คนดีที่เรณูนคร ทางอำเภอได้จัดโครงการแนะนำอาชีพ แก่ชาวบ้านเพื่อการพึ่งตนเอง อาจารย์สมยศ ซึ่งทำฟาร์มเห็ดด้วย ได้รับเชิญเป็นวิทยากรทุกครั้ง ท่านบรรยายให้ฟังทุกขั้นตอน อย่างไม่ปิดบัง ๑. อันดับแรก หาไม้เนื้ออ่อนทุกชนิดหรือไม้เนื้อแข็ง จะเป็นไม้จิก ไม้มะก่อก็ได้
เอามา ปลูกเห็ดได้เช่นกัน ไม้ต้องยังไม่แห้ง ตัดมาไม่เกิน ๓ วัน จะดีที่สุด
เพราะไม้แห้ง ใช้ปลูก เห็ดไม่ได้ วิธีทำ เจาะไม้ด้วยสว่านดอกใหญ่หรือใช้เหล็กสำหรับเจาะไม้ปลูกเห็ดโดยตรงก็ได้ เจาะลึก ไม่เกินนิ้วครึ่ง ห่างกัน ๑๕ เซนติเมตรรูที่เจาะในแต่ละแถวให้อยู่ในตำแหน่งสลับฟันปลา เพื่อให้เชื้อเห็ดเดินทั่วเนื้อไม้ ใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดถาดรอง เอาเชื้อก้อนเห็ดที่มีเส้นใยเดินจนเต็ม มาแกะ ลงไป กองไว้ที่ถาด เช็ดมือด้วยแอลกอฮอล์ก่อนขยี้ก้อนเห็ดให้แตก แล้วหยอดใส่รูที่เจาะไว้ เอาจุกไม้สะอาด ปิดรูอัดให้แน่น เหลือที่ปากรูไม้ไว้สักหนึ่งเซนติเมตร เมื่อหยอดเชื้อเห็ดลงรูและอัดจุกไม้หมดแล้ว ใช้ปูนซีเมนต์หนึ่งส่วน ทรายสองส่วน ผสมน้ำ คลุกเหนียวได้ที่นำไปปิดปากรูให้สนิทแล้วนำไม้ที่มีเชื้อเห็ดนั้น ไปกอง ในแนวนอนไว้ในที่ร่ม หลังจากนั้น ๗๐-๙๐ วัน ท่อนไม้ก็จะแห้งเชื้อเห็ดจะกระจายเดินไปจนทั่ว มีเส้นใยสีขาว ออกมา อยู่เต็มหัวไม้ นั่นแหละ คือเห็ดพร้อมจะงอก เอาท่อนไม้ที่มีเส้นใยลงไปแช่ในน้ำ ๑๒ ชั่วโมง หรือ ๑ คืน (หากแช่น้ำ นานกว่านั้น เชื้อเห็ดจะเสีย ออกดอกไม่เต็มที่) แล้วเอาขึ้นมา กองไว้ในที่ร่ม ไม่ถึงเจ็ดวัน เห็ดชนิดที่หยอดใส่ไว้ ก็จะงอกขึ้นมา บานอยู่รอบท่อนไม้ เมื่อเก็บ ดอกเห็ดหมดแล้ว ให้เอาขอนไม้ออกไปผึ่งแดด ๑๕ วัน เพื่อให้เชื้อเห็ดเดิน แล้วเอาลงแช่น้ำอีก ๑๒ ชั่วโมงนำขึ้นมาไว้ที่ร่มรอเก็บดอกชุดใหม่อีก ทำหมุนเวียน อยู่อย่างนั้นไป จนกว่าขอนไม้จะผุ ไม่เพียงแต่อาจารย์สมยศ อาจารย์เสริฐที่เป็นวิทยากรอีกท่านหนึ่ง ก็มาร่วมช่วยบรรยาย โดยไม่รับ ค่าตอบแทนเช่นกัน ประเทศไทยเป็นชมพูทวีปที่มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าอีกหลายประเทศ จึงเหมาะ สำหรับการเพาะปลูก พืชผักผลไม้ปลูกขึ้นได้แทบทุกชนิด ป่าในประเทศไทย มีพันธุ์ไม้ มากกว่าอีกหลายๆ ประเทศ อย่าว่าแต่นำ ไปปลูกเลย แค่เอามากิน แล้วขว้างเม็ด มันออกไป ยังงอกเป็นต้น ออกดอกออกผลให้ได้กินกัน เมื่อแผ่นดินไทยอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ชาวสวนชาวนาไทยก็น่าจะกินดีอยู่ดี อุดมสมบูรณ์ ตามไปด้วย แต่เปล่าเลย ชาวสวนชาวนากลับยากจน มีหนี้แทบทุกครัวเรือน ผมเคยไปดูงานที่ประเทศเกาหลีใต้เมื่อหลายปีก่อน บ้านเรือนส่วนใหญ่ เขาจะปลูกสร้าง แบบเน้นความทนแข็งแรงและราคาย่อมเยา เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งจะแตกต่าง จากบ้านเรือน คนไทย ที่เน้นความสวยงาม แม้จะราคาแพง ก็ไม่เสียดายเงิน เพื่อเอาไว้อวดเพื่อนบ้าน ผมเห็นชาวนาหลายคนเมื่อเกี่ยวข้าวแล้วจะหอบขึ้นมาเรียงไว้ที่ริมถนน รถยนต์ขับผ่านมา ก็หักพวงมาลัย แวะออกมาเ หยียบนวดข้าวให้แล้วขับเลยไป ทั้งที่เจ้าของรถ กับชาวนานั้น ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่มันเป็นความสำนึกดี ที่มีต่อเพื่อนร่วมประเทศเดียวกัน สังคม ของประเทศเขา จึงมีความสามัคคี อบอุ่น และมีความเจริญ มากกว่าอีกหลายประเทศ ในแถบเอเชียนี้ หากว่าย้อนมาดู สังคมเมืองไทย หากว่าชาวนา เกี่ยวข้าว แล้วนำมาเรียง ริมถนนเพื่อให้ผู้ขับรถ เลี้ยวรถมาช่วยนั้น คงไม่มีหวัง ถ้าจะได้ก็คงเป็นก้นบุหรี่ ที่ดีดลง มาเผา ให้สิ้นซากเท่านั้น ครั้งหนึ่งมีคนไทยเชื้อสายเวียดนามมาเช่าบ้านอยู่ใกล้บ้านผม เขาเอามะม่วง ขนุน พันธุ์ดี มาปลูกไว้ ที่หลังบ้านเช่า ผมถามเขาว่า คุณจะได้กินผลมันหรือ ก็คุณบอกว่า จะมาเช่า อยู่แค่ สองสามเดือนเท่านั้น เขาบอกว่า "ผมปลูกเอาไว้ ให้คนที่จะมาอยู่ทีหลังได้กิน ส่วนผมจะไปกินของคนอื่น ที่เขาปลูกเอาไว้ข้างหน้า" เป็นความคิดที่ยอดจริงๆ เขาไม่คิดถึงว่า จะได้กินหรือไม่ แต่เขาคิดถึงความอุดม ของไม้ผล ให้มันมีมากเข้าไว้ ในแต่ละพื้นที่ ส่วนคนไทย เช่าบ้านอยู่ กินผลไม้ขว้างเมล็ดไปริมรั้วหลังบ้านเช่า งอกเป็นต้น สูงหลายเมตร ปลูกมะละกอ พริก ออกลูกเต็ม พอถึงเวลา ย้ายออกไป ก็ฟันทิ้งเรียบ เพราะใจหวงแหน ไม่อยากให้ใครได้กิน ตัดทิ้งสบายใจกว่า ที่ชาวสวนชาวนาในประเทศไทยต่างพากันเป็นหนี้และยากจนทั่วถึง ก็เพราะเข้าไม่ถึง พุทธศาสนา หรือไร้ผู้บอกสอน ที่ถูกตรง พระศาสนาจึงไร้พลังที่จะนำพาให้ชาวสวนชาวนา เกิดความสำนึก มีความสุข ในการปฏิบัติตน อยู่ในครรลองคลองธรรม ชาวสวนชาวนาจึงมักหลงไปนับถือบูชาสิ่งที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พึ่งแทน ทั้งรูปปั้น เหรียญต่างๆ ด้ายสายสิญจน์ ศิวลึงค์ ศาลพระภูมิ ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆ แท้จริงแล้ว สิ่งที่ว่าศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น จะไม่มีคำสอน ให้ผู้คน ไปทำคุณงามความดีอะไรเลย เพียงแต่ ผู้หลงนับถือเข้าใจว่า จะมาช่วยคุ้มครอง ดลบัลดาล ให้ตัวเอง อยู่ยงคงกระพัน ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก หรือให้มีโชคลาภต่างๆนานา ผู้คนส่วนใหญ่ จึงไร้น้ำใจ ขาดการแบ่งปัน เห็นแก่ตัวจัด ขาดความอดกลั้น มีความโกรธเป็นกำลัง ท่านพุทธทาสเคยเทศน์ไว้ว่า "หากศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ" ศีลธรรม จะช่วยให้คน ผู้ได้มาศึกษา และ ปฏิบัติดี เกิดความฉลาดรู้ดีรู้ชั่ว รู้จักกรรม รู้จักการอยู่แบบพอดี รู้จัก แบ่งปัน ช่วยเหลือ มีน้ำใจ อยู่แบบเศรษฐกิจ พอเพียง ก็จะเกิดความสุขในครอบครัว และสังคม ส่วนรวม ก็จะพลอยได้คนดี ไว้นำพากู้ศีลธรรม กลับคืนมา อาจารย์สมยศและอาจารย์เสริฐ นับเป็นตัวอย่างกล้าเสียสละ แม้จะเป็นจุดเล็กๆ
แต่ก็เป็น กำลังใจ ให้แก่อีกหลายๆ คน - เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๗๐ กันยายน ๒๕๔๗ -
|