ใครคือชาวพุทธไทยร่วมสมัย (ตอน ๗) - ส.ศิวรักษ์ -


ที่น่าขำก็ตรงที่หลังเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ แล้ว คนรุ่นใหม่หลายคน บอกกับ ข้าพเจ้าว่า พวกเขาให้โอกาสพุทธศาสนามาสองพันห้าร้อยปีแล้ว ไม่เห็นว่าพุทธศาสนา จะช่วยให้สังคมดีขึ้นเลย และในรอบสามสิบปีมานี้ ก็ให้โอกาสอเมริกันมานำไทย ไปจนเกิด หายนภัยต่างๆ ต่อแต่นี้ไป เขาขอชูธงของมากซ์และเมา เพื่อเอาชนะ ความอยุติธรรม ให้จงได้ แม้จะใช้ความรุนแรงก็ตามที

ข้าพเจ้าบอกเขาไปว่า พุทธธรรมนั้นถอนรากถอนโคนโครงสร้างทางส่วนตัว และทางสังคม อันอยุติธรรมและรุนแรง อย่างมีอุบายวิธี อันประเสริฐ หากเป็นไปอย่างสันติ คำว่าสังฆะ ก็คือคอมมูนนั่นเอง ที่พุทธศาสนาไกล่เกลี่ยกับไสยศาสตร์มากเกินไป สยบยอมกับ ศักดินา มากเกินไป แล้วภายหลังถูกระบบทุนนิยมและบริโภคนิยมเป็นตัวกำหนดนั้น นั่นไม่ใช่ อริยวินัย ถ้าเขาเข้าใจพุทธธรรม เขาจะคงความรุนแรงไว้ได้อย่างอหิงสา เขาอาจเอาชนะ ศัตรูภายในได้ด้วย โดยที่นี่ยากกว่าเอาชนะศัตรูภายนอกเสียอีก โดยที่ถ้าเราสร้าง สันติภาวะ ภายในได้แล้ว และไม่ติดยึดกับความเห็นแก่ตัวมากเท่าไร ก็จะอุทิศตน ให้ผู้อื่น และสัตว์อื่น จนอาจหากัลยาณมิตรมาร่วมกันสร้างสรรค์ ปัจเจกมนุษย์ ให้บริสุทธิ์ และ ให้สังคม ยุติธรรม อย่างบรรสานสอดคล้องกับธรรมชาติ ได้ด้วย

คนรุ่นใหม่สมัยเมื่อ ๓๐-๔๐ ปีก่อน กล่าวหาว่าข้าพเจ้าฝันมากเกินไป แต่พระพุทธศาสนา นั้น ท่านสอนให้เราเดินตามทางไปอย่างเป็นปกติ โดยเราทุกคนอาจเข้าถึงอุดมคติ อันสูงส่ง ได้ด้วยและทุกขั้นตอนที่เราเผชิญกับชีวิต เราก็อาจมีสติอย่างหาความสุขได้ด้วย โดยไม่หนี ความทุกข์ หากหาเหตุแห่งทุกข์มาให้เข้าใจอย่างกระจ่าง และเอาชนะ ความทุกข์ ได้อย่าง ดับไม่เหลือ ตามมรรคาของอริยมรรค ซึ่งมีองค์แปด คือ () ความเห็นชอบ () ความดำริชอบ () เจรจาชอบ () กระทำชอบ () เลี้ยงชีพชอบ () เพียรชอบ () ระลึกชอบ () ตั้งจิตมั่นไว้ชอบ

ดังได้กล่าวมาแล้วว่าชาวพุทธไทยร่วมสมัยแบ่งออกได้เป็นสอง และได้เอ่ยถึงพวกแรก มาแล้ว ลำดับนี้จะพูดถึงพวกที่สอง คือพวกที่ถามว่าจะถือพุทธไปทำไม เป็นคนมีศีลธรรม ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ ยิ่งพวกสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ด้วยแล้ว อุทิศตนเพื่อพรรค และเพื่อ ผู้อื่น ยิ่งกว่าตนเสียอีก อย่างนี้จะไม่ดีกว่าดอกหรือ

ความข้อนี้ จะขออ้างถึงคำของพระภิกษุไทยรูปหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นสมาชิกคนสำคัญ ของพรรค คอมมิวนิสต์ แต่เมื่อยังเป็นนิสิตนักศึกษาสมัยก่อน พ.ศ.๒๕๐๕ แล้วเข้าป่า ไปอยู่ในวงการ จรยุทธ ที่อุทิศตนเพื่อพรรคและเพื่อสหายต่างๆ แม้จะไม่ใช่สมาชิกพรรค ก็ตามที ภายหลัง ท่านเห็นว่า การรับใช้พรรค เป็นเรื่องของจรรยาบรรณและกติกา จากภายนอก โดยที่การอบรม บ่มนิสัยในทางจิตสิกขาช่วยให้เกิดความงอกงามภายใน ยิ่งได้รับ อุปสมบทกรรม ยิ่งทำให้ชีวิตสงบระงับยิ่งๆ ขึ้น อย่างปล่อยวางภาระอื่นๆ ของฆราวาส ได้เกือบหมด โดยที่ท่านยังคงอนุเคราะห์ผู้คนต่อไปและยิ่งๆ ขึ้นด้วย หากกระทำ กิจกรรม ต่างๆ ด้วยความอิ่มใจ แทนที่จะเห็นว่าเป็นภาระหน้าที่ กล่าวคือ เมื่อหาสันติสุขได้ภายใน ย่อมอาจนำเอาพลังภายในมาใช้สร้างสรรค์สันติภาพ ขึ้นได้ ในสังคม เท่าที่ตนมีบารมี หรือ มีศักยภาพอย่างเพียงพอ ยิ่งได้กัลยาณมิตรที่เป็น พุทธบริษัท ช่วยเหลือเกื้อกูลด้วยแล้ว กิจธุระของท่าน ก็ยิ่งงอกงามขึ้นเรื่อยๆ โดยท่าน ฝึกสติไว้ให้รู้เท่าทันตนเอง และสังคม อยู่เนืองๆ

อนึ่ง สำหรับคนไทยรุ่นใหม่ที่หันเหไปในทางที่นิยมนักคิดนักเขียนต่างประเทศด้วยแล้ว ข้าพเจ้าขอแปลจดหมายของอลัน กินสเบิร์กมาให้อ่าน โดยที่เขาคนนี้เป็นกวีร่วมสมัย ที่มีชื่อเสียง เป็นอย่างยิ่ง ของสหรัฐ เขาเคยติดกัญชา และชอบเสพกามกับคน เพศเดียวกัน เขาเคยมาเมืองไทย และเป็นคนแรก ที่แปลบทกวีนิพนธ์ของอังคาร กัลยาณพงศ์ ออกเป็น ภาษาอังกฤษด้วย

คำของเขาแปลได้ดังนี้

อเมริกันทุกคนต้องการจากโลกยิ่งๆ ขึ้นทุกที ทั้งนี้ก็เพราะเรามีชีวิตอยู่หนเดียวนี่เท่านั้น จะแสวงหา ให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้เจียวหรือ แต่ความผิดพลาดมีอยู่ตรงที่ในอเมริกานั้น คนสะสมวัตถุที่ตายแล้วยิ่งๆ ขึ้นทุกที ไม่ว่าจะเครื่องยนต์กลไก ทรัพย์สมบัติ แม้จนข้อมูล ต่างๆ โดยไม่สนใจที่จะสะสมให้มากขึ้นของสิ่งที่ควรสะสม กล่าวคือความรู้สึกที่ดีงาม ความรัก ในทางเพศ ความรู้สึกอันนุ่มนวลควรทะนุถนอม ความรู้สึกในทางเคารพรัก ซึ่งกันและกัน

คุณจะมีพรมที่มีค่ายิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ ถ้าคุณเข้าใจซึ่งถึงคุณค่าของพรมผืนนั้น การได้ครอบครอง มากขึ้น หมายถึงรู้ซึ้งถึงคุณค่าในสิ่งนั้นๆ ยิ่งขึ้น การรู้ซึ้งนี้แล กล่าวได้ว่า เป็นคลังของสิ่งที่เราเรียกว่า ความรู้สึก ความรู้สึกซึ่งถึงร่างกาย หรือความรู้สึกที่แสดงออก ทางร่างกาย จากภายในนี้แล คือประเด็นอันสำคัญ

คุณอาจเป็นเจ้าของช้างสัก ๑ เชือก หรือธนาคารสัก ๑ แห่ง หรือมีอำนาจเหนือสิ่งนั้นๆ แต่ถ้า คุณไม่ได้รับความสุขจากสิ่งนั้นๆ ก็เท่ากับคุณได้ครอบครองปรมาณูที่ตายแล้ว หรือความคิด ที่ตายแล้วนั่นเอง

ธุรกิจของเรามีแนวโน้มไปในทางที่เป็นเครื่องยนต์กลไกยิ่งๆ ขึ้น จนเรากดดัน ไม่ให้ได้แสดง ความรู้สึกออกมาในหน้าที่การงาน เพราะความรู้สึกเข้ากับเครื่องยนต์กลไกไม่ได้

ผู้คนไหลเข้าและไหลออก ณ ที่ทำงานของเราอย่างตรงเวลา ดุจดังเป็นข้าทาสของ เครื่องยนต์ กลไกที่หาจิตวิญญาณมิได้ โดยที่ที่ทำงานของเราเก็บรักษา เครื่องยนต์กลไก ที่ว่านี้ไว้อย่างเป็นของสำคัญ

สื่อมวลชนกลายเป็นยักษ์มารที่คอยกินคน ถ้าคุณต้องการมีชีวิตอยู่ในจักรวาลที่ตายแล้ว หรือจักรวาลที่ผู้คนไม่มีความหมาย นั่นก็เป็นทางเลือกของคุณ โดยที่คนส่วนใหญ่ ก็ถูกบังคับ ให้เลือกเช่นนั้น หรือเขาคิดว่าเขาต้องเลือกเช่นนั้น

ในขั้นสุดท้ายแล้ว เขาพากันคิดว่าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเลือกเอาของตาย จนเกิด การไม่ไว้ใจใดๆ ในทุกทิศทาง และผลบั้นปลายของทิศทางนี้ก็คือ เราต้องมีอาวุธนิวเคลียร์ ดังที่เรามีนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ ให้เห็นว่าเราจำเป็นต้องมีศัตรู แล้วจะได้ใช้ทรัพยากร ไปในทางสร้างอาวุธที่ทันสมัยยิ่งๆ ขื้น โดยเราเชื่อกันว่าไม่มีทางเลือกอย่างอื่นอีกเอาเลย

เราเกิดมาเป็นมนุษย์ แม้ทารกก็ต้องการความสัมผัสจากมนุษย์อย่างมีชีวิตจิตใจร่วมกัน หาไม่ทารกก็ต้องตามใจปาก กล่าวคือธรรมชาติของเรานั้นต้องการความนุ่มนวล ไม่ว่า จะทารก หรือคนที่โตแล้ว ก็ต้องการความละเมียดละไมด้วยกันทั้งนั้น แต่แล้ววัฒนธรรม ของเรา หรือระบบของเราที่เรียกว่าระบบทุนนิยมดังที่ปฏิบัติกันอยู่นั้น เน้นที่การแข่งขันกัน โดยไม่ให้มีความร่วมมือกันอย่างแท้จริง กล่าวคือเราใช้วิธีบังคับให้มนุษย์ มีปฏิกิริยา ต่อกันและกัน ดังต่างก็มิใช่เพื่อนมนุษย์ฉะนั้น

เป็นอันว่าเราจบลงด้วยมีคุณค่าน้อยลงไปทุกทีๆ ไม่ได้มีมากขึ้นเอาเลย แม้คุณจะไม่ได้ เป็นเพียงเจ้าของธนาคาร อันดับแรกของชาติ ต่อให้คุณเป็นเจ้าของโลกพิภพนี้ทั้งหมด คุณก็หา ความสุขไม่ได้ เพราะสัมพันธภาพที่คุณมีอยู่ในระบบที่ว่านี้ คุณควบคุมแต่สสาร หรือ วัตถุ โดยมีความรู้สึกนึกคิดที่ตายแล้ว

หาไม่ก็เหมือนแอมเฟตามิน หรือเครื่องกลที่กดให้สมองตื่นเต้นขึ้นได้อย่างปลอมๆ เพราะ อวัยวะทั้งหมด ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการสื่อสารดังกล่าว โดยที่การสื่อสารที่ว่านี้ มีมาจาก แรงกดดัน ภายนอกเท่านั้นเอง

( อ่านต่อฉบับหน้า )

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๐ กันยายน ๒๕๔๗ -