คุยนิดคิดหน่อย- บรรณาธิการ -


สิ้นปีเก่า ๒๕๔๗ วันและวัยผันผ่านไปแล้วอีกปีหนึ่ง ขึ้นปีใหม่ ๒๕๔๘ วันและวัยกำลังคืบคลานต่อไปอีกปี

ผู้คนส่วนหนึ่งระรื่นกับการเสือกไส ไล่ส่งปีเก่า และระริกระรี้เฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ อย่างที่เคย ทำกันมาปีแล้วปีเล่า และคงจะงมโข่งทำกันไป จนกว่าจะถึงปีสุดท้าย ของชีวิต... ชีวิตที่ยังจมปลัก อยู่กับวิถีเก่าๆ ไม่เคยคิดพัฒนาให้สดใสใหม่เสมอไปตามปีใหม่

ผู้คนอีกส่วนหนึ่งกลับแปรปีเก่าที่ล่วงเลยไป และปีใหม่ที่ย่างกรายมาให้เป็นโอกาสทองของชีวิต ทบทวน ตรวจสอบกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมของตนในปีเก่าว่า มีอันใดตกต่ำ หรือถึงกับ ล่วงลับตายดับไปจากความดีงาม

และตั้งต้นชีวิตใหม่ในปีใหม่ ก่อกรรมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้จิตวิญญาณของตน ที่ล่วงลับไปจาก ความเป็นมนุษย์ ให้ได้รับส่วนบุญ ได้ผุดได้เกิดกลับมาเป็นมนุษย์ หรือสูงยิ่งขึ้นไป

ก่อกรรมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้คนเป็นๆ แต่จิตวิญญาณตายแบบนี้ไงครับ ที่ส่งกันได้ รับกันได้ ตามรู้ตามเห็นได้ แต่ใช่ง่ายดายทำได้ทุกคนหรอกนะ บ้างล้มลุกคลุกคลานหลายตลบ กว่าจิตวิญญาณ จะได้ผุดได้เกิดใหม่เป็นคนดีมีศีลแท้มีธรรมจริง

จะกล่าวไปไยถึงคนสิ้นอายุขัย ... ผู้ที่อวดอุตริมนุสธรรมมีคุณวิเศษขันอาสาขนส่งส่วนบุญส่วนกุศลจากคนเป็นไปถึงคนตายได้นั้น ทำได้จริงแท้แน่หรือไร

ถ้าทำได้จริง ก็สมควรโปรดนักการเมือง กับข้าราชการส่วนหนึ่ง และนายทุนขี้ฉ้อบางคน ที่ทั้งๆ ยังมีลมหายใจอยู่ แต่กลับมิอาจรับส่วนกุศลผลบุญจากประชาชน หรือแม้แต่พระราชกุศล ที่พระประมุขแห่งชาติอุทิศให้ได้

หากสิ้นอายุขัยในชาตินี้แล้ว และได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่คนเป็นๆ อุทิศให้ได้จริงดังว่า เกิดใหม่ชาติหน้า ถ้าได้เป็นนักการเมือง ข้าราชการ หรือนายทุน ขอให้ไม่ขี้ฉ้อเหมือนเดิมได้ไหม

บ้านเมืองเราจะได้ไม่ต้องประกอบพิธีประกาศนโยบายปราบปรามการทุจริตให้เอิกเกริก แต่ปฏิบัติการ เงียบกริบ

และ "คุณทองแดง" ของในหลวงจะได้ไม่ต้องคอยระแวดระวังเตือนลูกน้อยอยู่ทุกวันว่า "ชาติหมาอย่างเรา อย่าริอ่านเนรคุณแผ่นดินอย่างคนเชียวนะลูกเอ๋ย มันเสียชาติเกิดว่ะ"-

เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๔ มกราคม ๒๕๔๘ -