แข่งกันรวย ช่วยสังคมแบบไหน - วิมุตตินันทะ - ไม่นานมานี้ ข้าพเจ้าไปทำธุระของบริษัทขอบคุณที่ถนนรัชดา เจ้าหน้าที่งานทะเบียน หุ้นส่วน บริษัท ประหลาดใจ ที่บริษัทนี้คณะกรรมการตั้ง ๑๙ คน ครับ ก็เยอะหน่อย เพราะพนักงานทุกคน เข้าไปเป็น กรรมการบริหารด้วย ครั้นเจ้าหน้าที่ ตรวจเห็นชื่อ-นามสกุล กรรมการท่านหนึ่ง 'นายร้อยแจ้ง จนดีจริง' เขาถึงกับ หัวเราะขำขัน เหมือนกับ มีอะไรน่าตลกเอามากๆ พร้อมกับแนะนำดีว่า น่าจะเป็น 'จนแท้จริง' ไปเลย...ไม่แน่นะ ต่อไปอาจจะมีคนจนพันธุ์แท้ ขอตั้งนามสกุลนี้ก็ได้ มนุษย์พันธุ์ใหม่พวกบุญนิยม มันไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านอยู่เรื่อย เราไม่ได้หาเรื่อง แกล้งทำพิลึก เล่นๆ เพียงแต่มันเป็นชีวิตจริง ตามวิถีพุทธที่เราอยากมี อยากทำให้ได้ ตามวิสัยพึงใฝ่ฝัน ในขณะที่โลกบ้ารวยตลอดเวลา น้ำมันแพงพุ่งปรู๊ดเป็นบาร์เรลละเกือบ ๕๐ เหรียญ นี่คือฝีมือ พวกปั่นราคา เก็งกำไรทั้งหลาย เขาคงคิดว่าใครจะเป็นใครจะตายเรื่องของเอ็ง พวกกูไม่รู้ไม่ชี้ด้วยดอก ประมาณนั้น ธุรกิจที่ไม่มีศีลธรรมสำนึกดี มันทำให้เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าเช่นนี้แหละ ไม่เว้นแม้กระทั่งรัฐบาลไทยรักไทย ซึ่งนับวันจะเป็นไทยรักทุน หรือไทยรักทาสอะไรไปเลย รึเปล่าหนอ ขอให้เป็นเพียง วิตกฟุ้งซ่านส่วนตัว กลัวเกินเหตุที่ไม่เป็นจริง... โดยเฉพาะนโยบายสำคัญพารวยเป็นบ้ากับหวยบนดิน ๒-๓ ตัว ขายกันเกร่อ เกลื่อนกลาด ตั้งแต่ แผงลอย ข้างถนน จนขึ้นห้างบุกบริษัทไปทั่วไม่ต้องแบ่งชนชั้น ธุรกิจขายอิฐหินดินปูน ไปจนถึงกระทั่ง ห้างทอง ยังไม่วายต้องขายหวยทักษิณ การตลาด หวยเอื้ออาทรนี่ เยี่ยมยอดจริงๆ มันแข่ง แซงหน้าหวยใต้ดินได้สบาย ถึงอย่างไร หวยเถื่อน ใต้ดิน ยังคงอยู่คู่แผ่นดินไทย เรื่องของหวยห่วยบรมสิ้นดี แทนที่รัฐบาลจะมีวิสัยทัศน์ อ่านดัชนีตัวบ่งชี้ให้เห็น ทุกข์ชาวบ้าน ทุกหัวระแหง พวกเขากำลังจนตรอก อยู่ไปวันๆ ฝันแต่วันออกหวย จะช่วยตัวเองหากิน ก็ดิ้นซังกะตาย ไปอย่างนั้นแหละ แม้ไม่เห็นด้วยอย่างไร แต่มัน น่าเห็นใจ คนจนหน้าไหน ก็ยากจะมีปัญญา หากินเป็น เศรษฐี มีระดับกระจอกๆ แค่จะตั้งหาบเร่แผงลอย ยังลำบากจะตาย ถึงไม่แปลก ที่อาหารข้างถนน ยังสนนราคา จานละ ๒๐-๒๕ บาท เกือบเท่าห้าง เพราะมันหาแผงตั้งขาย ได้ลำลาก ยิ่งใครคิด จะเปิดร้านโชวห่วย อย่าฝัน นับวันตายเรียบ ห้างยักษ์กินรวบหมด ไม่รู้เคราะห์ดีจริงรึเปล่า ที่เมืองไทยได้ผู้นำรวยล้นฟ้า ข้าพเจ้ายังจำได้ และรู้สึกชมชื่น ทุกครั้ง เมื่อนึกถึง ความตั้งใจจริงของคุณทักษิณ คราวประกาศหาเสียง ไทยรักไทยใหม่ๆ คุณทักษิณรู้สึกว่า ตนเองรวยพอแล้ว เหลือเฟือ วันๆ จะกินใช้อะไรสักเท่าไหร่ จึงอยากจะทำ เพื่อทดแทนบุญคุณ แผ่นดินบ้าง ใจความคงทำนองนี้แหละ คนไทยทุกคน คงไม่วายชื่นใจทั้งนั้น ที่จะได้เห็นคนรวยล้น แล้วไม่ขี้โลภ หันกลับมาเสียสละได้แล้วบ้าง กาลเวลาเปลี่ยนไป ทำให้คนชื่อทักษิณเปี๊ยนไป๋ถึงไหนไม่ทราบ ที่แน่ๆ เมืองไทยแค่ สามปีกว่า พลิกโฉม ไปเยอะ ทั้งบวกทั้งลบ ด้วยฝีมือเก่งกาจของนายกฯทักษิณ อีกสี่ปีข้างหน้าจะเป็นยังไง หลายอย่าง ที่พาวาดฝัน ฟุ้งไกลไม่ทันไร ต้องปลงอนิจจัง ยิ่งน้ำมันแพงเป็นว่าเล่น เศรษฐกิจจีดีพี. ขยายตัว ร้อยละเท่าไหร่ คงจะได้เห็นทุกข์ ซึ้งสัจธรรมกันบ้างไหม ใต้ฟ้าไม่มีอะไรเที่ยง อีกสี่ปีข้างหน้า นายกฯ ทักษิณอยากเห็นการเมืองนิ่งๆ ท่านจะได้ ต่อสู้กับ ภาวะสงคราม ความยากจนเต็มที่ ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้เลย น้ำนิ่ง ย่อมเน่า น้ำไหลย่อมดี การเมืองนิ่งๆ คือเผด็จการน้ำเน่า อำนาจเด็ดขาด ทำให้คน หลงประมาท ความประมาท เป็นทางแห่งความตาย ใครอยากเป็นอยู่ดี จึงอย่าเสี่ยง ประมาท โดยคำเตือนสุดท้าย แห่งพระปัจฉิมโอวาท ของพระบรมศาสดา การเมืองเป็นเรื่องของคนเมืองต้องมีปากเสียงใช้สิทธิ์รับผิดชอบตรวจสอบดูแล ไม่เหมือน ธุรกิจ บริษัทผูกขาด สัมปทานของ เถ้าแก่เสี่ยใหญ่ ตัวเถ้าแก่แต่ผู้เดียว ที่ชี้นิ้วต้นตาย ปลายเป็น อย่างไรก็ตามใจ ยกเว้นเมียเถ้าแก่ ที่มองข้ามไปไม่ได้เลยอีกคนหนึ่ง ผู้รู้ท่านว่า สังคมต้องมีความขัดแย้งอยู่เสมอ โดยขัดแย้งอันพอเหมาะเป็นสำคัญ กล่าวคือ คนที่มีหัวคิด ของตนเอง ย่อมมีปัญญาใช้สิทธิมนุษยชนแสดงความรู้สึกนึกเห็น ให้เป็น ประโยชน์สร้างสรร ความคิดอ่าน ที่ขัดแย้ง จะช่วยให้เกิดการสังเคราะห์ภูมิปัญญา เกิดข้อเจาะลึก นัยดีชั่วได้เสีย กุศล อกุศล บาปบุญ คุณโทษ ทั้งหลายแหล่ จะได้ประมวล ประเมินบวกลบคูณหารออกมา เป็นผลลัพธ์ ที่ลงตัว เมื่อสามารถรวมหัว เสียงส่วนใหญ่ เห็นชอบระบอบมัชฌิมา เป็นประชามติ ประชาธิปไตย แทนที่จะเป็น ธนาธิปไตย หรือ ทักษิณาธิปไตย อะไรเทือกนั้น ยิ่งภาวะยุคฝ่ายค้านหน่อมแน้ม หรือขวัญหนีดีฝ่อไม่เป็นท่าเสียเลย แม้กระนั้น ธรรมดา กรุงศรีอยุธยา ไม่สิ้นคนดีมีปัญญา ผู้มีวิชาขาจรขาประจำออกมากล้าตำหนิติติง ทักท้วง บ้าง ถือเป็นบุญนักหนา ยิ่งมีราษฎรอาวุโส บรรดาคนรู้ทันทักษิณ ช่วยกันชี้แนะ ล้วน เท่ากับ ชี้ขุมทรัพย์ ตามคำพระว่าไว้ จะได้ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงข้อเสีย อันพาเสื่อม แทนที่จะดิ่งขาลงต่อไป อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกต จากประเด็นเปรียบเทียบโดยหลายท่าน รัฐบาลทักษิณ กำลัง ครองอำนาจ เบ็ดเสร็จ ล้ำหน้า กว่าเผด็จการสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อยู่เท่าใดๆ หรือไม่ ทั้งนี้ เพราะจอมพลสฤษดิ์ อย่างเก่ง ก็สามารถยึด อำนาจของทหาร และการเมืองไว้ที่ตัวเอง คนเดียว ในขณะที่นายกฯทักษิณ ก้าวไปไกลกว่านั้น เพราะสามารถรวบอำนาจทางธุรกิจ เข้ากับงานการเมือง ได้อีกต่างหาก นับเป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ ที่ไม่เคยมีมาก่อน เดิมทีนักการเมืองกับพ่อค้า ต่างเป็นดุลถ่วงต่อกัน ต้องเกรง ถ้อยทีน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ครั้นถึงยุคทักษิณ ใครขืนไม่ซบไทยรักไทย ถึงไม่ตาย ก็เลี้ยงไม่โต น่ากลัว จะเป็นอย่างนั้น บ้างไหม เพราะฉะนั้น จุดแข็งของท่านทักษิณที่ผูกขาดอำนาจเด็ดขาด ทั้งการเมืองด้านบริหาร รัฐบาล และรัฐสภา (งวดหน้า ไทยรักไทยตั้งเป้า ๔๐๐ เสียง) พร้อมพรั่งด้วยอิทธิพล ทางธุรกิจยิ่งใหญ่ จุดแข็งแกร่ง ทางอำนาจ คับฟ้าเหล่านี้ ยิ่งทำให้การเมืองแน่นิ่งเท่าไหร่ ตามที่ใครสุดยอดปรารถนานั้น ในขณะเดียวกัน มันอาจจะเป็น จุดอ่อนแอเปราะบาง แตกหักได้ง่ายสุด เนื่องจากการคิดไวทำไว โดยขาดตัว ช่วยกลั่นกรอง ให้รอบคอบลึกซึ้ง คงไม่มีใครทำอะไรได้ถูกดีไปเสียหมด ทำไปทำมา มันย่อมเสี่ยง ประมาทพลาดท่า ได้มาก ทีเดียว ด้วยเหตุนี้ ผลร่ำรวยเรื่องอำนาจทั้งธุรกิจและการเมือง เหมือนจะช่วยให้ไทยรักไทย ทำอะไรๆ ได้ดังใจ อย่างที่ไม่มีใคร ทำมาได้ก่อน แต่หลายสิ่งออกจะทำเลยเถิด ดังที่ หลายๆ คนอดเป็นห่วง จนทนดูอยู่เฉยๆ ไม่ไหว แม้กระทั่ง ผู้มีประสบการณ์การเมือง อย่างท่านมหาจำลอง ยังอดไม่ได้ ที่ต้องสะท้อน กระแสต้าน ให้ฟังบ้าง ในช่วงจังหวะ หาเสียง หนุนคนสมัครผู้ว่า กทม.ที่ท่านไว้วางใจ อย่างไรก็ตาม หวังว่าเสียง ทักท้วง วิจารณ์วิจัย คงจะปรากฏต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชน ได้ศึกษารู้เท่าทันรัฐบาล ตามวิถี ประชาธิปไตย รวมความแล้ว แม้เราจะได้ตัวอย่างคนรวยล้นสำเร็จชั่วข้ามคืน เป็นหมื่นแสนล้าน แต่วิสัย เราท่าน จนๆ ทั้งหลาย อีกร้อยพันชาติ คงไม่มีวันเก่งโกยได้ อย่างท่านทักษิณเป็นแน่ เมืองไทยจะมี อภิมหาเศรษฐี อย่างนายกฯ ทักษิณไว้สักคน คงไม่ประหลาดเกินไปนักดอก ทั้งคงจะไม่เป็นปัญหาใหญ่หลวง อะไรนักหนา ถ้าท่านมั่นคงในความรู้จักพอ ดังที่เคย ตั้งใจไว้ เราหยุดรวยนิ่งๆ แล้ว อย่างไรก็ดี คิดใหม่ทำใหม่ จะเป็นเหมือนแค่คิดได้ ทำจริงไม่ง่ายดังฝันอย่างนั้นหรือไม่ ในเมื่อต้องรัก ครอบครัว เอื้อเฟื้อเครือญาติพี่น้อง พวกพ้องบริวารอีกเท่าไหร่ไม่รู้ คงขี้โลภ น่าดู ลำพังส่วนตัว จะให้พอเพียง แค่ไหน คงไม่ยากนักกระมัง เมื่อต้องเอื้ออาทรโอบอุ้มทั้งครอบครัวเครือญาติ ทั้งเครือข่ายธุรกิจ มันจึงน่าหนักใจแทน ไม่น้อย เฉพาะอย่างยิ่ง ฐานะผู้นำ จะต้องรับใช้เสียสละเพื่อแผ่นดิน เมื่อทำการเมืองเรื่องของสาธารณะและประชาชน ผลประโยชน์ส่วนตนส่วนรวม ย่อมขัดแย้ง กันอย่างแรง ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนทางธุรกิจ จะกลายเป็นประเด็น อุปสรรคสำคัญ ขัดขวาง ไม่ให้คนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ไปถึงดวงดาวได้ดังฝัน ประมาณนั้น หรือเปล่า สรุปแล้วงานการเมืองเพื่อสังคมทุกระดับ หากได้คนรวยล้นไม่รู้จบมาร่วมมือทำงาน รวยส่วนตัว ไม่พอ ต้องต่อขยาย ถึงครอบครัวพี่น้องเครือข่ายกว้างไกลอีกบานเบิก สังคมส่วนรวม กว่าจะรวยขึ้นมาบ้าง คงต้องรอ คิดสุดท้าย ในทางตรงกันข้าม ถ้าได้คนไม่อยากรวย เพราะรวยเกินพอแล้วหรือยิ่งได้คนกล้าจน มากเท่าไหร่ น่าจะยิ่งทำประโยชน์ เพื่อส่วนรวมได้เต็มๆ และบริสุทธิ์แท้จริง อนึ่ง เมื่อพูดถึงความจน คนทั้งหลายกลัวนักกลัวหนา อาจคิดว่าไม่บ้าก็เมา เพียงได้ยินว่า มีนามสกุล จนดีจริง มันจึงชวนขำกลิ้ง หัวร่องอหายเสียมากกว่า แท้จริงแล้ว ถ้าจนเพราะ จนตรอก หมดท่าไม่มีจะกิน มันก็น่าสมเพช แต่จนแบบมีท่า เพราะกล้าเสียสละ มากกว่า กล้าได้เปรียบ หรือกล้าให้มากกว่ากล้าเอา ใจถึงแบบนี้ มันต้องจนลงแน่นอน ครับ คงต้องเลือกเอา จะรวยอย่างคน หรือจนอย่างพระ กว่าใครจะซาบซึ้งว่า จนแท้จริงนั้นวิเศษปานใด คงต้องศึกษาตัดกิเลส จนหมดเนื้อ หมดตัวโลภ ไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ ตัวอย่างมหาเศรษฐีทักษิณ ผู้รวยล้นลาภยศ สรรเสริญ สุข นับเป็นกรณีศึกษา ที่หาได้ยากยิ่ง แม้ไม่ได้คิดว่า จะเป็นคนรู้ทันทักษิณอะไรลึกซึ้ง แต่คนไทย ย่อมควรรู้ชัดนายกฯของเรา ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน เพียงลองคิด จะรวย เศษเล็กๆ ยังเก๊กซิมซี่ - เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๐ กันยายน ๒๕๔๗ - |