เรื่องสั้น
- เกิดแก้ว - แสงดาวขยับรถเข็นให้เข้าที่บริเวณข้าง กำแพง เหลือบมองแผ่นป้ายพลาสติก "ขนมครก แป้งข้าวกล้อง" ที่ร้อยเชือก โยงมาจากคาน โครงหลังคารถเข็น นึกในใจ 'เฮ้อ..กระทงละ ๑๐ บาท ขายอีกนานเท่าไหร่ล่ะ ถึงจะรวยเงินแสน เงินล้านสักที' "อ้าว..คิดอะไรอยู่ล่ะ เช็ดกระจกให้แม่อีกที จะได้ใสๆ ขนมก็ดูน่าซื้อขึ้น" เดือนร้องบอกลูกซึ่งอยู่ในวัยสาวสะพรั่ง แถมหน้าตาหมดจดคมคาย ลึกๆ คาดว่าวันนี้ คงขายดี เป็นพิเศษ เพราะวันไหน ที่แสงดาวมาช่วย ดูเหมือนหนุ่มๆ จะมาซื้อขนมครกมากผิดปกติ เมื่อครั้งที่แสงดาวเรียนชั้นมัธยม เธอจะมาช่วยเดือนขายขนมครกในวันหยุด เป็นประจำ แต่เมื่อสอบเข้าเรียนต่อ ที่สถาบันราชภัฏชื่อดัง แถวฝั่งธนฯได้ แสงดาวมักบอกว่า เรียนหนัก ไม่ค่อยว่าง ขอทำรายงานบ้าง อ่านหนังสือบ้าง ความที่รัก และเห็นใจลูก เดือนจึง ไม่ว่าอะไร เพราะแสงดาว ก็นั่งทำงานของเธอที่ห้องเช่า ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหน ให้ต้องเป็นห่วง แต่วันอาทิตย์นี้ เดือนเวียนหัว จึงขอให้แสงดาวมาช่วยขาย แม้จะไม่เต็มใจนัก เพราะอยาก ทำรายงานมากกว่า แต่แสงดาว ก็ไม่ใจจืดใจดำพอ ที่จะปล่อยให้แม่ที่ไม่สบาย ไปยืนขายขนมครก เกือบครึ่งค่อนวัน ตามลำพัง เป็นจริงดังที่เดือนคาดไว้ หนุ่มหลายคนที่มายืนรอรถเมล์ใกล้ๆ เดินเตร่เมียงๆ มองๆ แล้วก็แวะมาซื้อ ขนมครก คนละกระทง สองกระทง แสงดาวแคะขนมครกอย่างคล่องแคล่ว ยิ้มนิดๆ ทักทายลูกค้า พอไม่ให้เสียกิริยา
นึกรู้อยู่ในใจว่า หนุ่มๆ มาซื้อขนมครก ก็คงหมาย จะได้พูดคุยกับเธอบ้าง ไม่ใช่ว่าแสงดาวพูดไม่เก่ง
แต่เธอเลือกที่จะพูดคุย กับชายหนุ่ม ที่ดูเข้าท่าเข้าที ในสายตาของเธอเท่านั้น
เพราะตอนนี้ เธอไม่ได้เป็นเพียงแม่ค้าขนมครก กระจอกๆ อีกแล้ว เธอเป็นถึงนักศึกษา ข้อน่าชมอย่างหนึ่งของแสงดาวคือตั้งใจเรียน เธอคิดมาตลอดว่า ชีวิตต้องไปไกลกว่านี้ งดงามกว่านี้ ใบปริญญานี่แหละ จะเป็นใบเบิกทาง อันสดใส ยุติธรรมเสมอหน้า ทั้งคนรวย และคนจน เมื่อสอบเรียนต่อ ที่ราชภัฏได้ แสงดาว จึงมุ่งมั่นว่า จะคว้าปริญญาเอก ให้จงได้ แต่..แม่จะส่งเธอเรียนไหวหรือ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อ ๒ วันก่อน นารีนาฏเพื่อนครั้งเรียนชั้นมัธยม ได้มาคุยกับเธอ ว่าสนใจงาน ถ่ายแบบบ้างไหม นารีนาฏ ยืนยันว่า "นี่ดาว..เธอน่ะ ถ้าขัดสีฉวีวรรณ แต่งเนื้อแต่งตัว เขียนหน้าทาปากเข้าหน่อย ถ่ายแบบได้ สบายเลยนะ ขี้คร้าน จะรับงาน ไม่หวาด ไม่ไหว โธ่ ที่เดินเริดหรูบนแคตวอล์กนั่นน่ะ หน้าตา ก็งั้นๆ อาศัยว่าเป็นลูกคนดัง เท่านั้น เลยได้เดินแบบ ได้ถ่ายแบบ เอ้า..ให้เวลาตัดสินใจ อาทิตย์หนึ่ง เดี๋ยวมาคุยกันอีกที" บ่ายโมงแล้วสองแม่ลูกช่วยกันเก็บของใส่รถเข็น แสงดาวเข็นรถช้าๆ เข้าไปในซอย เล็กๆ ที่แม่เช่าห้อง อยู่สุดซอย "แม่ ถ้าหนูจะถ่ายแบบ แม่คิดว่าไง" แสงดาวหยั่งเสียง "หา..ถ่ายแบบที่เห็นในหนังสือ 'แพรพรรณ' น่ะเหรอ ก็ดูสวยดีอยู่หรอก แต่ใครเขาจะให้แกไปขึ้นปก" "ก็..ยังไม่รู้หรอกแม่ ว่าจะถ่ายแบบไหน" "เออ แบบไหนก็ได้ อย่าให้โป๊ก็แล้วกัน เห็นสาวๆ เดี๋ยวนี้น่ะ ใจกล้าหน้าทนเหลือเกิน แม่ไม่อยากให้แก ทำแบบนั้น เสียชื่อ อายเขาด้วย" เดือนเตือนลูกสั้นๆ นึกถึงตนเองเมื่อเรียนหนังสือชั้นประถมอยู่ที่ต่างจังหวัด วิ่งเล่นกับเพื่อน จนหกล้ม กระโปรงเปิด เห็นกางเกงใน นิดเดียว ยังถูกล้อว่า 'สีแดงๆ' เสียไม่รู้กี่วัน แต่เดี๋ยวนี้ทำไมหญิงสาว ถึงไม่ค่อยอายกันนะ ใส่กางเกงเอวต่ำ นั่งปั๊บ เห็นกางเกงในปุ๊บ สีอะไรรู้หมด เดือนขายขนมครกที่ถ่ายทอดมาจากแม่อีกที และภูมิใจในอาชีพสุจริตนี้ยิ่งนัก แม้จะมีรายได้ไม่มาก แต่ใช้อย่างประหยัด ก็พออยู่กันไปได้ เดือนมีลูกคนเดียว สามีประสบอุบัติเหตุตาย ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในท้อง เดือนกัดฟัน เลี้ยงลูก และถ่ายทอดชีวิตที่เรียบๆ ง่ายๆ ให้แก่ลูกสาวมาตลอด แต่ก็วิตกอยู่ว่า 'แสงดาวมันจะซับซาบ ได้แค่ไหนนะ ดูท่ามันทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันอยากรวย อยู่เหมือนกัน'
"ดาวเป็นโอกาสดีที่สุดของเธอแล้วนะ คุณชัยพลเขารับรองหนักแน่นเลยว่า ถ้าเธอเป็นปก หนังสือเล่มนี้ ดังระเบิด แจ้งเกิดแน่ เขาจะถ่าย สุดฝีมือเลย" แสงดาวนิ่งคิด หนังสือ จี.แมกกาซีนโดดเด่นบนแผงด้วยเอกลักษณ์หน้าปกที่มีนางแบบ หน้าตาเซ็กซี่ เรือนร่าง เกือบเปลือยเปล่า "คุณดาวครับ" ชัยพลเอ่ยเสียงนุ่มนวล "งานทุกชิ้นของผมคืองานศิลป์ ศิลปะนี่เป็นมงคล อันอุดม นะครับ งานศิลป์ ไม่ใช่งานอนาจา รรูปร่างผู้หญิง เป็นความงดงาม ที่ฟ้าประทานมาให้ ใครดูก็เจริญตาเจริญใจ" "ดาวขอมีเกาะอกนิดหน่อยได้ไหมคะ" แสงดาวต่อรองหลังจากชัยพลหว่านล้อมมานาน ที่จะไม่ให้มี แพรพรรณ เกะกะ ส่วนบนเลย "โอ๊ะ เกาะอกหรือครับ จะแลดูแข็งไปเลย ก็บอกแล้วไงครับ คอนเซ็ปต์ฉากนี้เป็นเหมือน คุณดาว เกิดกลางดอกไม้ เพราะฉะนั้น ก็จะมีดอกไม้รายรอบ แล้วผมจะเซฟส่วนหน้าอกให้ เราจะมีเทปปิด ตรงบริเวณจุดเป้า ๒ จุดนั่น ผู้หญิงน่ะ ถ้าไม่เห็นหัวนมละก็ เหมือนว่า ไม่เห็นอะไร หรอกครับ ปิด ๒ จุดก็เซฟแล้วละครับ สบายใจได้" แสงดาวสะดุ้งนิดๆ ชัยพลเอ่ยคำ 'หัวนม' ด้วยน้ำเสียงทีท่าปกติ ไม่มีอาการบ่งบอกว่า เก้อเขิน หรือ ระมัดระวัง ว่านี่เป็นการพูด กับสุภาพสตรี คงเป็นเพราะเขาคุ้นกับ สรีระ กึ่งเปลือย มานานนับสิบปี ในฐานะช่างภาพ และอาจจะเห็น หญิงเปลือย มานับร้อย แล้วก็ได้ เพราะนารีนาฏเล่าว่า ผู้ที่จะมาเป็นนางแบบของเขา ต้องคัดเลือกกัน ชนิดเห็นเนื้อ เห็นหนังทั้งหมด ยืนหมุนสรีระ ให้ช่างภาพชม กระจะตา "ดาวขอกลับไปคิดก่อนนะคะ" แสงดาวตัดสินใจเลื่อนไปก่อน ด้วยรู้สึกหวั่นไหวอยู่ในใจ "ครับ ผมจะรอคำตอบ แต่ผมหวังว่า จะได้ฟังข่าวดีนะครับ อยากจะให้คุณดาวได้ใช้เงิน หนึ่งแสนนี่ด้วย ไม่มีใครมีโอกาส และจังหวะดี เหมือนคุณดาวอีกแล้วนะครับ มีสาวสวย อีกมากมาย ที่อยากจะขึ้นปก แต่ผมเลือกคุณ" "อ่านหนังสือพิมพ์มั้ย เดือน โฮ้ย ข่าวเด็ด" เย็นแล้ว ป้าน้อย ซึ่งเช่าห้องอยู่ใกล้ๆ กัน เดินมา ชะโงกหน้าถามเดือน ซึ่งนั่งหั่นเผือก เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ ไว้โรยหน้าขนมครก "ข่าวอะไร พี่น้อย" เดือนยิ้ม "นังปุ้ยน่ะซี ที่เล่นหนังเรื่อง 'ไอ้แก้ว' ไง ภาพมันหลุดว่ะ โอ้โฮ้ ฉันนึกไม่ถึงเลยว่า มันจะใจกล้า ขนาดนี้ ตอนถ่ายจริง มันแก้ข้างบนหมดเลย แค่มีอะไรแปะหัวนมนิดเดี๊ยะ" ป้าน้อยทำเสียง เหมือนว่านิดเดียวจริงๆ "แล้วยังไงอีกล่ะ" เดือนยังงง "อ้าว..ก็มันเป็นภาพลับไง รู้เฉพาะไม่กี่คน ในหนังมันไม่มีภาพนี้หรอก เพราะว่าพอถ่ายเสร็จ จะต้อง เอามาตกแต่งใหม่ ทำผมให้ยาวขึ้น เพื่อมาบังนมมัน ส่วนที่เป็นสกอตเทปก็ลบออก เหมือนว่าเปลือยจริง แต่ปรากฏว่า ภาพที่ยังไม่ได้ตกแต่ง มันหลุดออกมา เผยแพร่ในเนตไง เห็นนมเต็มตาเลยว่ะ เพราะผมมันสั้น" "ก็เห็นว่ามีอะไรแปะอยู่" เดือนแย้ง "โธ้..แปะก็เหมือนไม่แปะแหละว้า...ดูพื้นที่สิ ไอ้ที่ปิดมันนิดเดียว ไอ้ที่เห็นน่ะ มันหมด ทั้งเต้าเลยนะ" ป้าน้อย วิเคราะห์คำนวณ "ป้าน้อย หนูขออ่านหน่อยค่ะ" แสงดาวซึ่งเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ขออ่านอย่างสนใจ เพราะดาราสาวคนนี้ มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์บ่อย ป้าน้อยยื่นหนังสือพิมพ์ให้ก่อนขอตัวไปเช็ดใบตอง เพื่อจะเตรียมห่อข้าวต้มมัด ขายวันรุ่งขึ้น แสงดาวอ่านพาดหัวตัวไม้ มองดูภาพเปลือยอกของดาราสาวคนดัง เพียงแต่หนังสือพิมพ์ ทำแถบเล็กๆ คาดปิด ส่วนยอดอก ก่อนอ่านเนื้อข่าว ให้แม่ฟัง ปุ้ยสุดทน ภาพแก้ผ้าอาบน้ำถูกแจกจ่ายในเวบไซต์ เชื่อว่าเป็นฝีมือคนวงใน เพราะเป็นภาพ จากหนังดัง 'ไอ้แก้ว' ที่ไม่ได้เผยแพร่ ผู้กำกับชี้ เป็นภาพจริง แต่ไม่อยู่ในหนัง "ตอนทำงานพี่เขาก็บอกว่า ปุ้ยเป็นนักแสดง ให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เขาจะดูแลทุกอย่าง เป็นอย่างดี พอเกิดเรื่อง พี่เขาก็บ่ายเบี่ยง ไม่รับผิดชอบ" ดาราสาวเอ่ยในที่สุด "แม่ยังไม่ค่อยเข้าใจ มันเป็นยังไง" "ปุ้ยเขาแสดงหนังเรื่อง 'ไอ้แก้ว' น่ะแม่ ทีนี้มันมีฉากที่ต้องเปลือยกายอาบน้ำ เขาก็เลย แสดงจริง แก้ข้างบนหมด มีสกอตเทป แปะหัวนมนิดหน่อย แต่ฉากนี้ไม่มีในหนัง เขาจะต้อง เอาไปทำในคอมพิวเตอร์ ทำผมให้ยาวลงมาปิดหน้าอก เพราะตอนถ่ายจริง ผมเขาสั้น แต่ภาพถ่ายจริงนี้ มีคนเอาไปเผยแพร่ในเนต" "อ้าว..ใครเอาไปเผยแพร่" "ไม่รู้ซีแม่ หาตัวกันอยู่ เขาว่าเป็นคนใน นั่นแหละ เพราะคนอยู่ในฉากนี้ มีไม่กี่คน คนไม่เกี่ยวข้อง เขาก็ให้ออกไปหมด ตอนนี้ภาพ มันถูกส่งกัน ให้ว่อนเลย" "ก็ไม่น่าไปแก้นี่ ไปไว้ใจพวกนั้นได้ยังไง" "เขาเป็นนักแสดงก็ต้องทำให้สมบทบาท สมจริงสมจังซี เขาว่าถ้าไม่ทำสมจริงสมจัง ก็เป็นการหลอกคนดู เลยถอดจริงๆ หนังเดี๋ยวนี้ เขาไม่มานั่งหลอกกันแล้ว ยิ่งถ้าจะไปแข่ง กับต่างประเทศ ต้องทุ่มให้มันสุดๆ ถึงๆ ไปเลย" "บทโป๊ หรือบทบนเตียงทำนองนี้แม่ว่าไม่ต้องเต็มที่สมจริงสมจังหรอก เราไปตามฝรั่งมากไป ไทยเรามีวัฒนธรรม ต่างจาก ทางฝรั่งเขานะ เห็นไหม แล้วก็เกิดเรื่อง แม่ว่าอย่าไปเล่น บทโป๊บทเปลือยนี่แหละ ปลอดภัยที่สุด แม้บทจะมีบอกไว้ เราไม่เล่น เขาก็คง ไม่บังคับ หรอก ลองเป็นลูกสาวเขาสิ จะให้เล่นสมบทบาทไหม บทแก้ผ้านี่น่ะ" "ก็ไม่ดังสิแม่ เป็นนักแสดงที่ไม่เก่ง" "แล้วดังแบบนี้มันดีไหมล่ะ ใครว่านักแสดงที่เก่งต้องแก้ผ้าได้ แม่ไม่เห็นด้วยหรอก ก็ใช้สีหน้า ท่าทาง มุมกล้อง ประกอบ ก็สื่อได้แล้ว แม่ว่าผู้กำกับไม่มีจิตสำนึก ดาราก็ถูกหลอก ดาวระวังไว้นะลูก อย่าให้เงินมา ผ้าหลุด แม่อายชาวบ้าน ต่อให้ได้เงิน มากมายเป็นแสน เป็นล้าน แม่ก็ไม่ยินดีด้วย ความสุขไม่ได้อยู่ที่เงินอย่างเดียว เราอาจจะจน แต่คนที่ทุกข์ยาก กว่าเราก็มี เราขายขนมครก อาจจะได้เงินน้อย แต่ก็เป็นอาชีพไม่ทำลายสังคม ดูสิ ขนาดขนมครก แม่ยังใช้แป้งข้าวกล้องเลย ได้ช่วยสุขภาพคน นิดๆ หน่อยๆ ยังดีกว่า ทำอาชีพกระตุ้นกาม ไร้สาระ" แม่พูดเหมือนพระเทศน์ แสงดาวนั่งอึ้ง แม่ก็เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร สอนนักสอนหนา เรื่องรักนวล สงวนตัว อย่าให้ผู้ชาย มาจับมือ ถือแขน ผู้หญิงถ้าง่าย ผู้ชายเขาดูถูก เขาก็คิดว่า ง่ายกับเราได้ ก็ง่ายกับคนอื่นได้ ยิ่งถ้าผู้ชายคนไหน บอกว่า ถ้ารักจริง ต้องยอมเป็นของเขา แม่บอกว่า ผู้ชายที่คิดแบบนี้ เลิกคบได้เลย เพื่อนบางคนถึงกับ วิจารณ์แสงดาว ว่าเป็นสาวโบราณ โลกไปถึงไหนๆ แล้ว ใครไม่เคยเสียตัว ถือว่าตกสมัย เดี๋ยวนี้อายุ ๑๒-๑๓ ก็ควรมีประสบการณ์ แสงดาว ก็ได้แต่ยิ้ม บอกเพื่อนว่า ไม่กล้าทำหรอก เดี๋ยวแม่เสียใจ นี่เธอก็ยังไม่ได้บอกแม่ เรื่องการถ่ายปกหนังสือ จี.แมกกาซีน เพราะหลังจาก ที่คุยกันวันนั้นแล้ว แสงดาวได้แต่คิดไปคิดมา ตัดสินใจไม่ได้สักที จะเล่าบอกแม่ ก็กลัวแม่ห้าม อดได้เงินแสนกันพอดี เงินแสนหาได้ง่ายๆ อยู่หรือ จะตัดสินใจถ่าย โดยไม่บอกแม่ ถ้าแม่รู้ทีหลัง จะโดนดุขนาดไหน และแม่จะเสียใจแค่ไหน คิดวกวนสับสน จนได้คำตอบวันนี้ 'แม่ หนูไม่ถ่ายปกแล้ว แม้ว่าหนูจะเสียดายเงินมาก อยากจะมีเงินมาเป็นทุนเล่าเรียน และซื้อของสวยๆ งามๆ เหมือนเพื่อนๆ แต่หนูรักแม่มากกว่า รู้ว่าถ้าทำไป แม่คงเสียใจ ทุกข์มาก เพราะแม่สอนหนูมาตลอดว่า อย่าตกเป็นทาสเงิน เงินมันทำให้คน เสียคนมา นักต่อนักแล้ว' แสงดาวบอกแม่อยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกปลอดโปร่งใจ การต่อสู้เอาชนะจิตใจ เป็นเรื่องยาก อย่างนี้เอง แต่เมื่อชนะแล้ว ก็อิ่มใจอยู่ลึกๆ - เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๗๐ กันยายน ๒๕๔๗ -
|