42
เรื่องสั้น - สมบัติ ตั้งก่อเกียรติ - เสียงโทรศัพท์ในห้องพักดังขึ้นตอนเช้ามืด เหมือนนาฬิกาปลุกให้ฉันตื่นนอนกะทันหัน ทันทีที่ยกหู โทรศัพท์ ขึ้นฟังเสียงร้อนรนกรอกเข้ารูหู "เดือนเหรอ! แม่พูดนะ ช่วยแม่ด้วย แม่จะตายอยู่แล้ว ดาวมันฆ่าตัวตาย" ฉันฟังเรื่องร้ายแรง จบประโยค ความง่วงเหงา หาวนอนหายเป็นปลิดทิ้ง น้ำเสียงแม่ของดาวซึ่งฉันรักเคารพดุจแม่อีกคนหนึ่ง ร้องไห้ อย่างน่าสงสาร "มาหาแม่ที่บ้านด่วน แม่จะเป็นลม" ฉันรีบแต่งตัวปอนๆ ไม่ถึง ๒๐ นาที รถเก๋งสีน้ำเงินเก่าๆ จากหอพักก็ถึงบ้านที่เกิดเหตุ ครู่หนึ่ง ฉันเข้าไป ในห้องของดาว ยืนตรงหน้าศพอดีตเพื่อนรักที่นอนเหยียดยาวบนเตียง น้ำลายฟูมปาก ลืมตาโพลง ผิวพรรณออกสีเหลือง บอกให้รู้ว่าวิญญาณออกจากร่างนานหลายชั่วโมง แม่ของดาวนั่งข้างๆ ศพ คร่ำครวญไม่สร่าง มันเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกหดหู่เกินบรรยาย ภูมิหลังของครอบครัวนี้มีเพียง ๒ แม่ลูก ส่วนพ่อนั้น แม่ของดาวเคยเล่าให้ฟังว่า เป็นชาวกรุงเทพฯ มาเที่ยวงานสงกรานต์ที่จังหวัดเชียงใหม่ ถูกชะตาและต้องใจกันได้สัปดาห์หนึ่งก็จากไปถึงบัดนี้ ๒๓ ปี ที่ผ่านมา มันเป็นรักอุบัติเหตุ ดาวจึงเป็นลูกไม่มีพ่อ แม้แต่แม่ของดาวเองก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อบังเกิดเกล้า "ดาวนะดาว ไม่น่าคิดสั้น แม่จะอยู่ไปเพื่อใครกัน ความหวังพังทลายหมด แม่ไม่รู้เรื่องเลยว่า น้อยใจแม่ เรื่องอะไร แม่เป็นแม่และพ่อ เลี้ยงดูดาวอย่างดี ทำไมทำร้ายจิตใจแม่ถึงปานนี้" ฉันฟังแล้ว น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม เพราะรู้ดีสามารถอธิบายเรื่องการตัดสินใจในครั้งนี้ได้ว่า มาจากสาเหตุใด จากอดีตถึงปัจจุบัน สังคมในความเป็นจริงให้ความหมายและความสำคัญแก่ผู้ชาย ให้มีโอกาสกดขี่ ข่มเหง ผู้หญิง จนกลายเป็นวิถีชีวิตประจำวัน ความแตกต่างในคุณค่าระหว่างกันไม่ต้องพูดถึง เปลืองน้ำลายเปล่าๆ คุณธรรมเป็นเพียงน้ำหวานเคลือบขนมเพื่อให้ดูสวยงามเท่านั้นเอง....ตัวต้นเหตุมาจากผู้ชาย เห็นแก่ตัวชื่อ "ยูร ใจสัญจรแก้ว" ที่นรกส่งมาเกิด ฉันพอมีสติ เดินไปประคองร่างแม่ของดาวลุกขึ้นมา กอดไว้ "แม่ใจเย็นๆ ทำใจดีๆ เราต้องจัดการเรื่องศพก่อน" ตำรวจชันสูตรพลิกศพ ลงบันทึกประจำวัน แล้ว ส่งศพไปโรงพยาบาลให้แพทย์ตรวจยืนยันอีกครั้ง และ ฝ่ายญาติ ยอมรับสภาพเป็นการฆ่าตัวตายจริง กว่าจะเสร็จเรื่องทั้งหมด เวลาล่วงเลยถึงบ่ายแก่ๆ ฉันแอบเอายานอนหลับชนิดอ่อนๆ ผสมกับน้ำนม ให้แม่ของดาวดื่มจนหลับสนิท เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อน แม้วันนี้ทั้งวัน ข้าวไม่ตกถึง กระเพาะฉัน แต่ไม่รู้สึกหิว ด้วยความคุ้นเคย ฉันเข้า ไปในห้องนอนของดาวอีกครั้ง บนโต๊ะเขียนหนังสือ มีหนังสือวางอยู่ ๔ - ๕ เล่ม และแจกันมีดอกกุหลาบ สีชมพูน้อยๆ ที่เหี่ยวแห้งหลายดอกเสียบอยู่ ข้างแจกัน มีตัวอักษรเขียน เป็นบทกวีว่า
"แฮปปี้วาเลนไทน์" ฉันชักลิ้นชักโต๊ะ หยิบสมุดบันทึกส่วนตัวเล่มเล็ก ปกลายดอกกุหลาบสีชมพูหุ้มพลาสติกอย่างดี เปิด ทีละหน้าอย่างช้าๆ ลายมือที่เขียนตัวหนังสือเป็นระเบียบสวยงามดีมาก ฉันค่อยๆ อ่าน ครุ่นคิดตาม เขียนเป็นบทกวีและระบายความรู้สึกในใจ บ้างแฝงปรัชญาน่าคิดของแต่ละบทว่า หน้าที่ ๑ สายลมเหนือเหน็บหนาวสั่นเทานัก
สื่อแห่งรักภักดีจึงมีให้ หน้าที่ ๒ ธนูแห่งหัวใจได้แผลงศร คล้ายเป็นพรจุมพิตปริศนา หน้าที่ ๓ ไฟความหวังครั้งใหม่ได้โชติช่วง
หน้าที่ ๔ ไฟนั้นร้อนเท่าใดใครก็รู้
หน้าที่ ๕ หน้าที่ ๖ หน้าที่ ๗ หน้าที่ ๘ หน้าที่ ๙ หน้าที่ ๑๐ หน้าที่ ๑๑ หน้าที่ ๑๒ หน้าที่ ๑๓ อ่านถึงตรงนี้ หัวใจฉันหายวาบและกระจ่างขึ้นมาทันที นี่คือสาเหตุที่แท้จริง น้ำตาแห่งความสงสาร เห็นใจ เอ่อไหลจากนัยน์ตาชนิดไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน เรื่องราวระหว่าง "ดาว เครือฟ้างาม" เด็กสาว จากลุ่มน้ำแม่ปิง กับ "ยูร ใจสัญจรแก้ว" ชายหนุ่มจาก ลุ่มน้ำ เจ้าพระยานั้น มันผิดสังเกตตั้งแต่ฉันรู้จักเขาครั้งแรกในวันหนึ่ง โดยฉันนัดดาวกินข้าว ที่สวนอาหาร แห่งหนึ่ง ดาวพายูรมาแนะนำให้รู้จัก "เดือน นี่ไงพี่ยูรที่ฉันพูดให้ฟังอยู่บ่อยๆ พี่ยูรคะ นี่เดือนเพื่อนรักมากที่สุดของดาวค่ะ" ดาวแนะนำด้วยใบหน้าระรื่น สดใส แล้วเกาะแขนซ้ายยูรไว้อย่างมีความสุข ฉันยกมือไหว้ตามมารยาท "สวัสดีครับคุณเดือน" พลางค้อมศีรษะเล็กน้อยอย่างสุภาพ ท่าทางเป็นหนุ่มเจนสังคม เพียงครั้งเดียว ที่เราสนทนากัน ทำให้ฉันรับรู้ด้วยญาณ เป็นห่วงเป็นใยดาวมาโดยตลอด เพราะยูร เป็นหนุ่ม สังคมไฮโซ แถมเป็นนักเขียนมีชื่อเสียง ฐานะดี มักมีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เสมอๆ เกี่ยวกับ ความเจ้าชู้ ควงสาวไม่ซ้ำหน้า มันทำให้ฉันรังเกียจ ในขณะที่ดาวเป็นผู้หญิงอ่อนสังคม ทะเยอทะยาน กระหายแต่จะได้จนขาดสำนึก ซึ่งฉันเชื่อว่า ใครก็ตามกระหายแต่จะได้จนขาดสำนึกในคุณธรรม และสามารถกระทำผิดทุกประการได้ นั่นคือ หนทางนำไปสู่หายนะ สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ความปรารถนา ที่จะดำรงชีวิตของตนเอง ถ้าดาวยังมีพฤติกรรมแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง สุภาษิตจีนที่ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้าคงใช้ได้อยู่ ดาวไม่ทันเกมชีวิตของ ยูรอย่างแน่นอน หลายครั้งที่ฉันทราบข่าวจากหลายกระแสว่า ยูรควงกับสาวสังคมไฮโซหลายคน ก็จะโทรศัพท์บอกดาว จับตาดูให้ดี คำตอบที่ได้รับ มันทำให้ฉันหน้าเจื่อนทุกครั้ง "ฉันพูดกับพี่ยูรแล้ว แต่พี่ยูรบอกว่า นักข่าวที่เขียนข่าวสังคมนั้น เขียนเพื่อรีดไถเงิน ซึ่งฉันก็เคย ได้ยินข่าว ทำนองนี้เหมือนกัน ขอบใจที่เป็นห่วงฉัน ส่วนพี่ยูร.....เดือนสบายใจได้ พี่ยูรก็มีปากกา ที่สำคัญพี่ยูร สัญญากับฉันว่าเราจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้" วันหนึ่ง ฉันไปร่วมงานแต่งของหัวหน้าสายงาน ระดับกลาง ก่อนที่ดาวจะคิดสั้นประมาณ เดือน สองเดือน ฉันแต่งตัวสวยเป็นพิเศษประเภทสาวโสด เพื่อนหลายคนหยอกเย้าว่า "สวยเริ่ด เกือบจำไม่ได้ สวยกว่า เจ้าสาวด้วยซ้ำ" ขณะฉันสนุกปากกับพรรคพวก ฉันเห็นยูรควงสาวสวยเข้ามาในงานด้วย ฉันจำเขาได้แม่นยำ แต่เขาคง จำฉันไม่ได้กระมัง เจ้าบ่าวเชิญทั้งคู่นั่งที่โต๊ะข้างๆ โต๊ะฉัน "คุณสมศักดิ์ นี่คุณจุรีรัตน์ ม่วงแสนสุข คนรู้ใจผม วาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ เธอจะเปลี่ยนนามสกุลเป็น ใจสัญจรแก้วครับ" ยูรแนะนำสาวสวยให้เจ้าบ่าวรู้จัก "เห็นตัวจริงซะที ได้ฟังแต่ข่าวมาตั้งนาน" คุณสมศักดิ์กระเซ้าให้บรรยากาศแช่มชื่น "ตัวจริงสวยกว่าในรูปที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ใช่ไหมครับ" ยูรหยอกเอินด้วยความรักใคร่ "คุณจุรีรัตน์โชคดีมากนะครับที่จะแต่งงานกับ คุณยูร เพราะคุณยูรเกิดในครอบครัวร่ำรวย เป็นนักเขียน หนุ่มสังคม มีชื่อเสียงคับฟ้าเมืองไทย" "ผมเชื่อโชควาสนาครับ คนเราเกิดมาไม่เท่าเทียมกันดอก โดยเฉพาะผม ไม่มีทางเลือกเดิน นอกจาก ยอมรับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าจัดส่งมาให้" "ผมฟังแล้วทึ่งครับ คุณยูรเป็นคนง่ายๆ แต่ลึกซึ้งมากนะครับ" "อาจเป็นเพราะว่าผมอยู่ในสังคมชั้นสูงนานเกินไปและยอมรับเงื่อนไขของสังคมไปโดยปริยายก็ได้ จึงทำให้คิดแบบนี้" สมองฉันมันตึ๊บ หูอื้อ ตาพร่า เหมือนมีใครเอาท่อนเหล็กตีศีรษะอย่างแรง ความโกรธพลุ่งพล่าน ถึงขีดสุด ถ้าดาวมาได้ยิน ดาวคงเสียใจตายแน่แท้ หรือว่าสังคมต่างหากควรเป็นผู้ตอบคำถามนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงต้อง ดิ้นรนหาคำตอบเอง ยิ่งผู้หญิงอย่างดาว ทำเพื่อความอยู่รอดให้สังคมเชิดหน้าชูตา ยอมได้ทั้งนั้น หรือว่า เราคิดมากไปเองก็ไม่รู้ แส่เรื่องชาวบ้านโดยไม่จำเป็น ฉันนอนคิดถึงเรื่องนี้อยู่หลายคืน อันเรื่องของความรัก เคยเห็นแต่ผู้หญิงโกหกและแก้ตัวเก่งที่สุด เพิ่งจะเห็น ผู้ชายคนนี้แหละที่สับปลับที่สุด จึงโทรไปหาดาว "พักนี้ เจอยูรบ้างไหม " "ไม่ค่อยได้เจอกัน เห็นเขาบอกว่างานยุ่งมาก ต้องไปต่างจังหวัดบ่อยๆ ฉันก็คิดถึงพี่ยูรเสมอนะ" "ที่พูดมา ดาวแน่ใจเหรอ" "แน่ใจสิ เป็นคนรักกันต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน ไม่งั้นทะเลาะกันตาย เรื่องไม่เป็นเรื่องจะเป็นเรื่องทันที เนี่ยนะ พี่ยูรกลับมาคราวนี้ ฉันจะจับตัวมาพูดเรื่องแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวไป ปล่อยเวลานาน กว่านี้ มันไม่ไหวแล้ว แต่งซักเดือนสองเดือนหน้าดีไหมเดือน" "ก็ดี แต่ทำไมดาวต้องรีบร้อนขนาดนั้น เหมือนดิ้นรนหาความรัก ระวังนะ ใช่ว่าจะได้ความรักสมใจ เสมอไป เพราะความรักไม่ต่างกับลมปาก" ฉันพูดเตือนดาว แต่ในใจรู้ธาตุแท้ลมปากผู้ชายคนนี้ ช่างหวานหู หวานใจ หวานชีวิต ทำให้ผู้หญิงเจ็บช้ำมานักต่อนักแล้ว ผู้หญิงเราหลงคารมอยู่ได้ ฉันมีโอกาสเมื่อใด จะสับลิ้นผู้ชายประเภทนี้ให้แหลกเลย "เอ้อ...เดือนก้อ ....ภาษาที่ไพเราะที่สุดในโลกคือภาษารักนะ คนรักกันก็อยากอยู่ด้วยกันเป็นธรรมดา พี่ยูรเขาเคยบอกว่า เรื่องนี้จะลงเอยในเร็ววันนี้ เรารักกัน ย่อมบันดาลอะไรต่ออะไรได้ทุกอย่างมิใช่หรือ โดยเฉพาะวันแต่งงาน เพื่อเป็นโซ่ล่ามชีวิตคู่" คอหอยฉันตีบตัน นึกอยากบอกความจริงให้เพื่อนรู้ว่า ที่แท้จริง ความรักไม่ได้บันดาลให้ใครต่อใคร เป็นอะไรต่ออะไรอย่างที่คาดคิดไว้ทุกรายดอก ผิดหวังก็มายมาย ยิ่งผู้หญิงอย่างดาว ส่วนหนึ่ง เห็นแก่เงิน โอกาสเพลินกับหน้าตาเป็นไปได้สูง เหมือนแมลงเม่าชอบบินเข้ากองไฟ ก็กลัวว่าจะทำให้ เพื่อนเสียใจ ตอนนั้นฉันคิดไม่ถึงว่าทำไมดาวจึงรีบร้อน แต่งงาน เพิ่งมาเข้าใจเดี๋ยวนี้เอง สาเหตุมาจากดาวตั้งท้อง ดาวหายหน้าไป ๒ สัปดาห์ ไม่โทรศัพท์มาหา พอฉันโทรศัพท์ไป ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ จนกระทั่ง ก่อนหน้า วันที่ฉันสูญเสียเพื่อนรัก ๓ วัน ดาวมาหาฉันที่หอพักด้วยใบหน้าหมอง คล้ำๆ ซีดเซียว "มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า เล่าให้ฟังบ้างก็ได้ รู้มั้ย....ผู้หญิงแม้จะสวยหยาดเยิ้ม น่ารักปานใดก็ตาม ถ้าไม่ยิ้มไม่หัวเราะ ก็ไม่ผิดกับซากศพดอกนะ" ฉันพยายามเลียบๆ เคียงๆ ด้วยหวังจะทำตัวเป็นศิราณี แก้ปัญหาใจให้ได้ "ไม่มีอะไรหรอก ไม่รู้จะไปไหนก็เลยมาหาเดือนนี่แหละ" พลันนั่งที่โซฟาเอนหลังพิงพนักอย่าง เหนื่อยอ่อน หลับตาลงอย่างปวดร้าว "ช่วงนี้งานยุ่งหรือเปล่า" "ไม่ยุ่งหรอก แต่ไม่ค่อยสบาย" "กลุ้มใจเรื่องอะไร หน้าตาถึงได้เป็นอย่างนี้" "เอ้อ...เอ้อ ...ฉันขอตัวกลับก่อนนะ วันหน้าจะมาใหม่" พอพูดขาดคำก็ผลุนผลันออกไป ฉันงงเป็นไก่ ตาแตก ฉันเรียกดาวให้หยุดก็ไม่ยอมหยุด ไม่นึกเลยว่าครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ที่เราพบกัน ขณะมีลมหายใจอยู่ ฉันลำดับเรื่องราว สรุปได้ว่า ดาวคงไปเร่งรัดเรื่องการแต่งงาน อ้างเหตุผลตั้งท้องได้ ๔ เดือน แต่ไม่ได้ คำตอบเป็นที่น่าพอใจ และคงถูกตัดความสัมพันธ์ ตลอดทั้งรู้ความจริงว่ายูรจะแต่งงานกับ คุณจุรีรัตน์ แทน ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เสียใจที่สุด ดาวจึงตัดสินใจเช่นนี้ "ไอ้ผู้ชายสารเลว ฉันขอสาปแช่งให้มีอันเป็นไป ใน ๓ วัน ๗ วัน" - เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๓ ธันวาคม ๒๕๔๗ - |