเดียวกันจะทำฉันใด เพื่อคุมกำเนิด ไม่ให้มันกลับเป็นตัวเร่ง บ่อนทำลายศีลธรรม อันเป็นชีวิตจิตใจของคน ผู้สูงชั้นกว่าสัตว์ที่ ไม่รู้บาปบุญ คุณโทษ โดยชีวิตส่วนตัว บาปเวรใดๆ เมื่อยังจำนนจนมุมต้องจนใจทนทำอยู่บ้าง มันก็ต้องหาทาง ให้เข้าข้างน้อยๆ หน่อย จนกว่าจะค่อยลดราวาศอก กระทั่งสามารถบรรเทา เบาบางจางคลาย หายห่วงได้ในที่สุด วิถีพุทธนำพาให้ปฏิบัติตัดกิเลส หยาบ กลาง ละเอียด ตามอัธยาศัย แต่ละฐานะกำลัง ที่ไม่เหมือนกัน คือไม่ต้องปิดกั้นตัวเอง ให้จมปลักดักดานอยู่ในเหวนรก น้อยใหญ่ ตลอดไป จุดสำคัญอยู่ที่กล้าดี ทำให้จริงจัง จนเกิดผล แม้เล็กแม้น้อย อะไรๆ ถึงค่อยดีขึ้นไม่ช้าก็เร็ว ใครๆ ไม่ต้องเข้าข้างตัวเองว่า ฉันไม่มีวันทำได้ดอก ทั้งที่มันเลือกตัดตอน ได้ถมถืดร้อยแปดพันเก้า ชีวิตสังคม น่าจะช่วยกันเปิดทางจุดประกายตั้งต้นในทิศทางโดยลำดับต้นกลางปลาย เช่นเดียวกับ ปัญหาส่วนตัวนั่นเอง ท่านจึงสอนว่า การแก้ไขตนเอง ของแต่ละคน ย่อมเป็นวิถีทาง แก้ปัญหาสังคม อันดีที่สุด กล้ารวย-กลัวจน สังคมคงไม่ค่อยประสีประสาหรอกว่า ค่านิยมแข่งกันรวย มันจะช่วยให้เดือดร้อนกันมากขึ้น อย่างไรบ้าง ถ้ารวยเร็ว รวยลัดได้ ใครๆ ล้วนอยากทำบ้าง เมื่อไม่มีปัญญาร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีชั่วข้ามคืน อย่างท่านผู้นำ นายกฯ ของเรา คนจนไม่จน เมื่อไม่มีท่าจะไปยื้อแย่ง ฮุบสัมปทานวิทยุ-ทีวี ช่องทับช่องซ้อนซ่อนกับเจ้านายใหญ่โต ขาประจำเจ้าจำนำ พวกย่อมเล่นรวยลัด ทางปิดทางเปิด อื่นๆ กิจการมิจฉาอาชีพถึงเกิดขึ้น ไม่ว่าหวยเถื่อน บ่อนเถื่อน หรือยาบ้าที่ยังดี กล้าตัดตอนถอนราก เผาโคนไปเรื่อยๆ เห็นไหมว่า เมื่ออยากรวยเป็นบ้า มันก็ชวนทำอาชีพบ้าบอคอแตกแหลกลาญ ขายของเถื่อน หนีภาษีไม่ได้ แอบขายตัว มันเสียเลย ทางมักง่าย ประสาขี้เอาเปรียบ เห็นเงินตาโต มันพาคนทำ เพื่อเม็ดเงินเป็นใหญ่ประมาณนั้น ตรงกันข้ามกับวิถีชีวิตคนหนักเอาเบาสู้ อาบเหงื่อต่างน้ำ พอใจกับเศรษฐกิจพอเพียง เลี้ยงตัวโดย ขายแรงงาน หาเช้ากินค่ำ คนจนที่มีศักดิ์ศรี ไม่ไร้หัวคิดเช่นนี้ ย่อมมีทางหากินบนแผ่นดินไทย ได้ตามอัตภาพ คนขี้มักจะชอบมองด้านเดียวว่า พอรวยเงินยิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งวิเศษเป็นบ้า แล้วมันก็พาบ้าดีเดือด มาเยอะ เสียผู้เสียคนไม่รู้เท่าไหร่ เพราะเหตุอันใดหรือ เงินถึงทำให้คนเปี๋ยนไป๋... ธรรมดาใครๆ พอปุบปับรวยเละขึ้นมา อดไม่ได้ดอกที่มักจะโลภโกรธหลงพุ่งสูงขึ้น เห็นแก่ตัว จัดจ้าน กระสันอยากกินสูบ ดื่มเสพนั่นนี่สารพัด ใช้เงินบำเรอกิเลส สมใจอยาก เกิดมีอะไร ใครมาขัดอกขัดใจ เป็นต้องหัวเสียโมโหง่ายทันที นิสัยผลาญพร่า ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม คงจะกำเริบ เสิบสาน ตามมาเป็นกระพรวน อย่าหวังเลยว่า มีเงินล้นๆ แล้ว จะมีนิสัยโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อ เจือจาน อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ถือเนื้อถือตัว สุภาพกับทุกผู้คน ไม่ว่ามีจน มันคงยากมากเชียวแหละ ที่เงินจะกลายเป็นเหตุให้คนมีบุญ ลดโลภะ โทสะ โมหะ ละทิฐิมานะ ได้ดังวาดฝัน ส่วนใหญ่ รับประกันได้ว่า เงินเป็นตัวแปร เพิ่มกองกิเลสสารพันเหลือล้นแทบทั้งนั้นแหละ คนไหนรวยเละตุ้มเป๊ะแล้ว กล้าทำบุญจุนเจือคนอื่นๆ หรือกล้าสละสร้างสรรค์มากกว่า บำเรอสุข ตัวเองคับแคบแบบนั้น ถ้าเกิดมี เห็นทีเขาจะไม่ใช่คน เสียแล้วซิท่า น่าจะเป็นเทวดาเดินดิน มากกว่ากระมัง ด้วยเหตุนี้ เมื่อใดเกิดอยากรวยเละเทะขึ้นมา ถ้าหวังว่าจะได้กินเสพเมามันตัณหาให้มากขึ้น เป็นร้อยเท่า มันคงพาตัวเองตกต่ำ ทั้งจิตวิญญาณ และชีวิตเป็นอยู่จริง ตลอดทั้งเป็นตัวอย่าง นิสัยไม่ดี ใครขืนเอาตามมากเท่าไหร่ คงวุ่นวายเป็นทุกข์มากขึ้น ผลข้างเคียงของเงินทำพิษ ขึ้นหน้าหนึ่งเป็นข่าวใหญ่ทุกวัน ต่อให้ตาบอดหูหนวก ยังน่าจะรับรู้ได้ว่า เงินนั้นนำทุกข์มาให้ขนาดไหน อย่างไรบ้าง... หากใช้สติพิจารณาโทษของเงินขี้โลภดูบ้างให้ลึกซึ้ง บางทีอาจจะหายอยากรวยไปเยอะเลย กล้าจน-กลัวรวย ในขณะที่หน้าไหนๆ ต่างอยากรวยแทบทั้งสิ้น แม้กระนั้นก็ยังไม่วายมีคนกลุ่มหนึ่ง ถึงจะน้อยนิด แต่กล้าคิดใหม่ ไม่อยากรวยเหมือนชาวโลก จะถูกดูแคลนว่า เป็นพวกหน้าโง่ ไม่เป็นไร พวกนี้ ทนได้สบายดี นอกจากขี้เกียจรวยแล้ว แถมยังอยากจนกว่าคนธรรมดาอีกต่างหาก เคราะห์ดีที่เมืองไทย ยังมีมนุษย์พันธุ์ใหม่ซึ่งกล้าจนอยู่พอตัวเชียวแหละ ถ้าเราเอ่ยนาม พระพุทธเจ้า ยอดคนกล้าจน สังคมไทย คงจะยอมรับว่า พระองค์คือ สุดยอดมนุษย์เหนือ คนเดินดิน ทั้งหลาย ดังนั้น ฐานะศรัทธาวิถีพุทธ มันไม่ยากเลยที่จะเข้าใจคนกล้าจน มักน้อย สันโดษตามลัทธิ เศรษฐกิจพอเพียง ในใจชาวพุทธ ใครๆ ต่างบูชาพระบรมศาสดา สุดเศียรสุดเกล้า ครั้นหันมาดู ชีวิตประจำวัน หากินหาอยู่ ชาวพุทธไทยกลับหลงใหล ลัทธิทุนนิยม บริโภคนิยม กอบโกยกินสูบ ดื่มเสพ สุดลิ่มทิ่มประตู ไม่รู้จะเอายังไงกันแน่... ที่ใครๆ ต่างหมายร่ำรวยอื้อซ่า คงไม่ทันเฉลียวใจ ที่จะลงลึกในความจริงหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะ ในวงซื้อขาย ทำกำไร กำไรที่เรารับมาเต็มๆ มันเป็นผลขาดทุน อันเราเชือดเนื้อเถือหนังจากคนอื่นๆ รึเปล่า หลายคนคงไม่กล้านึก ขืนคิดลึกไปแล้ว มันจะละอายใจ กับการเอาเปรียบ ใจหนึ่ง คงอยากบอกตัวเองว่า มันเป็นธรรมดา ทีใครทีมัน เราถูกคนอื่นฟันกำไรรอบทิศ จึงไม่ประหลาด ที่เราต้องฟันกำไรกลับคืนบ้าง เพื่อความอยู่รอด ทฤษฎี ซื้อถูกขายแพง เพื่อกินกำไรส่วนต่างกลายเป็นเครื่องมืออันชอบธรรมแสวงหา ความร่ำรวย ส่วนเกิน สำหรับพ่อค้าแม่ขาย และทุกคน ที่ต้องซื้อขายกินใช้ โดยหารู้ไม่ว่า กำไรทุนนิยมนั้นกลายเป็นลาภมิควรได้ กลายเป็นของขโมยฉ้อฉลได้อย่างไร? ลัทธิบุญนิยมซึ่งเพิ่งแจ้งเกิดใหม่ในวิถีพุทธยุคนี้ มีหลักที่อยากให้ผู้คนคิดใหม่ ทำใหม่ เหมือนล้างสมอง น้ำเน่าทิ้งไปเลย กล่าวคือ ทุกคนควรหันกลับมารู้จักต้นทุนของตัวเองให้มันครบๆ ถ้าเป็นชาวบ้านซื้อมาขายไป หรือทำอะไร ก็คิดค่าแรงตัวเอง ลงไปด้วย ตีราคาค่าแรงกาย หรือค่าแรงหัวคิด มันควรจะประมาณเท่าใด เมื่อได้ต้นทุนเบ็ดเสร็จ การขายควรเป็นไม่เกินทุน หรือต่ำกว่าต้นทุนนั้นๆ หากต่ำกว่าทุนเท่าไหร่ นับว่าให้กำไร แก่ผู้ซื้อมากเท่านั้น ตรงกันข้าม ใครขายเกินทุนไปเท่าใด เท่ากับขูดรีด ฉวยเอาเงิน ที่คนเขาไม่เต็มใจ ไม่อยากให้ จะผิดอทินนาทาน ขนาดไหน มีปัญญาคิดเอาเองได้เลย ลัทธิทุนนิยมใช้กำไรเป็นตัวดูดส่วนเกินต้นทุนเข้ากระเป๋ารวยส่วนตัว พร้อมกับยัดเยียดความจน กับทุกคน ที่ถูกดูดเป็นเหยื่อ ลัทธิบุญนิยมใช้กำไรเป็นตัวเสียสละส่วนขาดทุน(เมื่อขายต่ำกว่าต้นทุน) ให้ทุกคนได้รวยขึ้น เมื่อมีคน กล้าจน กล้าให้แบบนี้มากหน้าทั่วถึงเท่าไร เขาเหล่านั้น จะพึ่งตนเอง กินอยู่ด้วยลำแข้ง คือแรงงานของตน และทุกคนจะได้รับอานิสงส์ จากความกล้าให้ เพราะกล้าจน ไม่มีใครถูกดูดซับ ให้จนลง เหมือนทุนนิยม ทุกคนจึงรวยถ้วนหน้าในระบบบุญนิยม - เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๘ กรกฎาคม ๒๕๔๗ - |