คิดคนละขั้ว - แรงรวม ชาวหินฟ้า -
เพศศึกษาที่แก้ปัญหาหรือเพิ่มปัญหา?


จะเป็นการแก้ปัญหา หรือการเพิ่มปัญหา ก็ต้องดูกันที่ว่าเป็นการแก้ที่ต้นเหตุหรือไม่ ? ตามพุทธพจน์ที่ทรงระบุไว้ว่า

"ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับ ทุกอย่างก็ดับ"

การแก้ปัญหาที่ไม่สามารถสาวเข้าไปถึงต้นเหตุ ยิ่งแก้ก็ยิ่งจะมีแต่เพิ่มปัญหามากขึ้น เช่นปัญหา คนยากจนที่ช่วยกันแก้มาหลายยุคหลายสมัย แต่ในปัจจุบันคนจนกลับมีหนี้สิน พุ่งสูงขึ้น กว่าเดิม อย่างน่ากลัว เศรษฐกิจไม่พอเพียง ถูกประโคมปลุกเร้ามากกว่าเศรษฐกิจพอเพียง

การรณรงค์เรื่องวัยรุ่นกับปัญหายาเสพติด ผลกลับออกมาเป็นว่า อนาคตชาติเป็นขี้เมา ขี้ยา และ บ้ากาม มากขึ้น จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขพบว่า วัยรุ่นหญิง อายุ ๑๕-๑๙ ปี กินเหล้าเพิ่มขึ้น ๕ เท่าตัว คนไทยทั้งประเทศกินเหล้าสูงเป็นอันดับ ๕ ของโลก และสูบบุหรี่ถึง ๑๐.๖ ล้านคน เมื่อเด็ก ผู้หญิง กินเหล้าย่อมมีผลไปถึงการหมกมุ่นเซ็กส์ จากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า เด็กมีเพศสัมพันธ์ เร็วขึ้น อายุต่ำกว่า ๑๕ ปี มีเพศสัมพันธ์ถึง ๒๐ - ๓๐ % ทำแท้งเฉลี่ยปีละ ๑๐๐,๐๐๐ - ๓๐๐,๐๐๐ คน มีพฤติกรรมสวิงกิ้งกลายเป็นเซ็กส์เอื้ออาทร (ข้อมูล- มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๑๒๖๗-๑๒๖๘)

จากสภาพการหมกมุ่นทางเพศ ที่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้คนติดเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้นจาก ๓๖.๖ ล้านคน ในปี ๒๕๔๕ มาเป็น ๓๙.๔ ล้านคนในปัจจุบัน จากรายงานของยูเอ็นระบุว่า ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ ที่มีอายุ ระหว่าง ๑๕ - ๔๙ ปี มีจำนวน ๓๗.๒ ล้านคน สำหรับเยาวชนไทยอายุ ๑๕ - ๒๔ ปี ติดเชื้อเอดส์ ๗๐,๐๐๐ ราย และ ๖๘ % เป็นผู้หญิง

ดูเหมือนว่า "เพศศึกษา" จะถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในขณะนี้ แต่สิ่งที่น่าห่วงใย อย่างยิ่งก็คือ เนื้อหาของการสอน เพศศึกษานั้นจะเพิ่มการหมกมุ่นมัวเมาให้หนักไปกว่าเก่าหรือไม่ ? และควรหรือไม่ที่จะเอาคำสอนของพระศาสดา หรือสาวกของ พระศาสดาในศาสนาต่าง ๆ ที่มีอยู่ มากมายในพระคัมภีร์หรือในพระไตรปิฎก มาให้เยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้ ทำความเข้าใจในเพศศึกษา เพื่อจะได้พบกับ แสงสว่างของชีวิต ไม่ใช่ไปงมคลำเอาความรู้ของผู้ที่ยังมืดมนอนธการ มีกิเลสตัณหา นอนเนื่องอยู่ในกมลสันดาน มาประพฤติปฏิบัติ จนเกิดราคะ โทสะ โมหะ ให้หนักหนาหน้ามืด หนักขึ้นยิ่งไปกว่าเก่า

ต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างชีวิตจริง ของนางสุเมธาราชกัญญา ที่ได้มองเห็นโทษภัยของกาม และความ ไม่น่ายินดี ในร่างกาย ที่ภายนอก ดูสวยสดงดงามนี้ สุดท้ายได้ไปบวชเป็นภิกษุณี และเป็นพระอรหันต์ ได้ในที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นกรณีศึกษา ที่ควรหยิบยกขึ้นมา เพื่อสอนเรื่อง เพศศึกษา ดีกว่าไหม ?

*** สุเมธาเถรีผู้ยอมตายดีกว่ายอมเสียพรหมจรรย์
เราเป็นธิดาของพระอัครมเหสีแห่งพระเจ้าโกญจะ ในนครมันตาวดี ชื่อว่าสุเมธา เป็นผู้อันพระอริยเจ้า ทั้งหลาย ผู้กระทำตาม คำสั่งสอน ให้เลื่อมใสแล้ว เป็นผู้มีศีล มีถ้อยคำไพเราะเป็นพหูสูต ได้รับแนะนำ ดีแล้วในพระพุทธศาสนา เข้าไปเฝ้าพระชนกและพระชนนี แล้วกราบทูลว่า ขอพระชนก พระชนนี ทั้งสอง โปรดฟังคำของหม่อมฉัน หม่อมฉันยินดีในนิพพาน เพราะว่าภพ ถึงแม้เป็นทิพย์ ก็เป็นของ ไม่ยั่งยืน จะป่วยกล่าวไปไย ถึงกามทั้งหลาย อันเป็นของเปล่า มีความยินดีน้อย มีความคับแค้นมาก

กามทั้งกลายเผ็ดร้อนเปรียบด้วยอสรพิษ เป็นที่ทำให้คนพาลหลงหมกมุ่นอยู่ คนพาลเหล่านั้น ต้องถึงทุกข์เดือดร้อน ยัดเยียดอยู่ในนรก ตลอดกาลนาน และเป็นเหตุทำให้คนพาลผู้มีความรู้ชั่ว ไม่สำรวมด้วย กาย วาจาและใจ ทำความชั่วต่างๆ ย่อมเศร้าโศกในอบาย ในกาลทุกเมื่อ เป็นเหตุทำให้ คนพาลผู้มีปัญญาทราม ไม่มีความคิด ยินดีแล้วในทุกข์และเหตุให้เกิดทุกข์ ไม่รู้จักธรรม อันพระอริยเจ้า แสดงอยู่ ทั้งไม่รู้จักอริยสัจ

พวกเขาจึงประสบวินิบาต ๔ คติ ๒ ในกาลทุกเมื่อ และการบวชของคนที่ตกอยู่ในวินิบาตทั้งหลาย ย่อมไม่มีในนรก ขอพระชนก พระชนนีทั้งสอง ทรงโปรดอนุญาตให้หม่อมฉันบวชในพระศาสนา ของพระทศพลเถิด

หม่อมฉันจักเป็นผู้มีความขวนขวายน้อย พยายามเพื่อละการเกิดการตาย จะเป็นประโยชน์อะไรด้วยภพ อันพวกคนพาล พากันเพลิดเพลิน เป็นโทษทางกาย ไม่เป็นแก่นสารขอพระชนกพระชนนี ทรงโปรด อนุญาตเถิด หม่อมฉันจะบวช เพื่อดับตัณหาในภพ การเสด็จอุบัติ แห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย หม่อมฉัน ได้พบแล้ว ขณะอันเป็นขณะไม่ควร หม่อมฉันก็ได้แล้ว หม่อมฉันไม่พึงประทุษร้าย ศีลและพรหมจรรย์ ตลอดชีวิต

เมื่อนางสุเมธาราชกัญญากราบทูลอย่างนี้ ลำดับนั้น พระชนกพระชนนีได้ตรัสกับ นางสุเมธาราชกัญญาว่า มารดาบิดา เป็นคฤหัสถ์ ถึงจะตกอยู่ในอำนาจของความตาย ก็จักไม่ยอม ละทิ้ง มารดาเป็นทุกข์ร้องไห้ และบิดาก็เป็นทุกข์ ถูกความโศกครอบงำแล้ว เหมือนกัน พยายาม ปลอบโยน นางสุเมธาซึ่งฟุบอยู่ที่แผ่นดินที่พื้นปราสาทว่า ลุกขึ้นเถิดลูกรัก จะเศร้าโศกไปทำไม มารดาบิดาได้ยกเจ้า ให้พระนครวารณวดีแล้ว คือได้ยกเจ้าให้พระเจ้าอนิกรัตต์ผู้มีรูปงาม เจ้าจักเป็น พระอัครมเหสีของพระเจ้าอนิกรัตต์

ลูกรักเอ๋ย ศีล พรหมจรรย์ และการบวชกระทำได้ยาก อำนาจแห่งแคว้นของพระเจ้าอนิกรัตต์ ทรัพย์ ความเป็นอิสริยยศ โภคะ ความสุข ถึงสกุลนี้ และสกุลของพระราชสามีทั้งหมด ลูกปรารถนาแล้ว ก็จักอยู่ในเงื้อมมือของลูก แม้ลูกก็ยังเป็นสาว จงบริโภคกามทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น มารดาบิดา จึงขอร้องไว้ ขอลูกจงอยู่เถิด

ลำดับนั้น นางสุเมธาราชกัญญาจึงกราบทูลพระชนกชนนีว่า อำนาจเป็นต้นเช่นนี้ ขอจงอย่ามีเลย เพราะภพ ไม่เป็นแก่นสาร หม่อมฉันจักบวช หรือถ้าทรงขอร้องไว้ก็ตายเท่านั้น

หม่อมฉันรู้อยู่ว่า ร่างกายนี้เป็นของเปื่อยเน่าไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไป เป็นของน่ากลัว ตัวเป็นดุจ กระสอบหนัง อันเต็มด้วยซากศพ เต็มไปด้วย ของไม่สะอาดไหลอยู่เนืองๆ

หม่อมฉันรู้ว่า ร่างกายนี้เป็นดุจซากศพอันปฏิกูลอย่างยิ่ง ฉาบทาไว้ด้วยเนื้อและเลือด เป็นที่อยู่แห่ง หมู่หนอน เป็นเหยื่อเลือด พระชนกชนนี จะยกให้ใครทำไม กายนี้ไม่นานนักมีวิญญาณไป ปราศจากแล้ว อันหมู่ญาติเกลียดอยู่ ย่อมทิ้งถมป่าช้า เหมือนท่อนไม้ ฉะนั้น

มารดาบิดาของตนยังเกลียด พากันนำเอาซากศพนั้นไปทิ้งให้เป็นเหยื่อของสัตว์อื่น ในป่าช้าแล้วกลับ ไปอาบน้ำ จะกล่าวไปไย ถึงประชุมชนทั่วไป ชนทั้งหลายยินดีแล้วในกายอันเปื่อยเน่า เป็นซากศพ ไม่มีแก่นสาร อันมีกระดูกมีเอ็น เป็นเครื่องผูกรัด เต็มด้วยน้ำลาย น้ำตา และเหงื่อไคล ผู้ใดมาแยก กายนั้นทำให้เห็นทั้งภายในและภายนอก ผู้นั้นไม่อาจทนต่อกลิ่นกายได้ แม้มารดาของตนก็พึงเกลียด

บัณฑิตทั้งหลายกล่าวไว้โดยอุบายอันแยบคายว่า ขันธ์ ธาตุและอายตนะ อันปัจจัยปรุงแต่ง มีชาติ เป็นมูลเหตุ เป็นทุกข์ ไม่น่าชอบใจ เพราะเหตุไร หม่อมฉันจะพึงปรารถนาพระดำรัส ที่ขอร้องเล่า หอก ๓๐๐ เล่มอันลับแล้วใหม่ๆ พึงตกลงในกายทุกวันๆ ความกระทบ กระทั่ง แม้เป็นไปสิ้นร้อยปี ยังประเสริฐกว่า ฉันใด ความสิ้นไปแห่งทุกข์พึงมีฉันนั้น

ผู้ใดผู้รู้แจ้งพระดำรัสของพระศาสดาโดยนัยตามที่กล่าวแล้ว พึงประสบความกระทบกระทั่ง แม้ความ สิ้นทุกข์ ของผู้นั้นพึงประเสริฐยิ่ง และสงสาร ของคนพาลเหล่านั้นผู้ถูกชรา พยาธิและมรณะ เบียดเบียน บ่อย ๆ เป็นของยาว ความคับแค้นอันหาประมาณมิได้ บัณฑิตแสดงไว้ในเทวดา หมู่มนุษย์ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน อสุรกาย เปรต นรก ในนรกมีทุกข์เป็นอันมาก (ความต้านทาน ในหมู่เทวดา ทั้งหลาย ไม่มีแก่สัตว์ไปแล้วในวินิบาต ผู้เศร้าหมอง) สุขอื่นนอกจาก สุข คือนิพพานไม่มี ผู้ใดขวนขวาย ในคำสั่งสอนของพระทศพล เป็นผู้มีความขวนขวายน้อย พยายามเพื่อละความเกิดและตาย ผู้นั้นชื่อว่า บรรลุนิพพาน

ข้าแต่เสด็จพ่อ วันนี้หม่อมฉันจักออกบวชแน่นอน จะมีประโยชน์อะไรด้วยโภคสมบัติอันหาสาระมิได้ กามทั้งหลาย อันเสมอด้วยอาเจียน หม่อนฉันเบื่อหน่ายแล้วและทำให้เป็นดังตาลยอดด้วน

นางสุเมธาราชธิดากราบทูลแด่พระชนกอย่างนี้ และนางสุเมธาราชธิดานั้น อันพระชนกชนนี ประทาน ให้แก่ พระอนิกรัตต์ใด พระเจ้าอนิกรัตต์นั้น แวดล้อมด้วยคนหนุ่มๆ ตระเตรียมมาแล้ว เมื่อกาล จวนเข้ามาแล้ว

ลำดับนั้น นางสุเมธาราชกัญญา ได้ทรงสดับว่า พระเจ้าอนิกรัตต์เสด็จมา จึงเอาพระขรรค์ตัด พระเกศา อันดำสนิท อ่อนสลวย งดงาม ปิดปราสาทแล้วเข้าปฐมฌาน นางสุเมธาราชกัญญา เข้าสมาบัติ เจริญอนิจจสัญญา อยู่ในปราสาทนั้นนั่นเอง

พระเจ้าอนิกรัตต์ได้เสด็จมาถึงพระนคร และนางสุเมธาราชกัญญากำลังมนสิการอนิจจสัญญาอยู่พระเจ้าอนิกรัตต์มีพระองค์อันประดับด้วย แก้วมณี และทองคำรีบเสด็จขึ้นสู่ปราสาท ทรงทำอัญชลีอ้อนวอนนางสุเมธาราชกัญญาว่า อำนาจ ทรัพย์ อิสริยยศ โภคะ ความสุข ในราชสมบัติ หม่อมฉันขอมอบให้พระน้องนาง พระน้องนาง ยังเป็นสาว ขอจงบริโภคกามสุขเถิด กามสุขเป็นของหาได้ยากในโลก ราชสมบัติ หม่อมฉันยอมสละ ให้พระน้องนาง ขอพระน้องนางจงบริโภคโภคะทั้งหลาย จงให้ทานเถิด อย่าทรงโทมนัสเลย พระชนกชนนี ของพระน้องนาง ทรงเป็นทุกข์

นางสุเมธาราชกัญญาผู้ไม่มีความต้องการด้วยกามทั้งหลาย ปราศจากโมหะ กราบทูลพระเจ้าอนิกรัตต์ว่า

พระองค์อย่าทรงเพลิดเพลินในกาม จงทรงเห็นโทษในกามทั้งหลาย พระเจ้ามันธาตุผู้เป็นใหญ่ ในทวีปทั้ง ๔ เป็นผู้เลิศกว่า บุคคลผู้บริโภค กามทั้งหลาย ก็สวรรคตไป ความปรารถนา ของท้าวเธอ ก็ยังไม่ทันบริบูรณ์เลยเทวดาผู้เป็นเจ้าแห่งฝน พึงบันดาลรัตนะ ๗ ประการ ให้ตกโดยรอบทั่ว ทั้ง ๑๐ ทิศ ความอิ่มด้วยกามทั้งหลายมิได้มี

นรชนทั้งหลายผู้ไม่อิ่มด้วยกามพากันตายไปหมด

กามทั้งหลายเปรียบด้วยดาบและหลาว เหมือนงูเห่า เปรียบดังคบเพลิงเผาอยู่เนืองๆ เหมือนร่างกระดูก

กามทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีทุกข์มาก เหมือนงูที่มีพิษมาก เหมือนก้อนเหล็กอันไฟติดทั่ว เป็นรากเหง้าแห่งทุกข์ มีทุกข์เป็นผล

กามทั้งหลายเปรียบเหมือนผลไม้อันเป็นพิษเหมือนชิ้นเนื้อ นำมาซึ่งทุกข์

กามทั้งหลายเปรียบเหมือนความฝันเป็นของหลอกลวง เหมือนของที่ยืมเขามา

เปรียบด้วยหอกและหลาว เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นความทุกข์ยาก เป็นความลำบาก เช่นดังหลุม ถ่านเพลิง เป็นรากเหง้าแห่งความทุกข์เป็นภัย มีนายเพชฌฆาต

กามทั้งหลายบัณฑิตกล่าวว่ามีทุกข์มาก มีอันตรายมากอย่างนี้

เชิญพระองค์เสด็จกลับเสียเถิด หม่อมฉันไม่มีความคุ้นเคยในสมบัติของตนเลย

เมื่อไฟไหม้อยู่ที่ศีรษะของตน ผู้อื่นจักช่วยทำประโยชน์อะไรให้หม่อนฉัน เมื่อชราและมรณะ ติดตามแล้ว ควรจะพยายาม เพื่อทำลายชรา และมรณะนั้น นางสุเมธาราชกัญญา ทอดพระเนตร เห็นพระชนกชนนี และพระเจ้าอนิกรัตต์ เสด็จมา ยังไม่ทันถึงปิดประตู ประทับนั่งร้องไห้ อยู่ที่แผ่นดิน จึงได้กราบทูลว่า สงสารของคนพาลทั้งหลายผู้ร้องไห้ถึงมารดา บิดา พี่ชาย น้องชาย และตนเอง ซึ่งตายแล้วในสงสาร เป็นสภาพยาว

ขอพระองค์ทรงระลึกถึงน้ำตา น้ำนม เลือด และกองกระดูกของสัตว์ทั้งหลายผู้ท่องเที่ยวอยู่ไปมา เพราะความที่สงสารที่สุด อันบุคคลรู้ไม่ได้ ขอจงทรงนึกถึง มหาสมุทรทั้ง ๔ ที่พระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ทรงน้อมเข้าไปเปรียบในน้ำตา น้ำนม และเลือด

จงทรงนึกถึงกองกระดูกของคนหนึ่งในกัปป์หนึ่งเท่าภูเขาวิบุลบรรพต

จงทรงนึกถึงแผ่นดินใหญ่ คือ ชมพูทวีป ที่พระพุทธเจ้าทรงเปรียบด้วยมารดา บิดา ของบุคคล ผู้ท่องเที่ยว อยู่ในสงสาร แผ่นดินใหญ่ เมื่อแบ่งออก เป็นก้อนกลม ๆ เท่าเม็ดพุทธา ยังไม่เพียงพอ เท่ามารดาบิดาเลย

จงทรงนึกถึงหญ้า ไม้ กิ่งไม้และใบไม้ ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงเปรียบด้วยมารดาบิดาของบุคคล ผู้ท่องเที่ยว อยู่ในสงสาร เพราะสงสารมีที่อันรู้ไม่ได้ หญ้า ไม้ กิ่งไม้และใบไม้ชิ้นหนึ่งประมาณเท่า ๔ นิ้ว ยังไม่เพียงพอ ในบิดาทั้งหลาย และชิ้นหนึ่ง มีประมาณเท่านั้น ยังไม่เพียงพอใน ปู่ ย่า ตา ยาย

จงนึกถึงแต่เต่าตาบอด และช่องแอกอันหมุนวนไปในทิศบูรพา และทางอื่น ๆ อีก ในมหาสมุทร มาสวมศีรษะ เต่าตาบอดตัวนั้น ข้อนี้อุปมา ดังการได้อัตภาพเป็นมนุษย์

จงนึกถึงรูปแห่งโทษ คือกายอันหาสาระมิได้ เปรียบเหมือนก้อนฟองน้ำ

จงทรงพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายอันไม่เที่ยง

จงทรงคำนึงถึงนรกอันมีความคับแค้นมาก

จงทรงนึกถึงสัตว์ทั้งหลายผู้พอกพูนป่าช้าอยู่บ่อยๆ ในชาตินั้นๆ จงทรงนึกถึงภัยเมื่อวันเกิดแต่ท้อง

จงทรงนึกถึงอริยสัจ ๔ เมื่ออมตมหานิพพานมีอยู่ จะมีประโยชน์อะไรด้วยของเผ็ดร้อน ๕ ประการที่พระองค์ทรงดื่มแล้ว เพราะว่า ความยินดี ในกามทั้งปวง มีความเผ็ดร้อนกว่าของเผ็ดร้อน ๕ ประการอีก

เมื่ออมตมหานิพพานมีอยู่ พระองค์จะต้องการอะไรด้วยกามทั้งหลายอันเป็นเหตุให้เร่าร้อนเล่า เพราะว่า ความยินดี ในกามทั้งปวง อันไฟ ๑๑ กองให้รุ่งเรือง ให้เดือดพล่านแล้ว ให้กำเริบแล้ว ให้ร้อนพร้อมแล้ว

เมื่อการออกจากกามอันไม่มีข้าศึกมีอยู่ ไฉนพระองค์จึงต้องการด้วยกามทั้งหลายอันมีข้าศึกมากเล่า กามทั้งกลาย มีข้าศึกมาก ทั่วไปด้วยพระราชา ไฟ โจร น้ำ และบุคคลอันไม่เป็นที่รัก

เมื่อความหลุดพ้นมีอยู่ ไฉนพระองค์จึงต้องการด้วยกามทั้งหลายอันเป็นเหตุให้ถูกฆ่า ถูกจำจองเล่า เพราะว่าการถูกฆ่า และถูกจำจอง ก็เพราะกามทั้งหลาย

สัตว์ทั้งหลายได้เสวยทุกข์ต่างๆ เพราะความใคร่ในกาม

คบเพลิงหญ้าอันไฟติดโชน ย่อมไหม้คนผู้ถืออยู่และไม่ทิ้ง เพราะว่ากามทั้งหลายเปรียบดังคบเพลิง ย่อมไหม้ คนผู้ที่ไม่ละ

พระองค์อย่าทรงละสุขอันไพบูลย์ เพราะเหตุแห่งกามสุขอันเล็กน้อยเลย

พระองค์อย่าทรงเป็นเหมือนปลากลืนกินเบ็ดแล้วเดือดร้อนในภายหลัง

พระองค์อย่างทรงหมุนไปผิดเพราะกามทั้งหลายดังสุนัขอันถูกเขาล่ามโซ่ไว้เลย

สัตว์ทั้งหลายผู้มีความอยากเพราะกามจัด บริโภคกามนั้น เหมือนเสือปลาถูกความหิวครอบงำ ได้สุนัขแล้ว ถึงความพินาศฉิบหาย ฉะนั้น

พระองค์ทรงประกอบด้วยกาม จักต้องทรงเสวยทุกข์หาประมาณมิได้ และโทมนัสแห่งจิตเป็นอันมาก จงทรงสละกามทั้งหลายอันไม่ยั่งยืนเสียเถิด

เมื่อนิพพานอันเป็นธรรมไม่แก่มีอยู่ ไฉนพระองค์จึงต้องการด้วยกามทั้งหลายที่มีความแก่เล่า เพราะ การเกิดทุกชาติในภพทั้งปวง ประกอบด้วยความตายและพยาธิ นิพพานนี้ไม่แก่ ไม่ตาย เป็นทางดำเนิน ถึงความไม่แก่ ไม่ตาย ไม่มีความเศร้าโศก ไม่คับแค้นเพราะข้าศึก ไม่มีความพลาดพลั้ง ไม่มีภัย ไม่มีความเดือดร้อน อมตมหานิพพานนี้ อันพระอริยเจ้าเป็นอันมาก ได้บรรลุมาแล้ว และอมต มหานิพพานนี้ อันบุคคลผู้พยายามโดยอุบายอันแยบคายจะพึงได้แม้ในวันนี้ แต่บุคคลผู้ไม่พยายาม ไม่อาจจะได้แม้ในกาลไหนๆ

นางสุเมธาราชกัญญาตรัสอย่างนี้ เมื่อไม่ได้ความยินดีในสังขาร เมื่อจะทรงยังพระเจ้าอนิกรัตต์ ให้ทรงยินยอม จึงทรงโยนผมที่ทรงตัดแล้วด้วยพระขรรค์ไปที่พื้นดิน

พระเจ้าอนิกรัตต์เสด็จลุกขึ้นประคองอัญชลี ทูลขอกับพระบิดาของนางสุเมธาราชกัญญานั้นว่า ขอจง ทรงโปรดปล่อยให้นางสุเมธาบวชเถิด นางจะเป็นผู้เห็นวิโมกข์และสัจจะ

ก็นางสุเมธาราชกัญญาอันพระชนกชนนีทรงปล่อยแล้ว เป็นผู้กลัวต่อภัย คือความโศกออกบวชแล้ว เมื่อศึกษาอยู่ ได้กระทำให้แจ้งซึ่งอภิญญา ๖ กระทำให้แจ้งซึ่งผลอันเลิศ คือ อรหันผล นิพพานของ นางสุเมธาราชกัญญา เป็นธรรม น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๔ มกราคม ๒๕๔๘ -