คุยนิดคิดหน่อย - บรรณาธิการ -


การสัประยุทธ์ในสมรภูมิประชาธิปไตยสิ้นสุดแล้ว หลังจากฟาดฟันกันดุเดือดเลือดพล่าน ทั้งบนดิน ใต้ดิน ผลัดกันรุก ผลัดกันรับหลายกระบวนท่า แต่ในที่สุดพรรครองพรรคเล็ก ก็มิอาจทานพลัง ประชานิยมเบ็ดเสร็จ ของพรรคใหญ่ได้

ต้องยอมรับโดยดุษณีว่า ผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งกำหนดชะตากรรมของตนและของแผ่นดินไว้อย่างนี้ ส่วนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่นอนหลับทับสิทธิ์ อย่าสะเออะมาโวยวาย นอนหลับไม่รู้ตื่นต่อไปเถิด

นับแต่นี้ไปอีก ๔ ปี ฝ่ายอัปราชัยต้องทำใจยอมจำนนอยู่ในอาณัติของรัฐบาลพรรคเดียว ที่มีเสียง ข้างมากเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แม้อำนาจตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญโดยสภาผู้แทนราษฎร ไม่ถึงกับ เป็นอัมพาต แต่ก็เดี้ยงเข้าขั้นเป็นอัมพฤกษ์ทีเดียวละ

สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วย ส.ส. แบบเขตเลือกตั้ง ๔๐๐ แบบบัญชีรายชื่ออีก ๑๐๐ รวมเป็น ๕๐๐

การขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายก-รัฐมนตรี ต้องใช้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๕ (มาตรา ๑๘๕)

การขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต้องใช้ ส.ส. ไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๕ (มาตรา ๑๘๖)

การขอให้วุฒิสภาถอดถอนนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ฯลฯ ต้องใช้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔ (มาตรา ๓๐๔)

ฝ่ายที่กุมเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภา ตีฝีปากอ้างความชอบธรรมว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เจ้าของอำนาจ อธิปไตยตัวจริงเสียงจริง ไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ คน ยังสามารถควบคุม ตรวจสอบรัฐบาลได้ เช่น ขอให้วุฒิสภา ถอดถอนนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ฯลฯ (มาตรา ๓๐๔)

พูดง่ายแต่มันทำได้ยาก ยากยิ่งกว่าขี้เมาสนด้ายเข้ารูเข็มเสียอีก คิดเอาเองเถอะ แค่ขี้เมาจะเดิน ให้ตรงทาง ก็ยากนักแล้ว ให้สนด้ายเข้ารูเข็มจะขนาดไหน

เมื่อวิถีชีวิตชะตากรรมของบ้านเมืองต้องเป็นไปอย่างนี้แล้ว ก็มีแต่จะต้องวางใจ ทุกฝ่าย ทุกคนช่วยกัน ระแวดระวัง ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น

แม้บ้านเมืองไม่ใช่ของเราคนเดียว แต่ใช่ว่าจะเป็นของใครคนเดียวหรือพวกเดียว

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๖ เดือน มีนาคม ๒๕๔๘ -