คนบ้านนอกบอกกล่าว - จำลอง -

ในช่วงเดือนที่ผ่านมาคนบ้านนอกอย่างผมต้องเดินทางเข้า กรุงบ่อย บางครั้งเข้ากรุงแล้วต้องรีบกลับ ในวันเดียวกัน คล้ายๆ อยู่เมืองกาญจน์ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เช้าไปเย็นกลับ

บางทีประชุมเสร็จกลับถึงเมืองกาญจน์ห้าทุ่ม รุ่งขึ้นต้องปีนเขาตอนตีสี่เพื่อบรรยายบนยอดเขาให้ผู้เข้ารับการอบรมฟัง อายุก็เกือบ ๗๐ ปีบริบูรณ์แล้ว ยังพอ ทำไหว คงเป็นอย่างที่พระท่านเทศน์ว่า เราสามารถต่ออายุได้เพราะมีอิทธิบาท

หลังจากพาผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ ๗๕ จังหวัดไปดูงาน และประชุมเรื่อง เกษตรอินทรีย์ ที่ ราชธานีอโศกแล้ว ก็มีการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ เตรียมการสัมมนา ๒๑-๒๓ มิถุนายน เชิญผู้แทน ของจังหวัดนำร่องเกษตรอินทรีย์ ๒๒ จังหวัด จังหวัดละ ๒ คน พร้อมกับผู้ประสานงานของ กระทรวงเกษตร อีก ๒๒ คน ประชุมที่ราชธานีอโศก สถานที่เดิมซึ่งหลายคนไปดูงานครั้งที่แล้วเกิดติดใจ

ค่ำวันแรกของการประชุมสัมมนามีปัญหา ผู้เข้าร่วมสัมมนาหายไป ๑ ใน ๔ ผมประกาศว่า ถ้าขาด การประชุม มากๆ อย่างนั้นอีก ผมจะเอาเรื่อง จะส่งรายชื่อไปยังรัฐมนตรีมหาดไทย และเกษตรว่า จะพิจารณา ลงโทษอย่างไร ต้องบอกให้ผมทราบด้วย หลังจากนั้นก็เข้าประชุมกันครบหรือขาดบ้าง คนสองคน ที่มีความจำเป็นจริงๆ เฉพาะชั่วโมงกิจกรรมนั้นๆ

การที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หย่อนยานเรื่องวินัย ถ้าเราเข้มงวดกวดขันเอาจริงเอาจังเขาก็ปรับตัวได้ และเกิด ความละอาย ไม่บกพร่องต่อไปอีก

งาน "อโศกรำลึก" ที่นักปฏิบัติธรรมชาวสันติอโศกพบกันๅทุกปี ที่สันติอโศก ผู้ไปร่วมงานเพิ่มมากขึ้น ทุกปี แม้จะมีจำนวน ไม่ถึงหมื่นแสน แต่เป็นการรวมตัว ที่เหนียวแน่นมาก คนที่จ้องหาเรื่องหาราว ก็คงจะหนาว ขึ้นเรื่อยๆ เข้าทำนอง ยิ่งตีก็ยิ่งดัง

ที่ราชธานีอโศก ผมพูดกับผู้เข้าร่วมสัมมนาเกษตรอินทรีย์อย่างเต็มปากว่า ชาวสันติอโศกเป็นชาวพุทธแท้ๆ ช่วยเหลือสังคมพร้อมๆ กับลดละกิเลส ซึ่งใครๆ ก็ทราบอภินิหารของกิเลส คนมีหน้าที่ช่วยชาวสวนลำไย ก็ทำให้ลำไย หายไปถึง ๕ หมื่นตัน รับน้องใหม่ในมหาวิทยาลัย ก็ทำแบบวิตถารสุดๆ กิเลสทำให้ คนหน้าด้าน ได้เกินคาดจริงๆ

-เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๘๐ กรกฎาคม ๒๕๔๘ -