ใครคือชาวพุทธไทยร่วมสมัย (ตอน๘)
* ส.ศิวรักษ์
* มุทิตาสักการะในโอกาสที่พระราชมงคลวุฒาจารย์
มีชนมายุครบ ๗ รอบนักษัตร ๑๐ มกราคม ๒๕๔๕


คำว่าความสำเร็จ ตามมาตรฐานของสหรัฐนั้น ได้มาด้วยการสูญเสียความเป็นตัวเราอย่างแท้จริง เพราะปราศจากความรู้สึก ในทางส่วนตัวเอาเลย เพราะมัวแต่คำนึงกันว่า เธอได้น้อยเกินไป เธอควร จะได้มากกว่านี้ ดูคนส่วนใหญ่จะติดยึดอยู่กับวัตถุที่ตายแล้วพวกนี้แหละให้เป็นแกนอันสำคัญ โดยที่ นิสัยสันดานของพวกเขา ก็น้อมนำไปในทางความยิ่งใหญ่ เหมือนเรือเอี้ยมจุ๊นยิ่งๆ ขึ้นทุกที จึงไม่น่า แปลกใจ อะไรเลย ที่คนพวกนี้ มักเป็นโรคกระหาย หาไม่ก็ขาดเอกลักษณ์ของตัวเอง อย่างเก่งก็เล่นคำ ให้คมๆ กันเท่านั้นเอง อย่างปราศจากเนื้อหาสาระ ที่ลึกซึ้งโดยสิ้นเชิง

ความข้อนี้พระเยซูคริสต์ทรงสังเกตเห็นมานานแล้ว วิตแมนในอเมริกาก็เช่นกัน ทั้งหมดที่ว่ามานี้ คือ การสูญเสียที่แท้จริง

ฉะนั้น ยาเสพติดจึงต้องเข้ามาหาพวกเรา ในช่วงแห่งประวัติศาสตร์อันเหมาะสม ยาบ้าเข้ามาตัด มายากล ของสรรพสิ่ง ที่ตายแล้ว จนเป็นการรับรู้ถึง แต่ละบุคคลอย่างปราศจากจิตสำนึกที่แท้ ที่ไม่มีความรู้สึก หรือสติสัมปชัญญะ ที่ตื่นขึ้นอย่างปลอมๆ ในชั่วขณะหนึ่งๆ โดยที่ยาบ้า ช่วยให้เกิด ภาพลักษณ์ ในจักรวาลขึ้นในห้วงแห่งสำนึก ทั้งนี้เพราะเราถูกตัดขา ดออกจากการรับรู้ โดยองค์รวม ของ อวัยวะทั้งหมด มานานแล้ว ดังที่คนซึ่งถูกสะกดให้อยู่ในจักรวาลที่ตายแล้ว มาจนตลอดชีวิต แล้วได้รับการปลุกให้ตื่นขึ้น และมาได้เห็นจักรวาลทั้งหมด รวมทั้งตัวเขาเอง โดยฤทธิ์ ยาบ้า ทั้งนี้ ย่อมช่วยให้สมองปั่นป่วนแน่ ที่เริ่มรับรู้ว่า ชีวิตเราทั้งหมด หมดไปกับจักรวาล อันหลงผิดนี้ โดยที่คน แทบทั้งหมด ก็อยู่ในสภาวะเช่นนี้

บัดนี้เป็นยุคสมัยของจรวด มีทั้งประชากรที่ล้นโลก มีการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์อย่าง เป็นระบบ ไปทั่วโลก โดยที่โลกเรา ก็กำลังถูกขู่ ให้ถึงกับความพินาศ ด้วยลูกระเบิด ที่ร้ายแรงยิ่ง และแต่ละ ประชาชาติก็เพิ่มการเป็นศัตรู ต่อกันและกันยิ่งขึ้น อย่างหาเหตุผลไม่ได้ แล้วเราจะหาชั่วขณะใดได้เล่า ที่จะลงจากยานอวกาศอันได้แก่โลกพิภพของเรานี้ เพื่อแสวงหา เคมีวิทยาอย่างใหม่ ที่ช่วยให้จิตสำนึก ของเราเปลี่ยนไป และให้เรารับรู้ถึง สภาพความทุกข์ ที่เราเผชิญอยู่

สำหรับผู้เฒ่า ที่จำต้องมาคิดถึงเรื่องเช่นนี้ นับว่าเป็นการแปลกประหลาดมาก โดยที่บทเรียนจาก ประวัติศาสตร์ ก็ยิ่งทำให้เราเร่งร้อน ในการรับรู้ยิ่งๆ ขึ้น ดังที่เทคโนโลยี ก็เร่งเร้าเรายิ่งๆ ขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเราต้องถามว่า เราจะย้อนกลับไปสู่อดีต ได้ล่ะหรือ เราจะเป่าเอาอ้ายที่แสดง สถานภาพอยู่ ในเวลานี้ ให้หายไปได้อย่างไร หรือเราจะลดความกลัว ให้เห็นว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป ดังความฝัน แล้วเราจะได้คอย แสวงหา และช่วยเหลือ เกื้อกูลกันและกัน ถ้าเราเดินไปได้ตามแนวนี้ เราก็คงได้รับ ความปลอดภัย ดังที่ไอน์สไตน์และพวก ที่ถือพุทธเข้าใจ ความข้อนี้ อย่างลับๆ มานานนักแล้ว กล่าวคือ สภาพอันน่าสะพรึงกลัว ในโลกของเรานี้ แท้ที่จริงก็ไม่มีภยันตราย อันใดมาก หากเป็นเพียง คลื่นของมายากล เท่านั้นเอง แต่ที่เราจะรับความข้อนี้ได้ คงไม่ยาก ถึงกระนั้นการรับความข้อนี้ ก็ดีกว่าที่จะปล่อยให้พวกเรา กลายเป็นบ้าไป จนเห็นมาร อย่างสับสน ในทุกๆ มุม ดังที่ยุคสมัยจรวด ของอเมริกัน สะกดให้เราพากัน ตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น

อัลเลน กินสเบิร์กเขียนความข้อนี้ลงใน Wall Street Journal อันเป็นนิตยสารทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ของสหรัฐแต่ปี ค.ศ. ๑๙๖๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙ ปีที่ข้าพเจ้ามีลูก เป็นคนแรก) และแล้วภายหลัง เขาไปพบ ท่านตรุงปะรินโปเจ ซึ่งตั้งมหาวิทยาลัยพุทธขึ้น เป็นแห่งแรก ในสหรัฐเมื่อปี ๑๙๗๔ (พ.ศ. ๒๕๑๗) เขาก็กลายเป็นพุทธศาสนิกไป จนได้อุทิศตนให้แก่ มหาวิทยาลัยพุทธแห่งนั้น (Naropa University) ด้วยการไปสอนวิชา วรรณคดี และวิธีเขียน กวีนิพนธ์ทุกๆ ปี จนในที่สุด เขาได้หาทุนสร้างหอสมุด ให้มหาวิทยาลัยนาโรปะ จนมีชื่อว่าหอสมุดกินสเบิร์ก อยู่ในบัดนี้ (โดยที่ทั้งเขา และท่านตรุงปะ สิ้นชีวิต ไปแล้วทั้งคู่)

(อ่านต่อฉบับหน้า)


สิ่งที่เราต้องการนั้น
มันไม่ใหญ่โตอัครฐานอะไรดอก
ง่ายๆ ถูกๆ ขยันๆ รู้จักพอดี
มีความซื่อสัตย์ มีเมตตา
เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นเสมอๆ
ชีวิตเหมือนดอกหญ้า
แต่มันใหญ่ยิ่ง เป็นมหาพลังเย็น
โอบอุ้มโลก

จากหนังสือ "โศลกธรรม"
*** พ่อท่าน สมณะโพธิรักษ์ เม.ย.-พ.ค.๔๒

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๑ ตุลาคม ๒๕๔๗ -