คุยนิดคิดหน่อย - บรรณาธิการ -

"ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ" ยังเป็นประเด็นร้อนที่ชาวพุทธไทยส่วนหนึ่งโหยหาด้วยเจตนาดีจะพิทักษ์พุทธศาสนาตามความเห็น ความเชื่อ ของตน

ฝังใจว่าถ้าบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญให้เป็นศาสนาประจำชาติแล้วไซร้ มันจะดั่งอิทธิปาฏิหาริย์เสริมส่ง ให้ศาสนาพุทธ รุ่งเรืองมั่นคงยิ่งขึ้น

เป็นเจตนาดีที่น่าชื่นชมยิ่ง

น่าชื่นชมดังการรณรงค์ให้ชาวไทยชักธงชาติค้างเสาไว้ตลอดวันตลอดคืน เพื่อสำแดงความรักชาติสุดชีวิต ไม่ทันไร ราคาหุ้น "ชักธง" ก็ตกรูด ไม่มีใครเล่นหุ้นตัวนี้เลย อาจเพราะความรักชาติทะยานสุดขีด ขึ้นไปสุดยอด เสาธง แล้วกระมัง

อันความคิดรวบยอดเบ็ดเสร็จแบบนี้ สอดคล้องกับบ้านเมืองยุคนี้ยิ่งนัก หากจะอนุมานว่า ยุคนี้คนมีหัว ใช่จะต้อง มีสมองด้วย คนมีชีวิตใช่จะต้องมีจิตใจด้วยเสมอไป เพราะรู้ๆ เห็นๆ อยู่โต้งๆ แล้วว่า ในวงการเมือง มติพรรค ย่อมอยู่เหนือ สำนึกรู้สึกผิดชอบ ส่วนในวงราชการก็ไม่น้อยหน้า การปฏิบัติหน้าที่ ตามตัวบทกฎหมาย ด้วยความ เที่ยงตรง ชอบธรรมเป็นเรื่องรอง การโอนอ่อนสนองกระแสอำนาจ การเมือง บงการชี้นำ เป็นเรื่องหลัก ตีขลุมว่า นักการเมืองเป็นตัวแทนของประชาชน สนองงานรับใช้นักการเมือง ก็คือ การรวบยอดรับใช้ประชาชน นั่นเอง คิดง่ายทำง่ายไปกันได้กับ คิดใหม่ทำใหม่ เป็นภาวะจำยอม ของข้าราชการบริกร ที่หวังความมั่นคง และรุ่งเรือง

ถ้าทำให้ไทยเป็นเมืองพุทธได้ง่ายดายด้วยมีบทบัญญัติผูกขาดไว้ในรัฐธรรมนูญก็สมควรแซ่ซ้อง ชาวไทย จะได้พ้น ข้อครหาเป็นพุทธ ตามทะเบียนบ้านเสียที จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่ออันโอชะของเหล่าอลัชชี อีกต่อไป บ้านเมือง ของเรา จะได้สิ้น สารพัดปัญหาเสียที เร่งลงมือเถิดก่อนจะถึงวาระสิ้นชาติ เพราะยามนี้ โรคผิวหนัง ร้ายแรง กำลังแพร่ ระบาดหนัก ทั้งในวงการเมือง วงข้าราชการ และผู้มีอำนาจชี้นำสังคม มีน้อยคนนัก ที่ปลอดโรคนี้ เพราะภูมิคุ้มกัน แกร่ง

แม้รัฐบาลจะทำทีรับรู้วิกฤต โดยรณรงค์เร่งรัดกำราบปราบปรามโรคระบาดนี้อย่างเอิกเกริก ถึงกับประกาศ สงคราม ปราบคอรัปชั่น เป็นวาระแห่งชาติ มอบหมายภารกิจให้สรรพกองกำลังเฉพาะกิจแห่งชาติ ใช้อำนาจ ล้นฟ้า ตีค่ายกล คอรัปชั่น ให้แตกกระเจิง แต่พลันสถานการณ์พลิกผันเกินคาดคิด กองกำลัง เฉพาะกิจ อันเกรียงไกร กลับมิอาจหาญ จะอะไร เสียอีกเล่า... ก็ติดโรคผิวหนังนี้ด้วยเหมือนกันน่ะซี

โรคผิวหนังแห้งตายด้านไงครับ เป็นที่ไหนไม่เป็นดันมาเป็นที่หน้า

ถ้ารัฐธรรมนูญบัญญัติ "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ" แล้วบำบัดรักษาโรคนี้ได้ชะงัดละก็ อย่ารีรอเลย ก่อนที่จะ ลุกลาม ระบาดเข้าวัดด้วย

-เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๘๐ กรกฎาคม ๒๕๔๘ -