สึนามิ อนุสติวัฏสงสาร - วิมุตตินันทะ - นานมาแล้ว ที่เราเคยอยู่สบายตามธรรมชาติ โดยแทบจะไม่รู้จักพายุไต้ฝุ่น แผ่นดินไหวรุนแรง หรือ น้ำท่วมขนานใหญ่ จนผู้คนล้มตายเป็นเบือ เหมือนบ้านเมืองอื่นเช่นจีนแผ่นดินใหญ่ คราวนี้ ส่งท้ายปีลิง ๒๖ ธันวา สึนามิ คลื่นยักษ์มหาภัย ข้ามทะเลจากเกาะสุมาตรามาถึงฝั่ง อันดามัน เล่นเอา ๖ จังหวัดภาคใต้ พังพินาศเป็นแถบๆ เหตุแผลงฤทธิ์ของทะเลบ้าระห่ำ ทำให้ผู้คนแม้อยู่ไกลขวัญหายกระเจิดกระเจิงไปเยอะเลย ไม่ต้องพูด ถึงคนที่สูญเสียครอบครัว สมบัติบ้านเรือน จะขวัญหนีดีฝ่อขนาดไหน ผลงานของคลื่นสังหารกวาดล้างชีวิตและทุกสิ่ง จากต้นทางอินโดนีเซียอาละวาดกว้างไกล ข้ามฟาก ไปถึงฝั่งลังกาและอินเดีย ซึ่งล้วนแล้วแต่สาหัสสากรรจ์กว่าไทยเราเยอะนัก ภัยมหาโหดครั้งนี้ ทำให้คนไทยต้องสะดุ้งสะเทือนใจ อย่างไม่เคยมีมาก่อน สังเกตได้จาก ชายหาด ที่เคยคึกคักแน่นขนัด เช่น บางแสน หลังสึนามิ ผู้คนเงียบเหงา แม่ค้าหงอยซึมไปเลย เมื่อของ เหลือเพียบ ไม่รู้คนหายไปไหนหมด นั่นคงจะเป็นช่วงหลังเหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ เลยชะงักงันไปพักหนึ่ง นิสัยคนไทยลืมง่าย ผ่านไป ไม่นาน คงจะหันมาสนุกจนลืมตายกันใหม่อีก อย่างไรก็ดี กระแสนิยมชมชื่นทะเล ถึงขนาดต้องโลดแล่นไปถึงเกาะเพราะหลงใหล หาดทราย บริสุทธิ์ หรืออะไรก็ตาม ความคลั่งไคล้พวกนี้คงจะแผ่วลงไม่น้อยทีเดียว ส่วนตัวผู้เขียนจัดตัวเองเป็นพวกชนกลุ่มน้อย ที่ไม่ค่อยชอบทะเลเท่าไหร่ รู้สึกมันน่ากลัวยังไงพิกล คือไว้ใจไม่ได้ แม้จะบอกว่าอุตุนิยมเขารู้ล่วงหน้า จะไปเอาแน่อะไรล่ะนาย ดูอย่างสึนามิปะไร รู้เหตุเกิดก่อนหน้า ตั้งสองชั่วโมงแล้ว แต่เขานึกไม่ถึงว่ามันจะแรงถึงบ้านเรา... เลยไม่กล้าเตือน กลัวตกใจ! ยิ่งเป็นเกาะกลางทะเลด้วยแล้ว เป็นเกาะเล็กๆ หรือจิ๋วอีกต่างหาก วันร้ายคืนร้าย มันจมหาย ไปเลย จะว่ายังไง เที่ยวนี้ สึนามิกวาดจมทะเลไปกี่เกาะไม่ทราบ... ครับ เป็นอคติเฉพาะตัว ที่ชอบภูเขาป่าไม้ มากกว่าทะเลท้องน้ำ คงไม่ต้องหาเรื่องมาเถียงกัน ว่าชอบอันไหนจะวิเศษกว่า เพียงอยากจะมองว่า คลื่นยักษ์สึนามิ มันกวาดผู้คนและบ้านรถเรือโรงตามชายหาด จนราบ เป็นหน้ากลอง หรือรวมกองไว้ให้เห็นซากเพื่อปลงสังเวช ภัยพินาศมหาศาลที่เกิดขนาดดังที่เห็น เป็นผลพวงของอุตสาหกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นส่วนใหญ่ๆ ธรรมชาติท้องทะเล มีน้ำกับลมเป็นตัวหลัก ทั้งน้ำและลมไม่หยุดนิ่ง ตรงกันข้าม มันผันผวน แรงและไว เที่ยวทะเลจึงต้องเสี่ยงตายค่อนข้างมากกว่าเที่ยวป่าเขา ธรรมดาชีวิตคน ต้องมีท่องเที่ยวผ่อนคลายเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ตามกาลเทศะ นิสัยคนไทย ชอบเที่ยว ชีพจรลงเท้าเก่งอยู่แล้ว จะให้ดีจึงไม่น่าเที่ยวแค่สนุกเปล่าๆ ควรมีสาระเรียนรู้ เปิดหู เปิดตา หาบุญหากุศลบ้านไหนเมืองไหนเขามีอะไรน่ามาปรับวิถีชีวิตเราบ้าง เที่ยวอย่างสร้างสรร แลกเปลี่ยน วัฒนธรรม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มันก็เชิงหนึ่ง แต่ที่เที่ยวๆ กันทุกวันนี้ เป็นอย่างไร มันเป็นเหยื่อของธุรกิจเพื่อเม็ดเงินนายทุนทั้งสิ้น ปัญหา ยาเสพติด ตั้งแต่เฮโรอีน ปัญหาโสเภณีจากบริการอาบอบนวด จนกระทั่งโรคเอดส์ เป็นต้น การท่องเที่ยว อันไม่มีคุณภาพ เป็นเหตุสำคัญขยายวงจรอุบาทว์ดังกล่าว เพราะรัฐบาลมุ่งดูดเงินจากนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแหล่งฟันกำไรมหาศาล รัฐบาลจึงเท่ากับ เปิดทาง ให้มีการค้ากามเสรี หญิงไทยใครใคร่ขายตัว เชิญตามสถานบริการต่างๆ อาบอบนวด ที่ติดตลาด นักเที่ยวไทย แรกเริ่มก็เปิดเพื่อบริการทหารมะกันบ้ากามเป็นหลักใหญ่ แหล่งอบายมุข อย่างที่เห็น ในพัทยา คงยังไม่สะใจรัฐบาลไทยรักไทย จึงคิดอ่านจะผุดมหานรกกาสิโนสถาน ประมาณนั้น โดยพรางตาว่าเป็นแหล่งบันเทิงครบวงจร ก็ว่ากันไปตามวิสัยทัศน์ของพวกรักทุน มากกว่าพวกรักคน พัทยาคงจะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่รัฐบาลภูมิใจ ในฐานะที่เป็นบ่อดูดเงินดูดทองนักท่องเที่ยว ซึ่งจะทำเงินจีดีพี เป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า ไม่ทราบ และแม้จะเป็นสวรรค์ของนักเที่ยว ไทยเทศ ขนาดไหน ในฐานะชาวพุทธธรรมดา อยากจะมองว่า ไม่เห็นน่าเฉียดกรายไปชื่นชมด้วยตรงไหนเลย มันห่างไกล จากวิถีท่องเที่ยวเชิงสร้างสรร ยิ่งชอบสมถะ รักธรรมชาติสงบเงียบ คงจะเห็นทุกข์ เมื่ออยู่ท่ามกลาง แสงสีเสียงบันเทิงอบายมุขเช่นนั้น จะบอกว่านานาจิตตัง ก็แล้วแต่ ยิ่งเมืองไทย ชวนใครมาเที่ยวทำไมนักดีไม่ดี โดนข่มขืนฆ่าไม่รู้เท่าไหร่แล้ว สงสารต่างชาติบ้าง ลองกวาดบ้านให้สะอาดปลอดอบายมุข ไร้อาชญากรรม ไม่ต้องชวนใคร ขี้คร้านจะแห่กันมาตรึม แม้กระทั่งภูเก็ต อันขึ้นชื่อระดับโลก ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญมากมาย คลื่นสึนามิ ที่มาทำให้ ท่องเที่ยวต้องหัวหดไปพักใหญ่ รัฐบาลคงจะเดือดร้อนใจเป็นอันมาก ต้องพลิกฟื้นให้เป็นแหล่ง ดูดเงิน ชั้นหนึ่งต่อไป ได้ยินมาว่า เศรษฐกิจภูเก็ตดีมาก ค่าโรงแรมค่าครองชีพที่นั่นแพงหูดับ คนไทยธรรมดาๆ ไม่มีปัญญา ไปเที่ยวได้ง่ายเลย มันคงเหมาะไว้หลอกเงินเอาต่างชาติเป็นเหยื่อเท่านั้นเองกระมัง แหล่งท่องเที่ยวอันน่าจะดึงดูดความนิยมได้ดี นอกจากธรรมชาติดินน้ำฟ้าภูเขาแมกไม้อะไรต่างๆ แล้ว โบราณสถานวัฒนธรรมชุมชนก็เป็นที่น่าเที่ยวสำคัญ ฉะนั้น การใช้แหล่งอบายมุขนานา ล่อใจนักท่องเที่ยว ยิ่งนำพานักเที่ยวชั้นเลวเข้ามาป่วน แพร่เชื้อ ชั่วร้ายในสังคมไทย ดังที่เกิดปัญหาหายธรรมตะวันตกพาเด็กไทยเสียคนไปตามๆกัน คงจะยังอีก นานไกล กว่าเราจะรู้ตัวว่ามันควรคัดกรองนักท่องเที่ยวต่างชาติขนาดไหนบ้าง... รวมความแล้วสึนามิ กลายเป็นเหตุการณ์มหาวิปโยค แม้จะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หนีไม่พ้น ห้ามกันไม่ได้ เป็นเหตุสุดวิสัยยังไงเสีย ธรรมชาติดินน้ำลมไฟย่อมเป็นใหญ่ในโลก เทคนิก วิทยาศาสตร์ ถึงจะก้าวล้ำยุคออกไปต่างดาว แต่มนุษย์จะอยู่หยิ่งผยองเพื่อเอาชนะธรรมชาติ ตะพึดตะพือ ก็คงอวดเก่ง ไปไม่ได้ถึงไหนดอก นอกจากเอาชนะกิเลสตัณหา จนกระทั่ง หักวงล้อ แห่งการเวียนว่าย ตายเกิดในวัฏสงสารนี้ให้จงได้ นั่นแหละถึงจะวิเศษสุด เป็นผู้ชนะธรรมชาติ ได้แท้จริงอย่างยั่งยืน ชั่วนิรันดร คงจะต้องขอบคุณสึนามิ หากช่วยให้มนุษย์รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เคารพรักทั้งคน และธรรมชาติ แวดล้อม (คารโว นิวาโต) โดยเฉพาะอย่าไปโทษเทวดาหรือฟ้าดินธรรมชาติว่าโหดร้าย เราเองต่างหากที่ควรเบียดเบียนกัน ให้น้อยลงๆ ลดการเอาเปรียบเหยียบย่ำทำลายธรรมชาติดินน้ำฟ้า (อหิงสา) แผ่นดินโลก ก็จะไม่ป่วย พิกลพิการ ดังที่เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์มหาภัย ภัยธรรมชาติสึนามิ มันก็เหมือนสังขารคน ต้องเกิดแก่เจ็บตาย สังขารโลกเหมือนกับสังขารเรา เช่นกัน ถึงคราวต้องเจ็บต้องตาย เราต้องเรียนรู้การอยู่เหนือภัยธรรมชาติเหล่านี้ ไม่ต้องไปเต้น ตามคลื่น ตื่นตามลม โดยธรรมะสอนความจริง เปิดเผยชี้นำให้เราพิสูจน์ไปตามลำดับ จนกระทั่ง ปลดปล่อย ปลงวางได้ แม้ไม่เชื่อ อย่าเพิ่งลบหลู่ (อโหสิ) อนึ่ง แผ่นดินโลกนี้ ช่างกว้างใหญ่ไพศาล แบ่งปันกันอยู่ให้พอเหมาะ แต่ละตระกูลไม่กินแดน เขมือบประเทศ ไว้มากเกินตัว แต่ละคนไม่ไปออกลูกออกหลานให้มันแย่งกันกินแย่งกันอยู่เพิ่มขึ้น โลกนี้ย่อมมีที่อยู่ให้ทุกคนพออาศัยได้สบาย ไม่ต้องกระเด็นกระดอนไปอยู่ในที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ให้ภูเขาไฟระเบิดท่วมตายหรือ ไปอยู่ทำไมเกาะเล็กๆ โดดเดี่ยวกลางทะเล มันน่าจะไว้ส่งนักโทษ ไปปล่อยเกาะ จะดีกว่าไหม ยิ่งไปเที่ยวในถิ่นเสี่ยงภัยอันตรายใต้น้ำหรือบนบก ถือว่าประมาท เห็นแก่สนุกเกินเหตุ โทษฐานอโคจร คนถ้าไม่ติดเที่ยวจนเกินไป จะไปเที่ยวติดใจคลั่งไคล้ธรรมชาติอะไรกันนักกันหนา ที่ไหนๆ มันก็ไม่พ้น ดินน้ำฟ้า แผ่นดินผืนน้ำท้องฟ้า มันไม่ค่อยแตกต่างกันสักเท่าไหร่ อุตส่าห์ไปชมชื่น ที่นั่นที่นี่ ถ้าไม่ไป ถ่ายรูปไว้บ้าง มันจะติดหูติดตาถึงไหนก็เปล่า กลับมาไม่ช้าก็ลืมเลือน เที่ยวพอ หอมปากหอมคอ นานทีปีหน ไม่ใช่เที่ยวเล่นๆ เป็นอาชีพ ดังนั้น ไม่ว่าจะอยู่จะเที่ยวที่ไหน ต้องเลือกเฟ้นให้พอเหมาะอาศัยปลอดภัยทั้งกายและใจ เป็นสังคม สิ่งแวดล้อมดี เป็นชุมชนอันมีมิตรดีสหายดี เป็นสำคัญ (ปฏิรูปเทสวาโส การอยู่ใน ประเทศอันสมควร) ชีวิตเมื่อมีแหล่งหลักปักฐานแล้ว บทบาทการใช้ชีวิตทำงาน ก็ต้องคำนึงถึงบุญบาปวันๆ คืนๆ คงต้อง คิดกันหน่อยว่าได้สั่งสมบาปอะไรๆ ไว้บ้าง จะลดละตัดทอนบาปเวร อย่างไรดี ถึงจะมีแต่ การสั่งสมบุญ เป็นทุนทางจิตวิญญาณ การสั่งสมบุญไว้ในปางก่อน (ปุพเพ กต ปุญญตา) คืออดีต นับแต่วันก่อนปีก่อน ย้อนไปถึงชาติก่อน แม้จำไม่ได้ แต่ถ้าทำไว้ ย่อมเป็นบุญกรรม ติดมาถึงปัจจุบัน และอนาคต เคราะห์ร้ายจากสึนามิ เป็นเรื่องที่ต้องเห็นใจผู้รับเคราะห์กรรม โดยเฉพาะผู้คนที่โดนคลื่นซัด ตายกลาดเกลื่อน เหมือนปลาตายเป็นแพ จนคนหัวหด ไม่กล้ากินปลา เล่นเอาปลาขายไม่ค่อยออก ในหลักชาวพุทธ ถ้าเชื่อกฎแห่งกรรรม ทำดีเป็นดี ทำชั่วเป็นชั่ว ถึงเราจะไม่รู้วิบากกรรมในอดีต ไปทำอะไรมาบ้าง แต่การทำปาณาติบาต จะเป็นเหตุให้อายุสั้นและอาพาธมาก นอกจากนี้ ชีวิตใครจะเป็นไปอย่างใด ขึ้นอยู่กับว่าเราจะจัดการกับตัวเองอย่างไรดีในปัจจุบัน จะทำตัวเองให้สูงขึ้นหรือต่ำลง อ่อนแอหรือเข้มแข็ง จะอยู่ทางพระหรือใฝ่พรรคมาร เรามีสิทธิ์ เลือกเองทั้งนั้น หัดอย่างไรย่อมเป็นอย่างนั้น ท่านจึงสอนให้ตั้งตนในทางสัมมา (อัตตสัมมาปณิธิ) ด้วยเงื่อนไขของชีวิตที่เลือกอยู่ในถิ่นฐานอันสมควร พร้อมทั้งสั่งสมบุญเป็นทุนไว้เนืองนิจ ตลอดการตั้งตนไว้ถูกธรรม จะเป็นหลักประกันสำคัญของมงคลชีวิตอันสูงสุด สรุปแล้ว คลื่นมหาภัยสึนามิ ผ่านมาแล้วให้ประสบการณ์อกสั่นขวัญแขวน อะไรจะเกิดมาอีก โหดร้ายกว่าเก่ารึเปล่า เราไม่ทราบได้ ยิ่งเป็นเหตุสุดวิสัยภัยธรรมชาติฟ้าดิน เราคงไปห้ามกั้น ไม่ไหว ทางที่ดี เตรียมพร้อมไม่ประมาททุกวันคืน ทั้งพระหรือฆราวาส ทั้งหญิงชาย ท่านสอน ให้หมั่น พิจารณาเนืองๆ เขียนแปะฝาไว้อ่านตำตาเลยยิ่งดีในข้อควรรู้ทันธรรมดาธรรมชาติทั้ง ๕ (แม้จะรู้ทันทักษิณ ก็ยังไม่พอ) ๑.ชราธัมมตา เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ ๒.พยาธิธัมมตา เรามีความเจ็บป่วยเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บป่วยไปได้ ๓.มรณธัมมตา เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ ๔.ปิยวินาภาวตา เราจักต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจไปทั้งหมดทั้งสิ้น ๕.กัมมัสสกตา เรามีกรรมเป็นของตน (ทรัพย์แท้) เรามีกรรมเป็นกำเนิด เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เรามีกรรมเป็นที่พึ่งที่อาศัย เราทำกรรมใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักต้องเป็นทายาท รับผล ของกรรมนั้น เราท่านที่ยังเมามันหัวหกก้นขวิดอะไรๆ อยู่ คงเป็นเพราะลืมตายลืมตัวมัวเมาในชีวิต หากได้เป็นทุกข์ เห็นภัยในวัฏสงสาร มีอภิณหปัจจเวกขณ์ ทั้ง ๕ ดังกล่าว เพื่อเจริญอนุสติ เป็นต้น ชีวิตมีหวัง ละบาป บำเพ็ญบุญ ...นิพพาน ปัจจโย โหตุ - เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๕ เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ - |