อยู่บ้านนอกไม่ใคร่ได้ยินใครบ่น แต่ในกรุงเทพฯ เริ่มบ่นกันหนาหู ว่ารัฐบาลทำผิด เรื่องนั้นเรื่องนี้ เผอิญระยะนี้รัฐบาลโชคไม่ดี มีเรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้นอยู่เรื่อย ความวัวยังไม่หาย ความควาย ก็เข้ามาแทรก ในกรุงเทพฯ ถ้าอยากรู้ว่ารัฐบาลถูกตำหนิอะไรบ้าง ต้องคุยกับคนขับแท็กซี่ วันก่อน ผมช่วย ดร.มานะ มหาสุวีระชัย หาเสียงที่ซอยละลายทรัพย์ ถนนสีลม เสร็จผมขึ้น แท็กซี่กลับ คนขับเป็นผู้หญิง ชื่อดีเสียด้วย ชื่อ ออมทรัพย์ ผมโชคดีเพิ่งเคยพบผู้หญิง ขับแท็กซี่ คุณออมทรัพย์เล่าย้อนหลังว่า สนับสนุนมานานตั้งแต่สมัยพรรคพลังธรรม ยุคต้น ในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคมก็ไปร่วมชุมนุมประท้วงด้วย เล่าให้ผมฟังว่า คนบ้านนอกที่โดยสารแท็กซี่ต่อว่ารัฐบาลที่แจกหนี้กันอย่างทั่วถึง ไปทั่วประเทศ เมื่อไรจะใช้หนี้กันได้หมด คนจนไม่ตายหรือ ผมบอกว่าเคยทักท้วง ท่านนายกฯ เป็นการส่วนตัวแล้ว ท่านกลับมีความคิดอีกอย่างหนึ่ง ถ้าอยากทราบว่าสังคม เป็นอย่างไร ต้องอ่านหนังสือพิมพ์ หน้า ๑ มีการฆ่ากันอย่าง โหดร้าย ทารุณยิ่งๆ ขึ้น เมืองไทยกำลังจะแล้งความเมตตาเข้าไปทุกที วันก่อนผมไปอำเภอหนองปรือ กาญจนบุรี พบรถกระบะ คันหนึ่งบรรทุกหมาเต็มรถ พอเห็นปุ๊บก็นึกเดาปั๊บ เดาไม่ผิด ตอนนี้เนื้อวัว เนื้อหมู ขึ้นราคา เนื้อหมาก็ขึ้นตาม หนุ่มบ้านนอกเอาถังน้ำพลาสติก ตระเวนแลกหมา ถ้าหมาตัวโตหน่อย แลก ๒ ใบ (๓๔ บาท) ตัวเล็กก็ ๑ ใบ (๑๗ บาท) ที่น่าคิดก็คือ ตัวเขาเองเข้าใกล้หมาไม่ได้ มันจะกัดเอา ที่อยู่กันแน่นบนรถนั้น เจ้าของ ช่วยจับให้ทั้งนั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่า ถังน้ำที่ได้นั้นต้องแลกด้วยชีวิตหมาที่ตัวเองเคยรัก ผมและคุณศิริลักษณ์ สงสารทั้งหมาทั้งคน จึงให้ขับรถเอาหมาทั้งหมด ๓๑ ตัวไปส่ง ที่สวนสัตว์เลี้ยง (ซึ่งเราเลี้ยงหมามากที่สุด ในโลกอยู่ในขณะนี้) เราจ่ายเงินแลก ชีวิตหมา ด้วยราคาเท่าทุน เป็นค่าน้ำมันรถและค่าถังน้ำพลาสติก พ่อค้าหมา จำหน้าผมได้ และเชื่อตามที่ตักเตือนไป ยืนยันจะไม่กลับมาเป็นพ่อค้าหมาอีก ที่จริงหนุ่มบ้านนอกคนนั้น ไม่ใช่คนจน มีที่ดิน มีรายได้ แต่อยากรวยเร็ว คนจนที่ดี ขยัน แต่ไม่โลภ มีคุณค่าต่อสังคมกว่าคนรวยที่ดี ขยัน แต่โลภ - เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๙ สิงหาคม ๒๕๔๗ -
|