คิดคนละขั้ว - แรงรวม
ชาวหินฟ้า - จะเป็นการแก้ปัญหา หรือการเพิ่มปัญหา ก็ต้องดูกันที่ว่าเป็นการแก้ที่ต้นเหตุหรือไม่ ? ตามพุทธพจน์ที่ทรงระบุไว้ว่า "ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุดับ ทุกอย่างก็ดับ" การแก้ปัญหาที่ไม่สามารถสาวเข้าไปถึงต้นเหตุ ยิ่งแก้ก็ยิ่งจะมีแต่เพิ่มปัญหามากขึ้น เช่นปัญหา คนยากจนที่ช่วยกันแก้มาหลายยุคหลายสมัย แต่ในปัจจุบันคนจนกลับมีหนี้สิน พุ่งสูงขึ้น กว่าเดิม อย่างน่ากลัว เศรษฐกิจไม่พอเพียง ถูกประโคมปลุกเร้ามากกว่าเศรษฐกิจพอเพียง การรณรงค์เรื่องวัยรุ่นกับปัญหายาเสพติด ผลกลับออกมาเป็นว่า อนาคตชาติเป็นขี้เมา ขี้ยา และ บ้ากาม มากขึ้น จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขพบว่า วัยรุ่นหญิง อายุ ๑๕-๑๙ ปี กินเหล้าเพิ่มขึ้น ๕ เท่าตัว คนไทยทั้งประเทศกินเหล้าสูงเป็นอันดับ ๕ ของโลก และสูบบุหรี่ถึง ๑๐.๖ ล้านคน เมื่อเด็ก ผู้หญิง กินเหล้าย่อมมีผลไปถึงการหมกมุ่นเซ็กส์ จากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า เด็กมีเพศสัมพันธ์ เร็วขึ้น อายุต่ำกว่า ๑๕ ปี มีเพศสัมพันธ์ถึง ๒๐ - ๓๐ % ทำแท้งเฉลี่ยปีละ ๑๐๐,๐๐๐ - ๓๐๐,๐๐๐ คน มีพฤติกรรมสวิงกิ้งกลายเป็นเซ็กส์เอื้ออาทร (ข้อมูล- มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๑๒๖๗-๑๒๖๘) จากสภาพการหมกมุ่นทางเพศ ที่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้คนติดเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้นจาก ๓๖.๖ ล้านคน ในปี ๒๕๔๕ มาเป็น ๓๙.๔ ล้านคนในปัจจุบัน จากรายงานของยูเอ็นระบุว่า ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ ที่มีอายุ ระหว่าง ๑๕ - ๔๙ ปี มีจำนวน ๓๗.๒ ล้านคน สำหรับเยาวชนไทยอายุ ๑๕ - ๒๔ ปี ติดเชื้อเอดส์ ๗๐,๐๐๐ ราย และ ๖๘ % เป็นผู้หญิง ดูเหมือนว่า "เพศศึกษา" จะถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในขณะนี้ แต่สิ่งที่น่าห่วงใย อย่างยิ่งก็คือ เนื้อหาของการสอน เพศศึกษานั้นจะเพิ่มการหมกมุ่นมัวเมาให้หนักไปกว่าเก่าหรือไม่ ? และควรหรือไม่ที่จะเอาคำสอนของพระศาสดา หรือสาวกของ พระศาสดาในศาสนาต่าง ๆ ที่มีอยู่ มากมายในพระคัมภีร์หรือในพระไตรปิฎก มาให้เยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้ ทำความเข้าใจในเพศศึกษา เพื่อจะได้พบกับ แสงสว่างของชีวิต ไม่ใช่ไปงมคลำเอาความรู้ของผู้ที่ยังมืดมนอนธการ มีกิเลสตัณหา นอนเนื่องอยู่ในกมลสันดาน มาประพฤติปฏิบัติ จนเกิดราคะ โทสะ โมหะ ให้หนักหนาหน้ามืด หนักขึ้นยิ่งไปกว่าเก่า ต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างชีวิตจริง ของนางสุเมธาราชกัญญา ที่ได้มองเห็นโทษภัยของกาม และความ ไม่น่ายินดี ในร่างกาย ที่ภายนอก ดูสวยสดงดงามนี้ สุดท้ายได้ไปบวชเป็นภิกษุณี และเป็นพระอรหันต์ ได้ในที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นกรณีศึกษา ที่ควรหยิบยกขึ้นมา เพื่อสอนเรื่อง เพศศึกษา ดีกว่าไหม ? *** สุเมธาเถรีผู้ยอมตายดีกว่ายอมเสียพรหมจรรย์ กามทั้งกลายเผ็ดร้อนเปรียบด้วยอสรพิษ เป็นที่ทำให้คนพาลหลงหมกมุ่นอยู่ คนพาลเหล่านั้น ต้องถึงทุกข์เดือดร้อน ยัดเยียดอยู่ในนรก ตลอดกาลนาน และเป็นเหตุทำให้คนพาลผู้มีความรู้ชั่ว ไม่สำรวมด้วย กาย วาจาและใจ ทำความชั่วต่างๆ ย่อมเศร้าโศกในอบาย ในกาลทุกเมื่อ เป็นเหตุทำให้ คนพาลผู้มีปัญญาทราม ไม่มีความคิด ยินดีแล้วในทุกข์และเหตุให้เกิดทุกข์ ไม่รู้จักธรรม อันพระอริยเจ้า แสดงอยู่ ทั้งไม่รู้จักอริยสัจ พวกเขาจึงประสบวินิบาต ๔ คติ ๒ ในกาลทุกเมื่อ และการบวชของคนที่ตกอยู่ในวินิบาตทั้งหลาย ย่อมไม่มีในนรก ขอพระชนก พระชนนีทั้งสอง ทรงโปรดอนุญาตให้หม่อมฉันบวชในพระศาสนา ของพระทศพลเถิด หม่อมฉันจักเป็นผู้มีความขวนขวายน้อย พยายามเพื่อละการเกิดการตาย จะเป็นประโยชน์อะไรด้วยภพ อันพวกคนพาล พากันเพลิดเพลิน เป็นโทษทางกาย ไม่เป็นแก่นสารขอพระชนกพระชนนี ทรงโปรด อนุญาตเถิด หม่อมฉันจะบวช เพื่อดับตัณหาในภพ การเสด็จอุบัติ แห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย หม่อมฉัน ได้พบแล้ว ขณะอันเป็นขณะไม่ควร หม่อมฉันก็ได้แล้ว หม่อมฉันไม่พึงประทุษร้าย ศีลและพรหมจรรย์ ตลอดชีวิต เมื่อนางสุเมธาราชกัญญากราบทูลอย่างนี้ ลำดับนั้น พระชนกพระชนนีได้ตรัสกับ นางสุเมธาราชกัญญาว่า มารดาบิดา เป็นคฤหัสถ์ ถึงจะตกอยู่ในอำนาจของความตาย ก็จักไม่ยอม ละทิ้ง มารดาเป็นทุกข์ร้องไห้ และบิดาก็เป็นทุกข์ ถูกความโศกครอบงำแล้ว เหมือนกัน พยายาม ปลอบโยน นางสุเมธาซึ่งฟุบอยู่ที่แผ่นดินที่พื้นปราสาทว่า ลุกขึ้นเถิดลูกรัก จะเศร้าโศกไปทำไม มารดาบิดาได้ยกเจ้า ให้พระนครวารณวดีแล้ว คือได้ยกเจ้าให้พระเจ้าอนิกรัตต์ผู้มีรูปงาม เจ้าจักเป็น พระอัครมเหสีของพระเจ้าอนิกรัตต์ ลูกรักเอ๋ย ศีล พรหมจรรย์ และการบวชกระทำได้ยาก อำนาจแห่งแคว้นของพระเจ้าอนิกรัตต์ ทรัพย์ ความเป็นอิสริยยศ โภคะ ความสุข ถึงสกุลนี้ และสกุลของพระราชสามีทั้งหมด ลูกปรารถนาแล้ว ก็จักอยู่ในเงื้อมมือของลูก แม้ลูกก็ยังเป็นสาว จงบริโภคกามทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น มารดาบิดา จึงขอร้องไว้ ขอลูกจงอยู่เถิด ลำดับนั้น นางสุเมธาราชกัญญาจึงกราบทูลพระชนกชนนีว่า อำนาจเป็นต้นเช่นนี้ ขอจงอย่ามีเลย เพราะภพ ไม่เป็นแก่นสาร หม่อมฉันจักบวช หรือถ้าทรงขอร้องไว้ก็ตายเท่านั้น หม่อมฉันรู้อยู่ว่า ร่างกายนี้เป็นของเปื่อยเน่าไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไป เป็นของน่ากลัว ตัวเป็นดุจ กระสอบหนัง อันเต็มด้วยซากศพ เต็มไปด้วย ของไม่สะอาดไหลอยู่เนืองๆ หม่อมฉันรู้ว่า ร่างกายนี้เป็นดุจซากศพอันปฏิกูลอย่างยิ่ง ฉาบทาไว้ด้วยเนื้อและเลือด เป็นที่อยู่แห่ง หมู่หนอน เป็นเหยื่อเลือด พระชนกชนนี จะยกให้ใครทำไม กายนี้ไม่นานนักมีวิญญาณไป ปราศจากแล้ว อันหมู่ญาติเกลียดอยู่ ย่อมทิ้งถมป่าช้า เหมือนท่อนไม้ ฉะนั้น มารดาบิดาของตนยังเกลียด พากันนำเอาซากศพนั้นไปทิ้งให้เป็นเหยื่อของสัตว์อื่น ในป่าช้าแล้วกลับ ไปอาบน้ำ จะกล่าวไปไย ถึงประชุมชนทั่วไป ชนทั้งหลายยินดีแล้วในกายอันเปื่อยเน่า เป็นซากศพ ไม่มีแก่นสาร อันมีกระดูกมีเอ็น เป็นเครื่องผูกรัด เต็มด้วยน้ำลาย น้ำตา และเหงื่อไคล ผู้ใดมาแยก กายนั้นทำให้เห็นทั้งภายในและภายนอก ผู้นั้นไม่อาจทนต่อกลิ่นกายได้ แม้มารดาของตนก็พึงเกลียด บัณฑิตทั้งหลายกล่าวไว้โดยอุบายอันแยบคายว่า ขันธ์ ธาตุและอายตนะ อันปัจจัยปรุงแต่ง มีชาติ เป็นมูลเหตุ เป็นทุกข์ ไม่น่าชอบใจ เพราะเหตุไร หม่อมฉันจะพึงปรารถนาพระดำรัส ที่ขอร้องเล่า หอก ๓๐๐ เล่มอันลับแล้วใหม่ๆ พึงตกลงในกายทุกวันๆ ความกระทบ กระทั่ง แม้เป็นไปสิ้นร้อยปี ยังประเสริฐกว่า ฉันใด ความสิ้นไปแห่งทุกข์พึงมีฉันนั้น ผู้ใดผู้รู้แจ้งพระดำรัสของพระศาสดาโดยนัยตามที่กล่าวแล้ว พึงประสบความกระทบกระทั่ง แม้ความ สิ้นทุกข์ ของผู้นั้นพึงประเสริฐยิ่ง และสงสาร ของคนพาลเหล่านั้นผู้ถูกชรา พยาธิและมรณะ เบียดเบียน บ่อย ๆ เป็นของยาว ความคับแค้นอันหาประมาณมิได้ บัณฑิตแสดงไว้ในเทวดา หมู่มนุษย์ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน อสุรกาย เปรต นรก ในนรกมีทุกข์เป็นอันมาก (ความต้านทาน ในหมู่เทวดา ทั้งหลาย ไม่มีแก่สัตว์ไปแล้วในวินิบาต ผู้เศร้าหมอง) สุขอื่นนอกจาก สุข คือนิพพานไม่มี ผู้ใดขวนขวาย ในคำสั่งสอนของพระทศพล เป็นผู้มีความขวนขวายน้อย พยายามเพื่อละความเกิดและตาย ผู้นั้นชื่อว่า บรรลุนิพพาน ข้าแต่เสด็จพ่อ วันนี้หม่อมฉันจักออกบวชแน่นอน จะมีประโยชน์อะไรด้วยโภคสมบัติอันหาสาระมิได้ กามทั้งหลาย อันเสมอด้วยอาเจียน หม่อนฉันเบื่อหน่ายแล้วและทำให้เป็นดังตาลยอดด้วน นางสุเมธาราชธิดากราบทูลแด่พระชนกอย่างนี้ และนางสุเมธาราชธิดานั้น อันพระชนกชนนี ประทาน ให้แก่ พระอนิกรัตต์ใด พระเจ้าอนิกรัตต์นั้น แวดล้อมด้วยคนหนุ่มๆ ตระเตรียมมาแล้ว เมื่อกาล จวนเข้ามาแล้ว ลำดับนั้น นางสุเมธาราชกัญญา ได้ทรงสดับว่า พระเจ้าอนิกรัตต์เสด็จมา จึงเอาพระขรรค์ตัด พระเกศา อันดำสนิท อ่อนสลวย งดงาม ปิดปราสาทแล้วเข้าปฐมฌาน นางสุเมธาราชกัญญา เข้าสมาบัติ เจริญอนิจจสัญญา อยู่ในปราสาทนั้นนั่นเอง พระเจ้าอนิกรัตต์ได้เสด็จมาถึงพระนคร และนางสุเมธาราชกัญญากำลังมนสิการอนิจจสัญญาอยู่พระเจ้าอนิกรัตต์มีพระองค์อันประดับด้วย แก้วมณี และทองคำรีบเสด็จขึ้นสู่ปราสาท ทรงทำอัญชลีอ้อนวอนนางสุเมธาราชกัญญาว่า อำนาจ ทรัพย์ อิสริยยศ โภคะ ความสุข ในราชสมบัติ หม่อมฉันขอมอบให้พระน้องนาง พระน้องนาง ยังเป็นสาว ขอจงบริโภคกามสุขเถิด กามสุขเป็นของหาได้ยากในโลก ราชสมบัติ หม่อมฉันยอมสละ ให้พระน้องนาง ขอพระน้องนางจงบริโภคโภคะทั้งหลาย จงให้ทานเถิด อย่าทรงโทมนัสเลย พระชนกชนนี ของพระน้องนาง ทรงเป็นทุกข์ นางสุเมธาราชกัญญาผู้ไม่มีความต้องการด้วยกามทั้งหลาย ปราศจากโมหะ กราบทูลพระเจ้าอนิกรัตต์ว่า พระองค์อย่าทรงเพลิดเพลินในกาม จงทรงเห็นโทษในกามทั้งหลาย พระเจ้ามันธาตุผู้เป็นใหญ่ ในทวีปทั้ง ๔ เป็นผู้เลิศกว่า บุคคลผู้บริโภค กามทั้งหลาย ก็สวรรคตไป ความปรารถนา ของท้าวเธอ ก็ยังไม่ทันบริบูรณ์เลยเทวดาผู้เป็นเจ้าแห่งฝน พึงบันดาลรัตนะ ๗ ประการ ให้ตกโดยรอบทั่ว ทั้ง ๑๐ ทิศ ความอิ่มด้วยกามทั้งหลายมิได้มี นรชนทั้งหลายผู้ไม่อิ่มด้วยกามพากันตายไปหมด นางสุเมธาราชกัญญาตรัสอย่างนี้ เมื่อไม่ได้ความยินดีในสังขาร เมื่อจะทรงยังพระเจ้าอนิกรัตต์
ให้ทรงยินยอม จึงทรงโยนผมที่ทรงตัดแล้วด้วยพระขรรค์ไปที่พื้นดิน - เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๔ มกราคม ๒๕๔๘ - |