- ฟอด เทพสุรินทร์ -


ทางสายนี้แม่ให้มา

ข้างบ้านของผู้ใหญ่น้อย กลุ่มแม่บ้าน บ้าน ๕-๖ คนกำลังช่วยกันทำขนมหลายชนิดส่งร้านค้าในเมือง ตามโครงการ หนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล

ตอนใกล้เที่ยง ป้าสุดา วัยหกสิบ แต่ดูยังกระฉับกระเฉง เดินหิ้วตะกร้าขายอาหารหวานคาว เหมือนทุกวัน วันนี้ป้าสุดาซื้อเส้นขนมจีนมาหลายกิโล แล้วทำน้ำยาใส่ถุงแยกไว้เป็นชุดๆ ขายชุดละ ๑๐ บาท จุดหนึ่งที่ป้าสุดาแวะเวียนมาขายเป็นประจำคือบ้านผู้ใหญ่น้อย "ขนมจีนน้ำยาอร่อยๆ จ้า" ป้าสุดา วางตะกร้าลงบนม้ายาวพร้อมนั่งพักรอพวกแม่บ้านพักมือจากทำขนม เมียผู้ใหญ่น้อย ประเดิม ซื้อไว้ ๒ ถุง "เมื่อวานนี้แกงหน่อไม้อร่อยจัง เมื่อไหร่จะแกงมาขายอีกล่ะป้า"

"เอาไว้อีกสัก ๒-๓ วันนะ ช่วงนี้หน้าแล้งหน่อไม้หาซื้อยาก ไม่เหมือนหน้าฝน"

"ป้านี่จะหาเงินไปถึงไหน ลูกเต้าก็ทำงานทำการมีเงินเดือนกันทุกคนแล้ว" เมียผู้ใหญ่ชื่นชมความขยัน ขันแข็ง ของป้าสุดา

"อยู่ว่างๆ ก็ทำไปวันๆ ได้กำไรพอได้ใช้สอยวันละไม่กี่บาทหรอก จะได้ไม่ต้องรบกวนลูก เขาทำมาหาได้ จะได้เก็บออมไว้ตั้งเนื้อตั้งตัว" ป้าสุดาแจกแจงตามประสาคนรู้โลกมีประสบการณ์ชีวิต

เมียผู้ใหญ่น้อยอดคิดไม่ได้ "ที่จริงอย่างป้านี่นะส่งไปประกวดแม่ตัวอย่างได้เลย เพราะแม้ไม่มี เงินเดือน แต่ก็ส่งลูก เรียนจบพยาบาลทำงานมีเงินเดือนได้ตั้งสองคน ถามหน่อยเถอะป้า หาเงินส่งลูกเรียนได้ไง"

ป้าสุดานั่งนิ่งสักอึดใจแล้วจึงค่อยระบายความหลัง "พ่อบ้านของป้าเจ็บป่วยตายจากไป ตั้งแต่ ลูกคนแรก อายุได้ ๕ ขวบ คนเล็กเพิ่ง ๓ ขวบ ป้าต้องทำนาคนเดียว หน้านาก็เอาลูกไปฝากไว้ที่บ้าน ปู่ย่าให้ป้าหญิงพี่สาวของพ่อบ้านช่วยดูให้ ตัวเองสู้ทนตรากตรำหนักเอาเบาสู้ไถคราด ขุดคันนา หว่าน ถอนกล้า ปักดำ เก็บเกี่ยว นวดข้าวและเก็บขึ้นยุ้งฉางเสร็จด้วยตัวคนเดียว สมัยนั้น อาหารการกิน อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีกุ้งหอยปูปลากบเขียด ในนามีข้าว ผักหญ้าสารพัด ไม่ต้องซื้อหา ยามว่าง ก็ทำสวน ปลูกผักฟักแฟงแตงถั่ว กินบ้างขายบ้าง ทำขนมขาย ทอผ้าห่มผ้าถุงมัดหมี่ขายด้วย ไม่ได้ว่างมือหรอก

"ในที่นาของป้ามีต้นไม้สาด ไม้กุง ไม้ประดู่ ไม้แดงอยู่หลายต้น พอมีเงินก็จ้างชาวบ้านตัดลงมาเลื่อย ทำไม้ปลูกบ้าน ใต้ถุนสูงหลังเล็กๆ พอได้อยู่อาศัย ค่อยๆ ต่อเติมปีละเล็กละน้อย กว่าจะเสร็จก็นานถึง ๖ ปีกว่า

"พอลูกๆ โตขึ้น อายุได้ ๘-๙ ขวบ ก็ช่วยทำงานได้บ้าง ป้าโชคดีที่ลูกๆ ขยันกันทุกคน ไม่ว่างานหนัก งานเบา ไม่เคยบ่น ช่วยแม่ทำงานไม่เลือก กินอยู่ง่ายไม่เรียกร้องอะไร เสื้อผ้าชุดนักเรียนเก่าขาด ปะชุน อย่างไรก็ไม่ว่า ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมจะเอาอย่างลูกคนมีเงิน ป้าอดภูมิใจไม่ได้ที่ลูกๆ ไม่ทำให้หนักอก หนักใจ เป็นบุญของเราแท้ๆ"

แม่บ้านคนอื่นๆ ที่มาซื้อขนมจีนพากันนั่งฟังด้วยความสนใจ เมียผู้ใหญ่น้อยก็อดซักถามไม่ได้ เพราะ ลูกตัวเองกำลังอยู่ในวัยเรียนชั้นประถมพอดี

"ป้าเลี้ยงลูกแบบไหนล่ะ ลูกๆ ถึงได้เชื่อฟัง เอาใจใส่การเรียน ขยันขันแข็งทำงานช่วยแม่ ไม่เที่ยวเตร่ เกเร เหมือนเพื่อนๆ บางคน"

"ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แม่ของป้าชอบเข้าวัดปฏิบัติธรรมฟังพระเทศน์สอนทุกวันพระ สมัยเป็นเด็ก ก็ตามแม่ ไปวัดบ้าง แม่เอาเรื่องฟังเทศน์ฟังธรรมมาเล่าให้ฟังบ้าง ป้าจึงพอรู้เรื่องธรรมคำสอน ในศาสนาบ้าง ที่สำคัญคือรู้เรื่องกรรมที่เราทำ ผลของกรรมที่เราจะต้องได้รับเป็นของเรา อย่างหลีก เลี่ยงไม่ได้ เชื่อว่าคนเราตายแล้วยังจะต้องเกิดอีกและเป็นไปตามกรรมเก่าที่ทำไว้ กรรมเก่าดี ก็ส่งผล ให้เกิดดี ป้าพร่ำสอนลูกเรื่องนี้อยู่เสมอ และยกตัวอย่างให้เห็นคนพิกลพิการว่าเขาก็เกิดมา ใช้กรรมเก่า เหมือนกัน แม้วัวควายก็เหมือนกัน ต้องถูกแทงจมูกสนตะพาย ถูกเฆี่ยนตีบังคับให้ทำงาน ได้รับความเจ็บปวด เหนื่อยหนักตลอดชีวิต

"ป้าคิดว่าวิชาการความรู้ลูกจะได้รับจากโรงเรียน ส่วนวิชาพื้นฐานและการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ตามทำนอง คลองธรรมนั้นได้จากทางบ้านทางวัด ป้าพยายามถ่ายทอดเรื่องเหล่านี้ ให้ซึมซับ ตามโอกาส ที่ลูกช่วยทำงาน หรือยามกินข้าวด้วยกัน ทั้งจะหาแบบอย่างคนดีมาสอนลูกด้วย

"ป้าจะย้ำสอนลูกว่าทางสายที่แม่พาทำคือเส้นทางที่จะเดินไปสู่ความร่มเย็นเป็นสุขในอนาคต ไม่เป็นอื่น ไปได้ ส่วนเส้นทางที่หัวหน้าครอบครัวหลงไปไปกินเหล้าเมายา เจ้าชู้ เล่นการพนัน เที่ยวกลางคืน เกียจคร้าน ปลิ้นปล้อนเขากินนั้น ก็มีแต่จะล่มจมทั้งในปัจจุบันและอนาคต จะยกตัวอย่าง ครอบครัวแบบนี้ในหมู่บ้านเดียวกันและหมู่บ้านอื่น หรือตามข่าวทีวี หนังสือพิมพ์ ยืนยัน ให้เห็นชัดขึ้น

"ทุกวันนี้หวยบนดินเต็มบ้านเต็มเมือง ฉันจะสอนลูกอย่างไรล่ะป้า" เมียผู้ใหญ่น้อยรู้สึกจนแต้ม กับปัญหาสังคม ที่ล้มเหลว

"คนในหมู่บ้านของเราจะแบ่งเป็น ๔ กลุ่ม กลุ่มแรก พวกก่อหนี้จนล้นพ้นตัว ก็จะหลงทุ่มซื้อหวยหนัก หวังรวยเอามาใช้หนี้สิน กลุ่มสอง พวกหวังได้เงินรางวัลมาใช้สอยกินเที่ยวสนุกสนาน ซื้อของใช้สอย ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยไม่จำเป็น เช่น ซื้อรถ โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ เสื้อผ้า กลุ่มสาม พวกร่ำรวย ชอบซื้อหวยเล่นเป็นเกมสนุก คนพวกนี้ชอบโกงกินเอารัดเอาเปรียบคนอื่น กลุ่มสี่ กลุ่มนี้ไม่ซื้อหวย และไม่เล่น การพนัน คนกลุ่มนี้หากมีมากสังคมจะเจริญและอยู่กันร่มเย็นเป็นสุข พออยู่พอกิน ไม่เบียดเบียนกัน

"เราจะไปแก้ไขสังคมส่วนใหญ่ไม่ได้หรอก ต้องแก้ที่ตัวเองนี่แหละ แก้ที่คนใกล้ชิดเรา ที่ครอบครัว ของเรา ถ้าทำอย่างนี้แล้วมันจะเกิดเป็นหมู่เป็นมวล เกิดพลังยึดเหนี่ยวรั้งสังคมส่วนใหญ่ได้ในที่สุด"

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๕ เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ -