- ฟอด เทพสุรินทร์ -


เข้าวัด ดีกว่า เข้าคุก

ร้านลาบก้อยข้าวเหนียวส้มตำปากซอย เป็นอีกร้านหนึ่งที่ลูกค้าชาวอีสานที่มาทำงานในเมืองกรุง จะแวะเวียน พากันมาอุดหนุนแต่เช้าตลอดเย็น

ผมกับไอ้ปื๊ดรับเงินเดือนค่าแรงจากโรงงาน แล้วชวนกันมาสั่งลาบก้อยข้าวเหนียวพร้อมเหล้าขาว เรานั่งอยู่ ทางหน้าร้าน มองเข้าไปในร้านเห็นหนุ่มอีกโรงงานหนึ่ง กำลังนั่งกินเหล้าอยู่หกคน

เวลาผ่านไปไม่นานหน้าผมเริ่มมึนชาจากฤทธิ์เหล้าขาวสามสี่แก้วที่ผมดื่มเข้าไป ความรู้สึกฮึกเหิม เริ่มเข้ามา สิงดวงใจ ผมกับไอ้ปื๊ดเริ่มพูดคุยมีรสชาติสนุกไปทุกเรื่อง

สาวสวยลูกจ้างวัยรุ่นในร้านยกกับแกล้ม มาเสิร์ฟตามโต๊ะ แต่ว่าเธอจะแวะมานั่งพูดคุยที่โต๊ะของผมบ่อย อาจเพราะความคุ้นเคยเพราะผมมากินอาหารที่ร้านนี้เป็นประจำ

หนุ่มต่างถิ่นหกคนนั้นเริ่มแสดงอาการไม่พอใจเหน็บแนมเสียดสี พูดกวนๆ เป็นช่วงๆ

ในเวลาที่ผมไม่กินเหล้า ผมจะพูดจาสุภาพไม่แสดงอาการรุนแรงอะไรให้ใครได้รู้เห็น แต่เมื่อเหล้า เข้าปากทีไร ผมจะเปลี่ยนไปจากคนเดิม พูดจาโผงผางไม่คิดเกรงกลัวใคร จริงสินะ ผมมองไปที่โต๊ะ ไอ้พวกหกคนนั้นผมบ่ยั่นพวกมันแม้น้อยนิดเลย

ไอ้ปื๊ดเพื่อนผมลุกเดินจะไปเข้าห้องน้ำหลังร้าน ต้องเดินเฉียดไปยังข้างโต๊ะของพวกนั้น หนึ่งในนั้น ลุกขึ้นมาชกไอ้ปื๊ดเข้าที่ใบหน้าทันที และทั้งหกคนต่างรุมทำร้ายไอ้ปื๊ดอย่างเมามัน

ผมเหลือบไปเห็นมีดปลายแหลมที่เขียงหั่นเนื้อในตู้กระจกมุมร้าน ผมรีบลุกไปคว้ามากำแน่น แล้วเดินรี่ ไปหาไอ้พวกหมาหมู่นั้น จ้วงแทงลำตัวไอ้หนุ่มต่างถิ่นได้ทันสองคน มันต่างล้มลงไปอย่างไม่เป็นท่า อีกสี่คนพากันวิ่งหนีกระเจิง ผมกับไอ้ปื๊ดต่างรีบหนีกลับที่พักเก็บเสื้อผ้าหาทางกลับบ้านเกิดอย่างไม่รอช้า

ผมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้แม่ฟังอย่างไม่ปิดบัง น้ำตาแห่งความห่วงใยลูกไหลอาบแก้มของแม่ ผมรู้สึก เศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ได้เห็นน้ำตาแม่

"พ่อของเจ้าเวลาไม่เมาเหล้า ก็ขยันช่วยแม่ทำงานไม่เคยบ่น พูดจาสุภาพ แต่เมื่อพ่อของเจ้าไปช่วยงานบุญ ประเพณีตามหมู่บ้านเมากลับบ้านมาทีไร ก็จะเปลี่ยนเป็นคนละคน พูดจาก้าวร้าวดุดัน ลูกก็ไม่ต่างไปจาก พ่อของเจ้า เมื่อเมาเหล้าลูกจะโหดร้ายกว่าพ่อหลายสิบเท่า แม่ไม่อยากให้ลูกกินเหล้าอีกเลย เพราะจะทำ ให้ลูกต้องพบพานกับอันตราย" แม่เอามือป้ายน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม น้ำตาของผมก็ซึมออกมาเช่นกัน

ผมโทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่ยังทำงานอยู่ที่บริษัทให้ไปสืบดูว่าไอ้หนุ่มต่างถิ่นที่ถูกแทงนั้นอาการเป็นอย่างไร ได้ความว่าคนหนึ่งไส้ทะลุแต่หมอช่วยเอาไว้ทัน พ้นขีดอันตรายแล้วทั้งสองคน ผมค่อยสบายใจขึ้นบ้าง แต่อาญาแผ่นดินคงยังติดตัวผมอยู่

ในช่วงแล้งนี้ผมจะทำอะไร จะไปทำงานที่ไหน ความคิดของผมเริ่มสับสน "แม่อยากจะให้ลูกบวช สักพรรษาหนึ่ง ปีนี้บวชให้แม่ได้กราบเถอะนะลูก" คำพูดของแม่เมื่อสามปีก่อนผุด ขึ้นมาสู่ความทรงจำ อีกครั้ง ซึ่งผมได้ผัดวันผ่านปีมาเรื่อย "บวช" เป็นอีกลู่ทางหนึ่งที่แล่นเข้ามาให้ได้คิดอีกเรื่อง ผมนึกถึง หลวงตาเจ้าอาวาสในหมู่บ้านที่ผมรู้จักดี เพราะท่านออกบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านอยู่ทุกวัน ผมนึกถึง ไอ้ปื๊ดขึ้นมาทันที บ่ายนี้ต้องชวนมันไปวัดด้วยกัน

กุฏิไม้ยกพื้นสูงใต้ถุนโล่งมีแคร่ไม้ไผ่ตั้งไว้ตัวหนึ่ง หลวงตาเจ้าอาวาสนั่งพักอยู่ ผมกับไอ้ปื้ดเข้าไปกราบ "ว่าไงหนุ่มจะมาขอหวยกันหรือ" ท่านก็ทักตามยุคสมัย เพราะคนที่เข้าไปหาพระส่วนใหญ่ ก็จะมีอยู่ สองเรื่อง คือกราบขอหวยและดูดวงชะตา แต่ผมรู้ว่าท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี ไม่เคยบอกหวยเบอร์ ให้ใครสักครั้ง

"ผมอยากจะมากราบท่าน ผมจะมาขอบวชสักหนึ่งพรรษาครับ"

"ก็ดีเหมือนกันเข้าวัดดีกว่าเข้าคุก" ท่านคงจำคำพระนักเทศน์มาพูดให้สะดุดใจ โดยที่ท่านก็ไม่รู้ว่า คำพูดนั้น สะดุดใจผมจริงๆ เพราะว่าเท้าซ้ายของผมอยู่ในห้องขัง เท้าขวาอยู่ในวัด

"มาบวชก็ดีหากตั้งใจจริง แต่หากว่าจะมาบวชแก้บนอะไรทำนองนั้น อาตมาจะไม่บวชให้ เพราะไม่ได้ตั้งใจ มาบวชเอาบุญ คนที่บวชแก้บนมักจะไม่ปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัย ที่มาบวชก็เพราะจำนนในคำสาบาน หรือบนบานเอาไว้ เมื่อบวชครบกำหนดก็สึกออกไปกินสูบดื่มเสพหนักไปกว่าเดิมก็มีไม่น้อย

"ในยุคนี้จะหาคนหนุ่มสาวมาศึกษาพระศาสนา มาเข้าวัดฟังธรรมนั้นยากเอามากๆ เลย ดีแล้วที่โยมคิด จะมาศึกษาบาปปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุยังน้อย นับว่ามีกำไรมหาศาล เพราะสังคม ค่านิยมของคน กำลังเปลี่ยนไป เมื่อคนส่วนน้อยตั้งใจทำดีแล้วโดดเด่นในสังคม คนส่วนใหญ่ก็จะทนดู ทนฟังไม่ได้ เขาแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือดให้ได้ คนส่วนใหญ่พากันทำแต่เรื่องไม่ดี เขาต่างพากันนิยมชมชื่น ว่าเป็นเรื่องดี อาตมาขอยกตัวอย่างนักเรียนคนหนึ่ง เขาบอกว่าตอนชั่วโมงว่าง ได้เอาหนังสือ ออกมา นั่งอ่าน ที่ใต้ต้นไม้ก็ถูกเพื่อนๆ เอามือมาตบหัวบอกว่าทำเป็นขยัน ผิดไปจากเพื่อน แต่เมื่อมีนักเรียนชาย บางคน ไปยืนปัสสาวะริมรั้วโรงเรียนที่มีเพื่อนนักเรียนหลายคนอยู่ห่างไม่ถึงสิบเมตร ซึ่งไม่ต่างพวกสุนัข ที่ชอบฉี่ราดยางรถยนต์หรือเสาไฟฟ้ากลุ่มเพื่อนๆ ต่างพากันหัวเราะชอบใจบอกว่านายแน่มาก

"เมื่อโยมอยากจะมาขอบวช โยมก็ต้องเข้ามาศึกษาการปฏิบัติกับพระในวัดก่อนสักสิบกว่าวัน เพราะการบวช ไม่ใช่เรื่องเล่นละคร บวชแล้วชาวบ้านและพ่อแม่ต้องกราบเรา หากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แม้สึกออกไปเราก็จะเปลี่ยนจากคนเก่ามาเป็นคนใหม่ เป็นคนดีมีปัญญาทำงานช่วยเหลือสังคม อย่างมีความสุข"


 

ธรรมนั้นคือกระจกยกส่องจิต
ให้เห็นผิดเห็นชอบตอบสงสัย
ทำถูกต้องคลองธรรมนำสุขใจ
ทำผิดไว้แก้ให้ชอบระบอบธรรม

** อ.ฐะปะนีย์ นาครทรรพ (ชีวิตงาม เล่ม ๘)

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๖ เดือน มีนาคม ๒๕๔๘ -