เยาวชนล้มในวันนี้ ผู้ใหญ่ในวันหน้าจะยืนอยู่ได้หรือ

รักกันไว้เถิดเราเกิดร่วมแดนไทย จะเกิดภาคไหนๆ ก็ไทยด้วยกัน เชื้อสายประเพณีไม่มีกางกั้น เกิดใต้ธงไทยนั้น ปวงชนทุกคนคือไทย ท้องถิ่นแหลมทอง เมืองทองของแม่ เกิดถิ่นเดียวกันแท้ เหมือนแม่เดียวกันใช่ไหม ยามฉันมองตาคุณอบอุ่นหัวใจ มีสายเลือดไทย ในสายตาบอกสายสัมพันธ์

เสียงเพลงรักกันไว้เถิด ดังประกอบกับภาพนกกระดาษนับล้านๆ ตัว ที่โบยบินออกจากท้องของเครื่องบิน ว่อนไปทั่วท้องฟ้า ประชาชนทั้งเด็กผู้ใหญ่ ต่างออกจากบ้านเรือน สู่ถนนและสนามหญ้า หาเก็บ นกกระดาษ ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ทีวีทุกช่อง ถ่ายทอดภาพออกไปทั่วประเทศ ผู้ชมตื้นตันใจ จนน้ำตาคลอ เพราะอยากให้บ้านเมืองของเรา ร่มเย็นเป็นสันติสุขเหมือนเดิม

สิ้นเสียงเพลง ข่าวภาพเยาวชนอายุ ๑๔-๑๕ ปีหลายคน ที่หลงไปเสพและค้ายาเสพติด และตำรวจ จับได้ พร้อมของกลางยาบ้า หลายร้อยเม็ด ผู้ชมหลายคน ถึงกับน้ำตาซึม ด้วยความสงสาร เพราะเข้าใจว่า เขาคงหมดหวังในชีวิต หมดเสรีภาพ มืดแปดด้าน ยิ่งผู้ชมข่าวที่มีลูกอยู่ในวัยเดียวกัน เข้าใจความรู้สึกความรัก ห่วงใยลูกของตน ว่ามันมีมากขนาดไหน พ่อแม่เด็กผู้ต้องหา ก็คงมีมากน้อย ไม่ต่างกัน

ภาพเรื่องราวเยาวชนในสังคมหมู่บ้านอีกรายหนึ่งทำให้คิดว่าเยาวชนอีกมากรายที่ไม่เข้าใจพ่อแม่ว่ารัก และห่วงใย ลูกแค่ไหน ดังเยาวชนนายหนึ่งรูปร่างหน้าตาดี ชอบกินเหล้า สนุกกับเพื่อนๆ ไม่สนใจ ทำงานช่วยพ่อแม่เลย วันหนึ่งกินเหล้าเมาขับมอเตอร์ไซค์แหกโค้ง ขาขวาไปอัดกับเสาปูน ข้างถนน จนข้อเท้าขาด จากคนที่เคยร่าเริง กลับกลายเงียบขรึมเศร้าซึม แต่พ่อของเขานั้นทุกข์หนัก เพราะรัก ลูกชาย ถึงกับพูดรำพึงรำพันว่า หากเปลี่ยนให้ตัวเองพิการแทนลูกได้ก็ยอม ลูกจะรับรู้ และสำนึก ถึงค่าของความรัก ของพ่อแม่บ้างหรือเปล่าหนอ

เมื่อพูดถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่พ่อแม่ทุ่มเทให้ลูก ก็อดไม่ได้จะนึกถึงนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง สามีภรรยา คู่หนึ่ง มีลูกชายที่รัก ปานดวงใจ ครั้นลูกชายโตขึ้นเป็นหนุ่มใหญ่ แล้วแต่งงานเอาภรรยา มาอยู่ด้วย ที่บ้าน จนมีลูกชายคนหนึ่ง แต่ภรรยาไม่กินเส้นกับปู่ย่า จึงออกอุบาย ให้สามีไล่ปู่ย่า ให้ออกไปจากบ้าน ฝ่ายสามีก็หลงใหลภรรยา จนลืมความรัก ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก จึงไล่พ่อแม่ออกจากบ้าน ไปขอทาน เลี้ยงชีพ อย่างไม่ไยดี อยู่มาวันหนึ่งเห็นลูกน้อยนั่งขัดกะลาอยู่ ชายใจบาปจึงถามขึ้นว่า "ลูกรัก จะทำกะลา ไว้ใช้อะไรหรือ" เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นยิ้ม ตอบขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า "ผมจะให้พ่อแม่เอาไว้ ไปขอทาน ตอนที่พ่อแม่แก่เฒ่า เหมือนปู่ย่าไงครับ"

อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนอ่านแล้วก็สะดุดใจไม่รู้ลืม เรื่องมีอยู่ว่าสามีภรรยาคู่หนึ่งมีลูกชายเป็นหนุ่ม รูปร่างหน้าตาดี วันหนึ่ง ลูกได้รับอุบัติเหตุ ใบหูขาดหายไปข้างหนึ่ง เป็นทุกข์ และอายมาก แม่จึงพาลูก ไปที่โรงพยาบาลบอกว่า มีคนใจบุญบริจาคใบหูให้ลูก แล้วใบหูใหม่ ก็ไม่ต่างไปจากใบหูเดิม ลูกยิ้มร่า อยู่ในสังคม อย่างมีความสุข ต่อมาแม่ของเขาเจ็บป่วย แล้วตายจากไป ลูกชายจัดทรงผมให้แม่ ก่อนบรรจุลงโลง ใบหูของแม่มีอยู่ข้างเดียว เขาพึ่งรู้ในตอนนั้นเองว่า ใบหูที่เขาได้ใหม่นั้น เป็นของแม่ ที่ยอมตัดให้เขาเอง แม่ไม่ยอมบอกให้ลูกรู้ ก็เพราะไม่อยากให้ลูกทุกข์

เรื่องราวนิทานที่มีสาระหลายเรื่องจะสื่อความรักอันยิ่งใหญ่ที่พ่อแม่ทุ่มเทให้ลูก อย่าว่าเพียงแค่ข้าวปลา อาหารทรัพย์สินเงินทองเลย แม้เลือดเนื้อพ่อแม่ยังให้ลูกได้ โดยพ่อแม่ หวังเพียงอย่างเดียว คืออยากให้ ลูกเป็นคนดีและมีความสุขก็พอ

แต่ในยุคสมัยนี้นิทานที่มีสาระเสริมเป็นปัญญาให้เยาวชนรู้ซึ้งถึงคุณค่าน้ำนมน้ำพักน้ำแรงของพ่อแม่ ที่ทุ่มเทให้ลูก พัฒนาตนเอง ไปเป็นคนดี มีอุดมการณ์ ในสังคมนั้น ถูกค่านิยมใหม่ ที่เน้นแต่ ความสะดวกสบาย เป็นเรื่องใหญ่ เข้ามาบดบังประเพณีศีลธรรม อันดีงามไปเสียหมด เยาวชนต่าง มองข้าม สิ่งดีงาม ที่เป็นเสาเข็มของชีวิต ไม่ต่างไปจากต้นไม้ที่ไร้รากแก้ว ที่พร้อมจะล้มลงได้ทุกเมื่อ ในยามลมซัด เยาวชนส่วนใหญ่ในยุคนี้ พากันหันหลังให้ห้องสมุด ที่เป็นแหล่งปัญญาของตน อย่างไม่ไยดี ไม่คิดสนุกกับการอ่านหนังสือแม้น้อยนิด แต่ไปปักใจจดจ่ออยู่กับแฟชั่นและดารา

นิยายชีวิตในยุคสมัยนี้จึงไม่ต่างจากนิทานชาดกในยุคเก่าก่อน เมื่อลูกๆ พาคู่ครองเข้ามาอยู่ในบ้าน แล้วจะถูก คู่ครองยุแหย่ ให้ขับไสไล่ส่ง ปู่ย่าตายาย ให้หอบข้าวของ ออกจากบ้าน ไปอยู่บ้านคนชรา

เมื่อความรักความผูกพันในครอบครัว กำลังจืดจางจากสำนึกของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ความรุนแรง เลวร้าย ก็จะเกิดเป็นภัย สู่มนุษย์ด้วยกันอย่างน่ากลัว

เพราะอะไรเยาวชนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยสนใจเรื่องศีลธรรม ทั้งที่ศีลธรรมจะทำให้มีความสุขทั้งกายและ จิตใจ เพราะจะทำให้เกิดปัญญา รู้บุญคุณ รู้รักรู้ให้ รู้ว่าความขี้เกียจ นั้นไม่ดี รู้ขยันทำงาน อย่างมีความสุข รู้ให้อภัยรู้อาศัยซึ่งกันและกัน พร้อมรู้ว่าโชคดีกว่าพวกสัตวโลกทั้งปวง ที่ได้เกิดมาเป็นคน

เพราะอะไรเหล่าเยาวชนจึงโหดเหี้ยมทำร้ายทำลายคนอื่นได้ลงคอ ทั้งที่คนบาดเจ็บล้มตายไปนั้นก็มีลูก มีพ่อแม่ พี่น้อง ที่ห่วงหา ร้องห่มร้องไห้ น้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด ด้วยความรักอาลัย

หลายคนคงตอบว่าก็เพราะเยาวชนเหล่านั้นเป็นชาวพุทธตามทะเบียนบ้านเท่านั้นแต่ไม่เคยสนใจ ศึกษา และ ปฏิบัติ ตามคำสอน ของพระบรมศาสดาเลย

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๔ มกราคม ๒๕๔๘ -