"ต่อให้มีความรู้ยิ่ง ความรวยยอด ก็ยังโกงได้ ความไม่มีกิเลสต่างหาก ที่เป็นหลักประกัน" เป็นชื่อของ "เราคิดอะไร" ฉบับนี้ ซึ่งตรงกับความเป็นจริงทุกยุคทุกสมัย เป็นอกาลิโก ไม่จำกัดด้วยกาลเวลา เมื่อไรๆ ก็เป็นจริงอย่างนี้

เคยมีการเสนอบ่อยๆ ว่า ถ้าไม่อยากให้ข้าราชการโกงต้องให้เงินเดือนมากๆ ให้เขามีเงินมีทองแล้วจะเลิกโกงเอง ได้รับการพิสูจน์ ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าไม่จริง จะโกงหรือไม่โกง ไม่ได้อยู่ที่รวยหรือไม่รวย แต่ขึ้นกับมีหรือไม่มีกิเลสต่างหาก

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โกงเรื่องการซื้อยา ถูกศาลตัดสินติดคุก ๑๕ ปี เป็นคนรวยอยู่ก่อน ลำใยที่โกงกันสะบั้น หั่นแหลก ท่านพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส เป็นประธานสอบสวน ท่านกระซิบผมเมื่อเร็วๆ นี้ว่าอาจสาวถึงต้นตอ ซึ่งคนโกงก็รวยอยู่แล้วอีกเช่นกัน รวมทั้งการโกงเรื่องรถไฟรางคู่ บ่อบำบัดน้ำเสียที่คลองด่าน ก็โกงโดยคนรวยทั้งนั้น

หันมาที่ใจกลางกรุง ต้นปาล์มเป็นหมื่นๆ ต้นนั้น นายกสมาคมปาล์มเคยไปบอกผมที่กาญจนบุรีว่า เป็นปาล์มที่หมดอายุแล้ว ไปขนมาจากปักษ์ใต้ ไม่ต้องซื้อ มิหน้ำซ้ำเจ้าของสวนปาล์มแถมให้อีกต้นละ ๕๐๐ บาท พอมาถึงกรุงเทพฯ ราคาต้นละ ๖,๒๐๐ บาท คนโกงก็เป็นคนรวยมาก่อนอีกเหมือนกัน หาตัวอย่างดูได้ยาก กรณีที่โกงโดยคนจน

แล้วเมืองไทยวันนี้เลิกโกงกันหรือยัง คำตอบคือ ยัง กลับโกงกันมากขึ้น เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ปี ๔๐ (ปีเดียวกับที่ เศรษฐกิจฟุบ) คณะอาจารย์เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้รายงานผลวิจัยผ่านสื่อมวลชนว่า เมืองเราโกงกันทุกปี ทุกยุค ติดต่อกันมา การโกงและธุรกิจผิดกฎหมายมีมูลค่าปีละ ๘ แสนล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ท่านให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า จากตัวเลขของวิศวกรรมสถาน แห่งประเทศไทย เฉพาะโครงการใหญ่ๆ โกงกันปีละ ๑ ล้าน ๒ แสนล้านบาท (เพิ่มจาก ๐.๘ ล้านล้านบาท เป็น ๑.๒ ล้านล้านบาท เพิ่มอีกครึ่งหนึ่ง)

ระยะนี้ค่าโกงแต่ละเรื่องราคาแพงขึ้น เพราะ "อัตราเสี่ยงสูง" เนื่องจากท่านนายกฯ ทักษิณจะจัดการ กับคนโกงอย่างจริงจัง เลยต้องโกงเผื่อไว้

ใครคิดจะแก้เรื่องโกง มีทางเดียว ต้องรณรงค์ให้ลดกิเลส การลดกิเลสเป็นทางเดียว ทางอื่นไม่มีเด็ดขาด

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๗ เมษายน ๒๕๔๘ -