ชีวิตไร้สารพิษ
- ล้อเกวียน - "สุขภาพดีต้องการทั้งความคิดและการกระทำที่ถูกต้อง" มีเหตุปัจจัยหลายอย่างในวิถีชีวิตสมัยใหม่ที่ทำให้สุขภาพเราเสื่อมโทรมลง ไม่ว่าเราจะตั้งใจเกี่ยวข้องกับปัจจัยเหล่านั้นหรือไม่ก็ตาม เช่น ๑. อาหารขยะ อาหารจานด่วน เบเกอรี่ ขนมอบ ขนมหวาน น้ำอัดลม เหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ นอกจาก จะให้แคลอรี ล้นเหลือเกินความจำเป็นแล้ว ความหวานอันเกิดจากน้ำตาลทรายขาว ในอาหารเหล่านี้ ยังบ่อนทำลาย ร่างกายด้วย เพราะร่างกายต้องดึงแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบีรวม มาช่วยย่อย น้ำตาลทรายขาว นานเข้าก็เกิดภาวะ กระดูกพรุน ฟันผุ ฯลฯ เรียกได้ว่าให้ทั้งสิ่งเลวร้ายแก่ร่างกาย และดึงเอาส่วนดีที่มีอยู่ ไปเสียด้วย พลังงานที่ได้จากอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ คือพลังงาน จอมปลอม เพราะร่างกาย ไม่ได้รับสารอาหาร ที่เป็นประโยชน์ใดๆ เลย เหตุใดคนกรุงเทพฯ ที่มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ล้นเหลือ จึงเจ็บป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ ฯลฯ โรคเหล่านี้ไม่ค่อยเกิดกับคนชนบท ทั้งที่คนเหล่านั้นไม่ได้กินอาหาร ตามตาราง แคลอรี ที่หมอกำหนด ไม่ได้กินอาหารราคาแพง ในร้านอาหารหรูหรา คนชนบทส่วนใหญ่ กินแต่ อาหารที่มีตามท้องถิ่น กลับมีสุขภาพ ดีกว่า นั่นเป็นเพราะคนชนบทกินอาหารในฐานะ เป็นปัจจัย พื้นฐานของชีวิต แต่คนกรุงเทพฯ หรือคนเมือง มีวัฒนธรรมการกินที่แปลกแยกไป อาหารไม่ได้เป็น เพียงสิ่งยังชีพ แต่กินอาหารเพราะเหตุผลอื่นๆ เช่น กินตาม กระแสนิยม กินเพื่อสนองความอยาก และการติดในรสอาหาร กินเพื่อสร้างภาพพจน์และอัตลักษณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ ด้วยวิถีชีวิตที่วุ่นวาย จึงไม่มีเวลากับเรื่องอาหารการกิน ต้องอาศัยอาหารสำเร็จรูป อาหารจานด่วน ซึ่งล้วนแต่มีสาร ปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แม้มีเงินซื้ออาหารกิน ก็ไม่ได้หมายความว่า สามารถซื้อ สุขภาพดีได้ ๒.สารเคมี สารปนเปื้อน ยาฆ่าแมลง ภาชนะใส่อาหารต่างๆ เช่น พลาสติก อะลูมิเนียม ต่างมีผลต่อร่างกายของเราทั้งสิ้น เพราะภาชนะ เหล่านี้สามารถก่อให้เกิดสารปนเปื้อนในอาหาร พลาสติกทุกชนิดเป็นอันตราย แม้จะเป็นพลาสติก ใสไร้สีก็ใช่ว่าจะปลอดภัย แม้จะไม่ได้ใส่ของร้อนโดยตรง แต่อุณหภูมิหรือแสงแดด ก็เพียงพอ ที่จะทำให้สารละลาย จากพลาสติกออกมาปนเปื้อนกับอาหาร แล้วส่งผลให้เกิดโรค (สารไดอ๊อกซิน ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น โดยเฉพาะจากถุงก๊อบแก๊บไม่ควรใส่ของร้อน และสารตะกั่วจากหมึกพิมพ์ ของกระดาษ หนังสือพิมพ์) เมื่อใช้กระทะอะลูมิเนียมไปสัก ๑ ปี กระทะจะบางกร่อน ส่วนที่หายไปนั้น ได้ผสมไปกับอาหารที่เรากินเรียบร้อยแล้วอะลูมิเนียมทำให้เกิดโรคสมองฝ่อ ไขข้ออักเสบ อัลไซเมอร์ ภาชนะที่ใช้ในการปรุงอาหารดีที่สุดคือ หม้อดิน รองลงมาคือหม้อทองเหลือง แต่ถ้าให้ปลอดภัยที่สุด คือไม่ต้องปรุงอาหารเลย กินผลไม้หรือผักสดในปริมาณที่สมดุล ก็เพียงพอต่อความต้องการ ของร่างกายแล้ว นอกจากนี้ ยังมีสารเคมีอีกมากมายที่เรารับเข้าสู่ร่างกายจากข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ นับตั้งแต่ตื่นจนกระทั่งเข้านอน เริ่มตั้งแต่ ยาสีฟัน (ผสมสารเคมีย่างน้อยๆ ๒๐ กว่าชนิด) สบู่ โลชั่น เครื่องสำอาง ฯลฯ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ล้วนมีส่วนประกอบของสารเคมีซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย เมื่อเข้าสู่กระบวนการเยียวยาของธรรมชาติบำบัดต้องหยุดใช้สารเคมีเหล่านี้ แล้วหันมาใช้เครื่องมือ จากธรรมชาติแทน เพราะร่างกายของมนุษย์กำเนิดจากธรรมชาติ เราจึงควรใช้แต่สิ่งที่มาจากธรรมชาติ และผ่านกระบวนการผลิตให้น้อยที่สุด ๓. วิถีชีวิตในวัฒนธรรมสมัยใหม่ นอกจากนี้ลักษณะการนั่งปรุงอาหารในครัวก็เปลี่ยนไป ปู่ย่าตายายของเรานั่งปรุงอาหาร หน้าเตาไฟ บนพื้นครัวในแบบดั้งเดิม การนั่งชันเข่า ขาจะช่วยป้องกันความร้อนจากเตา ไม่ให้พุ่งเข้ามาถึงช่วงท้อง ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ ปัจจุบันเรายืนทำกับข้าวหน้าเตาไฟ ความร้อนจะพุ่งมาที่ช่วงท้อง ซึ่งเป็นอวัยวะ สำคัญที่สุดของผู้หญิง เตาสมัยใหม่ยกสูงขึ้นทำให้ต้องยืนทำครัว หากปรุงอาหารควรให้ตัวอยู่ห่าง จากเตา ให้มากที่สุด หรือหาอะไรพันรอบหน้าท้องเพื่อป้องกันความร้อน วิธีการเก็บรักษาอาหารในปัจจุบัน ก็เป็นเหตุให้เกิดปัญหาสุขภาพไม่น้อย ดังเช่น ห้องเก็บศพ ของโรงพยาบาล หากลองเอาไข่วางไว้ในห้องน้ำ แน่นอนว่าไข่นั้นไม่สามารถฟักออกมาเป็นลูกไก่ได้เลย และหากลองเอาแก้วน้ำมะพร้าวไปวางไว้ ภายใน ๑ ชั่วโมงความหวานตามธรรมชาติ ของน้ำมะพร้าว จะหายไป ทั้งนี้เพราะสารทำความเย็นในห้องเก็บศพสร้างมลพิษขึ้นในห้อง ฉันใดก็ฉันนั้น ตู้เย็นที่อยู่ ในบ้านเราเองก็ไม่ต่างกัน สาร CFCs (สาร CFCs (Chlorofluorocaarbon) คือ สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน ก๊าซที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องเย็นเพื่อใช้ทำความเย็น เชื่อว่าสารดังกล่าวเมื่อระเหยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ เป็นตัวการทำลายบรรยากาศชั้นโอโซน(Ozone) ของโลก) จากตู้เย็นที่ไปทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศนั้น ก็สามารถทำลายอากาศในบ้านเรา รวมทั้งสารอาหารที่เก็บไว้ในตู้เย็นด้วยเช่นกัน เราควรหลีกเลี่ยง การเก็บอาหารไว้ในตู้เย็น เพราะคุณค่าทางสารอาหาร พลังชีวิต และรสตามธรรมชาติ ของอาหาร จะถูกทำลาย อาจเก็บผักไว้ได้บ้างเพื่อช่วยให้เก็บได้นานขึ้น แต่ผลไม้ควรวางไว้ข้างนอก อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดล้วนเป็นอันตราย เพราะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ส่งผลกระทบ ต่อการทำงาน ของเซลล์ระบบประสาทและสมองของมนุษย์ เราจึงไม่ควรให้ศีรษะอยู่ใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้าใดๆ เช่น การติดโคมไฟข้างเตียง การใช้โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์นานเกินไปก็มีผลต่อสมอง ควรใช้ ให้น้อยที่สุด วิถีชีวิตที่เร่งรีบทำให้ระบบความเป็นอยู่ต้องเปลี่ยนแปลง กว่าจะเลิกงาน กว่าจะนั่งรถถึงบ้าน ไหนจะต้อง ดูโทรทัศน์ กว่าจะได้เข้านอนก็เลยเวลาเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ซึ่งการนอนดึกขนาดนี้ (หลังเที่ยงคืนแล้ว) ไม่ว่าจะนอนนานแค่ไหนก็ไม่สามารถชดเชยให้เต็มอิ่มได้ เพราะฮอร์โมน ที่ช่วยในการเจริญเติบโต (Growth Hormone) และสารที่จำเป็นต่างๆ ในการฟื้นฟูซ่อมแซม ร่างกายนั้นจะหลั่งในช่วง ๔ ทุ่มถึงเที่ยงคืน เพราะฉะนั้นหากต้องการมีสุขภาพดี ควรเข้านอนก่อน ๔ ทุ่ม กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ยากจนและขาดแคลนที่สุด ในปัจจัยที่จำเป็นต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ที่เหมาะสม ต่อการดำรงชีวิต แม้มีเงินเป็นพันล้านก็ไม่มีแม้แต่อากาศบริสุทธิ์หายใจ พื้นที่คับแคบ ผู้คนเบียดเสียด ถนนคลาคล่ำไปด้วยรถยนต์ ตึกรามบ้านช่องแออัด แม้สังคมเมือง จะมีความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยีก็จริง แต่ยังยากจนทางจิตวิญญาณ ในขณะที่หมู่บ้านในชนบทมีพื้นที่กว้างขวาง ผู้คนเอาใจใส่เอื้อเฟื้อ อากาศบริสุทธิ์ มีมากมาย ไม่ต้องเคร่งเครียดแข่งขันกันสูง การดำรงชีวิต อยู่ในกระแสของวิถีสมัยใหม่ ทำให้สมองของเราได้รับแต่มะเร็งทางสังคม การปลูกฝัง การถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาให้กับคนรุ่นใหม่ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นบุคคล ที่ยิ่งใหญ่ เราควรให้ความเคารพคนเฒ่าคนแก่ เรียนรู้การใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างบรรพบุรุษ
หาโอกาสสัมผัส กับธรรมชาติ หลีกหนีจากความวุ่นวายบ้าง เพื่อเป็นหนทางสู่การมีสุขภาพที่ดี (*** ข้อมูลจากหนังสือ ธรรมชาติบำบัด ศิลปะการเยียวยาร่างกายและจิตใจเพื่อสมดุลของชีวิต) - เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๖ เดือน มีนาคม ๒๕๔๘ - |