- สมพงษ์ ฟังเจริญจิตต์ -


อธิบายศีลข้อ ๔ ในลักษณะ ๓ มิติ

ในบรรดาศีลด้วยกัน ที่ผิดประจำต้องยกให้ "ศีลข้อ ๔" อยู่กันเป็นหมู่เป็นกลุ่ม เรื่องปากจึงเป็นเรื่อง พลาดพลั้งง่ายที่สุด พระท่านถึงบอกคิด ๑๐ แต่พูดแค่ ๓ ชีวิตย่อมปลอดภัย พูดมากก็เสียมาก พูดน้อยก็เสียน้อย แต่ถ้าไม่พูดเลย แสดงว่าโง่ที่สุด!

ถือศีลไม่เข้าถึงผลถึงแก่นก็เพราะสักแต่ถือ เรียกว่า "ศีลัพพตปรามาส"

ถือศีลต้องรู้เป้าหมาย ภาษากฎหมายคือต้องรู้ "เจตนารมณ์"

สุภาษิตโบราณสอนไว้ "ปากเป็นเอก เลขเป็นโท"

ศีลข้อ ๔ ไปออฟฟิศไหน ที่นั่นก็สงบ มีแต่สมานฉันท์ สามัคคี ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง

เรียนหนังสือยังต้องขึ้นชั้น การถือศีลจำต้องก้าวหน้าจาก ซี ๑ ไป ซี ๒ ไป ซี ๓ ไป ซี ๔ ....

มุสาวาทาเวรมณี จึงไม่ใช่แค่ "ไม่โกหก" แต่ยังขยายออกไปอีก ๗ มิติ

มองคนในแง่ดี ต้องสันนิษฐานไว้ก่อน คนผิดศีลเพราะ "ไม่รู้" ( โมหะ )

ไม่รู้แล้วทำ ถือเป็นเลวระดับตื้น แต่...รู้ แล้วยังทำ นับเป็น เลวระดับสูง!

มิติที่ ๑ "โกหก" เป็นความตั้งใจที่จะบิดเบือนเพื่อผลประโยชน์ ของตัวเอง หรือ พวกพ้องวงศาคณาญาติ

การยกพวกไปถล่มบ้านขายยาบ้า แต่กลับกลายเป็นไม่ใช่ แบบนี้แสดงว่า มีคนให้ข้อมูลโกหก!

คุณธรรมระดับนี้ วิธีหลีกเลี่ยง อาจใช้หุบปาก แทน

"เขาว่าท่าน ร.ม.ต. ได้ผลประโยชน์จากการเซ็นสัญญา ?"

"ไม่ตอบครับ" แบบนี้ยังไม่เรียกมุสา !

มิติที่ ๒ "คำหยาบ" ใช้คำ กู ๆ มึง ๆ พูดคำสบถ ล้วนเป็นคำหยาบ

ข้อปฏิบัติเรื่องนี้ ทำง่าย คิดเสียว่า ถ้าคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ ควรจะพูดอย่างไรก็นั่นแหละ

มิติที่ ๓
"เพ้อเจ้อ ไร้สาระ" หมายถึงการพูดที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับคนฟัง

-บางคน พูดแต่เรื่องตัวเอง

-บางคน พูดแต่เรื่องชาวบ้าน

-บางคน คิดอะไรได้ก็คุยไปเรื่อย

พูดแล้วได้ประโยชน์อะไร ? "ที่พูดไปนี่ มีเจตนาอย่างไร ? การตั้งคำถามกับตัวเองจะทำให้ความผิดพลาดของชีวิตลดลง

พูดเอามัน พูดเอาสนุก ก็ยังเพ้อเจ้อ

ความเพ้อเจ้อที่ขาดการควบคุม จะทำมนุษย์ช่างพูดคนนั้น กลายพันธุ์เป็นปากหมา ปากส้วม ปากเหว...ฯลฯ สารพัด

มิติที่ ๔ "ประชด" พฤติกรรม ประชด เหมือนรู้ ๆ กันอยู่ แต่ พอให้แยกแยะกลับมิใช่ของง่าย

คนบางคน มี "ประชด" อยู่ในสายพันธุ์ โดยไม่รู้ตัว คนประเภทนี้ อย่าส่งไปเป็นทูต หรือ เจรจากับใคร เพราะเขาแปร "โอกาส" ให้เป็น "วิกฤติ!"

สิ่งที่พูด ที่ดูเหมือนดี แต่ความจริงแล้วเจ้าตัวไม่ได้เห็นด้วยสักหน่อย

-คุณเลิศ เขารวยมากเลย เป็นมือขายชั้นยอด นี่ถ้าขายลูกเมียได้คงขายล่ะซิ!

-ยินดีด้วยครับที่ได้เป็น ส.ส. เชื่อว่าคงไม่ได้ชื้อเสียงสักเสียงเลยนะครับ

-ผมจะเปิดเวที คนที่อยากด่ารัฐบาล ให้มารวมกัน ชื่อ เวทีรวมพลคนอยากด่า!

มิติที่ ๕ "ส่อเสียด" ยังถือเป็นคำศัพท์ที่อธิบายยาก และแยกแยะแตกต่างระหว่าง ส่อเสียดกับประชด ก็ไม่ง่าย

ประชดนั้น วจี ก็ได้ การกระทำก็เป็น เช่น ทำเสียงโครมคราม วางแก้วน้ำ เสียงดัง

ส่วน "ส่อเสียด" เป็น เรื่องของคำพูดโดยเฉพาะ คำนิยาม ก็คือ การพูดที่ผู้พูดไม่ได้ชื่นชมในเนื้อหา แต่มีนัยซ่อนแฝง ประเภท วาระซ่อนเร้น โอกาสทะเลาะกัน หรือถือสากันเป็นไปได้สูง

-เก่งจังเลย...

-อุ๊ยหล่อจังเลย...

-รวยจังเลย...

พูดแล้วใจตัวเองก็ไม่ได้ชื่นชมกลับหมั่นไส้ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะเข้าข่าย "ส่อเสียด" หรือ "เสียดสี"

-ยินดีด้วยนะ...

ปากกับใจไม่ตรงกัน นั่นแหละ "ส่อเสียด"คนบางคนมีสัจจะ ไม่อยากโกหก สู้นิ่ง วางเฉยยังจะสวยกว่า

มิติที่ ๖ "ยุแหย่" สิ่งที่พูดออกไป เกิดผลให้ผู้อื่นมีอคติกับบุคคลที่กล่าวถึง หรือบุคคลที่ ๑ กับ ๒ คุยกัน แล้วบุคคลที่ ๒ นำไปเล่าให้บุคคลที่ ๓ ฟัง บุคคลที่ ๓ เกิดความรู้สึกไม่ชอบบุคคลที่ ๑ นี่ก็เรียกว่า "ยุแหย่"

"สื่อมวลชน" นับเป็นตัวการที่มีประสิทธิภาพระดับเกียรตินิยมเหรียญทอง!

คำความที่เล่า มีโอกาสไม่สมบูรณ์มากเหลือเกิน

บางทีคนเล่าไม่ครบ สื่อความหมายไม่หมด

บางทีคนฟัง เก็บไม่หมด เข้าใจไม่ชัด

เมื่อเป็นเช่นนี้ ความจริงก็จะถูกบิดเบือนไกลฝั่งออกไปทุกที

คดีเรื่องนี้แม้ไม่เจตนาก็มีโอกาสผิดพลาดสูงนัก

มิติที่ ๗ "ลามก" ถือเป็นความหยาบคาย ของหยาบคาย เป็นซือแป๋ของความหยาบคายก็ว่าได้

คำลามก ถือเป็นการไม่ให้เกียรติคนฟัง

แค่ทำเขาเปื้อน ฟังเขาต้องเสียเวลา เรายังไม่สบายใจ นี่ยิ่งกว่าสาดน้ำสกปรกเสียอีก

หน้าเปื้อนยิ้ม ยังน่ารัก แต่หน้าเบื้อนอวัยวะเพศ หญิง ชาย เบื้อนด้วยพฤติกรรมสมสู่ นี่แหละยอดสกปรก

ยิ่งพูดก็ยิ่งให้ผิดศีลข้อ ๓ ตามไปด้วย

ความสุขจากการพูดลามก พระท่านกล่าวเตือนเป็นความสุขที่อุบาทว์!

อ่านศีลข้อ ๔ มีตั้ง ๖ มิติ มิใช่ยากเย็นแต่อยู่ที่การฝึกฝน

การมองคนในแง่ดี

การมองอุปสรรคไม่ใช่เรื่องใหญ่...No problem

การฝึกไม่โกรธ

การควบคุมตัวเอง คิดก่อนพูดทุกครั้ง จะค่อย ๆ ฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้น

กระทะทองแดง ถ้ามีจริง กระทะที่เกิดจากผิดศีลข้อ ๔ มีเยอะที่สุด

กว่าจะใช้หนี้กรรมหมด เพื่อไปกระทะทองแดงใบอื่นๆ อาจจะรอจนโลกแตกเลยก็เป็นไปได้!

แต่ที่แน่ๆ วิบากในชาตินี้ ก็คือ จะมีหลากหลายอาการ ไม่อาการใด ก็อาการหนึ่งดังนี้ ๑ ปากเหม็น ๒ พูดจาไม่ชัด ๓ เสียงไม่เพราะ ๔ คนไม่เชื่อฟัง ไม่เคารพ

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๓ ธันวาคม ๒๕๔๗ -