- จำลอง - พอฝนเริ่มตกพรำๆ เขาก็เขียว ดอกกระเจียวเริ่มบาน กลางคืนมีเสียงสัตว์แปลกๆ พอสายหน่อย ทั้งนก ทั้งกระรอก ร้องทักกันเซ็งแซ่ ถ้าไม่ต้องเดินทางไปไหนมาไหน อยู่ป่าตลอดไปน่าจะดี ผมคิดเสมอๆ ว่าจะกำหนดอายุเท่าไรดี ที่จะเกษียณตัวเอง ปลีกตัวออกห่างจากความวุ่นวาย อย่างสิ้นเชิง อายุมากแล้ว ขอไม่เดินทางไปไหนแล้ว อยู่ที่บ้านป่านาดอยแห่งเดียว นี่จนอายุ ๗๐ ปีกว่าๆยังกำหนดไม่ได้ เดือนที่แล้วๆ มา นอกจากไปพบความวุ่นวายในกรุงแล้วยังไปเจอไต้ฝุ่นที่ญี่ปุ่นและไต้หวันอีก โชคดีเจอ ไม่รุนแรงเท่าไร เพราะผมไปถึงญี่ปุ่นหลังไต้ฝุ่น ๑ วัน และไปถึงไต้หวันก่อน ๑ วัน ตอนที่พายุถาโถมเข้าใส่ไต้หวัน ผมไปพักอยู่ที่นั่นแล้ว พวกเราอีกคณะหนึ่ง ซึ่งเดินทาง ไปดูงานที่ มูลนิธิ พุทธฉือจี้ เจอไต้ฝุ่นเข้าอย่างจัง ต้องไปค้างที่ฮ่องกง ๑ คืน ผมไปไต้หวันกับญาติธรรมอีก ๒ คนคือคุณแก่นฟ้าและอาจารย์เชาว์วัช คุณแก่นฟ้า เป็นวิศกร อยู่ที่ ศีรษะอโศก เป็นผู้กำหนดปุ๋ยอินทรีย์ ให้บริษัทเท่าทุน ส่วนอาจารย์เชาว์วัช เป็นอาจารย์ วิทยาลัย เทคนิค ลพบุรี และเป็นเจ้าของโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ ที่ผลิตปุ๋ยส่งให้บริษัทเท่าทุน บริษัทปุ๋ยใหญ่ที่สุดของไต้หวัน เชิญไปดูการผลิต ปุ๋ยอินทรีย์ของเขา กลางคืนเขาจัดที่พักพิเศษให้เราอยู่ในสถานตากอากาศใกล้ทะเล ซึ่งปรกติชาวไต้หวันและ แขกชาวญี่ปุ่น จะไปพักกันเต็ม คืนนั้นไม่มีใครเลย นอกจากเรา ๓ คน เขาหนีไต้ฝุ่นกันหมด สถานตากอากาศ อยู่ช่องเขา พอดี ลมจากทะเลพัดกระหน่ำเต็มที่ เสียงดังวี้ดๆ ติดต่อกันตลอดคืน หน้าต่างกระจกสั่นไปตามแรงลม ซึ่งเกือบๆ จะต้านไว้ไม่อยู่ ถ้าคิดก็น่ากลัวมาก ถ้าไม่คิดก็เฉยๆ นอนหลับ สบาย ส่วนที่ญี่ปุ่น ผมเกือบตกเครื่องบิน (ตกเครื่องบิน ดีกว่าเครื่องบินตก) ผู้ที่ไปส่งผมที่สนามบิน นาริตะ เพื่อเดินทาง กลับเมืองไทย คุยกับผมเพลิน ปล่อยให้คนขับหลงทาง ออกจาก กรุงโตเกียว แล่นผ่าน สนามบิน ฮาเนดะ สนามเก่า ไปตั้งนาน แล้วกลับมาที่เดิมอีก ต้องจอดถามทางกันวุ่นวาย ผู้ที่ไปส่งชื่อคนโมริพูดไทยได้ แกติดอกติดใจนิยาย "คู่กรรม" ที่คุณทมยันตี เป็นคนแต่ง แกอยากเป็น โกโบริ พระเอกในเรื่อง ผมสัญญาว่า พอรถยนต์ถึงสนามบินนาริตะ จะต่อโทรศัพท์ก็ให้คุยกับ คุณทมยันตี แกดีใจมาก รถแล่นหลงไปหลงมา พอถึงสนามบินรีบตรงไปที่ช่องขายตั๋ว แอร์โฮสเตสบอกว่าไม่ทันแล้ว เพราะเครื่องบิน กำลังจะออก ผมขอร้องว่ายังไงๆ ขอกลับให้ได้เที่ยวนั้น มิฉะนั้น ผมจะกลับไปสอนที่เมืองกาญจน์ไม่ทัน และเดินทาง ไปไต้หวันไม่ทันด้วย เสียหายใหญ่ แอร์โฮสเตสใจดีพยายามติดต่อให้กลับจนได้ โดยให้แอร์โฮสเตสคนหนึ่งวิ่งนำหน้า ผมวิ่งอยู่ตรงกลาง แอร์อีกคน ลากกระเป๋า วิ่งตามหลังผม วิ่งช้าจะไม่ทัน แกนำผมวิ่ง เหมือนแข่งขันวิ่ง ๑๐๐ เมตร ทั้ง ๒ คน ต่างใส่รองเท้าส้นสูง คนหน้าวิ่งไปก็ยิ้มไป หันมาดูผมว่า วิ่งไหวหรือเปล่า ดีว่าผมพาผู้เข้ารับการอบรม ที่โรงเรียนผู้นำ ออกกำลัง ปีนเขาบ่อยๆ ไม่อย่างนั้น คงตกเครื่องบินแน่ วิ่งทั้งทางธรรมดา และทางที่เป็นสายพาน จนถึงประตูออกหมายเลข ๗๓ ซึ่งไกลจาก ช่องขายตั๋ว ที่เริ่มออกวิ่งมาก เป็นเพราะผมประมาท เนื่องจากนั่งเครื่องบิน ติดต่อกันมา ๔๔ ปี (ตั้งแต่ปี ๒๕๐๔) เลยไม่สนใจ เรื่องเวลาสักเท่าไร คราวที่แล้วไปเกาหลีกับคณะซึ่งมีผู้การเสรี (พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวศ) ไปด้วย ขากลับ เกือบไม่ได้กลับ เพราะตั๋วผมหาย ต่อไปจะต้องระวัง ทั้งเรื่องตั๋วเครื่องบิน และเวลา คุณโมริ เห็นผมวิ่ง ยืนส่งผม หัวเราะท้องคัด-ท้องแข็ง ลืมเรื่องที่ผมสัญญาจะให้พูดโทรศัพท์ กับคุณ ทมยันตี ไปสนิทเลย ไปนอก เวลาผ่านไปนานๆ เข้า ก็ไม่อยากไป โดยเฉพาะไปซ้ำที่เดิม นี่เดือนตุลา ผมต้องไป เกาหลี พฤศจิกา ต้องไปญี่ปุ่นอีก เพิ่งไปร่วมในพิธีเปิดโรงพยาบาล แห่งที่ ๒๗๑ และ ๒๗๒ มาไม่นานเท่าไร คุณหมอโทขุดะ จะให้ไปโรงพยาบาลที่ ๒๗๓ เราเพียงเดินทาง ไปร่วม ในพิธีเปิด ยังเหนื่อย แกสร้างโรงพยาบาลใหม่เพิ่ม ไม่รู้จักเหน็ด จักเหนื่อย เมื่อกลางเดือนกันยายน นายตำรวจคนหนึ่งไปกินข้าวที่ร้านอาหารบ้านสวนไผ่ บอกผมว่า มีส.ส.คนหนึ่ง ซึ่งได้รับสมญาว่า "เสี่ยอ่าง" ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ เรียกร้องให้ผม ไปช่วยต่อต้านโรงอ่าง (โรงอาบ อบนวด) ซึ่งเพิ่งได้รับอนุญาต ให้ตั้งอยู่หน้าโรงเรียน เตรียมพัฒนาการ ถนนรัชดาภิเษก ผมบอกนายตำรวจท่านนั้นไปว่า ผมไม่อยากเป็น "ขาประจำ" ค้านทุกเรื่อง ถ้าเป็น ส.ส. ฝ่ายค้าน ทำอย่างนั้น ไม่เป็นไร เพราะมีหน้าที่โดยตรงอยู่แล้ว ผมขืนค้านเป็นประจำ ต่อไป จะไม่มีน้ำหนัก ทั้งๆ ที่ในใจก็เห็นด้วย กับพวกที่คัดค้าน เกือบทุกเรื่อง เรื่องนี้แปลก เมื่อบริษัทเอไลน่า ขออนุญาตเปิดโรงนวด หน้าโรงเรียน ตำรวจไม่อนุญาต ต่อมามีการอุทธรณ์ คณะกรรมการอุทธรณ์ กลับคำตัดสินเป็นอนุญาต พอมีคน วิพากษ์ วิจารณ์หนาหู ผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติ กลับคำตัดสินอีกที ยกเลิกใบอนุญาต กฎหมายแล้วแต่ใครจะตีความเข้าข้างตัวเองหรือเข้าข้างสังคม กำลังจะมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผม เกี่ยวข้อง คือ การคัดค้าน เบียร์-เหล้า ไม่ให้เข้าตลาดหลักทรัพย์ เรื่องนี้ผิดกฎหมายชัดๆ โดยไม่ต้องตีความ บริษัทน้ำเมา มั่นใจว่า เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้แน่ เพราะหว่านไว้หมดแล้ว (เบียร์-เหล้าที่ว่า มีเบียร์ตราช้าง รวมกับเหล้า อีก ๘ ตรา) ผมเริ่มออกมาคัดค้านเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคมปีนี้ ซึ่งมีหลายคนออกไปสมทบช่วยคัดค้าน อย่างเต็มที่ คณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์ฯ (ก.ล.ต.) จึงเลื่อนการพิจารณาออกไปเรื่อยๆ จาก ๒๖ มกราคม เป็น ๗ กุมภาพันธ์ เป็น ๒๓ มีนาคม และเป็น "ไม่มีกำหนด" ถ้าเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ทันภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ บริษัทเบียร์ เหล้า จะได้เงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท เศษ จากการได้รับการลดหย่อนภาษีตามกฎเกณฑ์ ซึ่งคงไม่มีใครอิจฉา ไม่มีใครค้าน หากเงินที่ได้มา ไม่ได้เป็น เพราะทำร้ายทำลายสังคม ทั้งบริษัทเบียร์-เหล้า และคณะกรรมการ ก.ล.ต. ทุกคนทราบดีว่า การอนุญาตให้เข้า ตลาดหลักทรัพย์ ได้นั้น เป็นการผิดกฎหมาย และทำร้ายสังคม ก็พยายามจะดึงดัน เอาเข้าให้ได้ ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง คณะกรรมการคัดค้านที่มีผมเป็นผู้ประสานงาน จึงจัดประชุมใหญ่ที่โรงแรมรอแยล (รัตนโกสินทร์) เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พร้อมกับแจกแถลงการณ์ ท่านสมาชิก "เราคิดอะไร" คงจำดาราชาย ชื่อดังคนหนึ่งได้คือ คุณ คริส แกพบคน ที่ได้รับบาดเจ็บ จากนัก ขับรถ ขี้เมาคนหนึ่งก็ลงไปช่วย รถอีกคันหนึ่ง วิ่งชนคริสจนพิการ ข่าวแจ้งว่า คนขับรถชนซ้ำสอง ก็ขี้เมาอีก คุณคริส เกือบเสียชีวิต แต่ด้วยความเป็นคนใจแข็ง และได้รับการรักษาพยาบาลอย่างดี คุณคริส เดินได้ นานแล้ว วันนั้นก็ไปร่วมประชุม กับเราด้วย ในฐานะ ผู้แทนเหยื่อน้ำเมา ก่อนการประชุม คุณคริสแอบมากระซิบถามผมว่า "ลุงจำลองครับ ก.ล.ต. ย่อมาจากอะไร" ผมตอบไป ทันทีว่า ย่อมาจาก คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คุณคริส เถียงผมทันที "ไม่ใช่ครับ" ผมงง ฟังซิ แกจะมีคำตอบอื่นอย่างไร "ก.ล.ต. ย่อมาจาก กินเหล้าตาย ครับ" คุณคริส เฉียบคมดีแท้ๆ ผมขอเผยแพร่แถลงการณ์ไว้ใน "เราคิดอะไร" ดังนี้ แถลงการณ์ ๑. มติคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปี ๒๕๓๘ ที่อนุญาต ให้ธุรกิจ เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ เข้าตลาดหุ้นได้ เป็นมติที่ขัดต่อกฎหมาย เพราะไม่ได้ มีการพิจารณาเรื่องโทษ ต่อสังคมเลย ขัดต่อประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ อย่างชัดเจน ที่ได้กำหนดคุณสมบัติ ธุรกิจ ที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ไว้ในข้อ ๔ (๑) ว่าจะต้อง "เป็นธุรกิจที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ และสังคม ของประเทศ" ซึ่งประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ปี ๒๕๓๕ ดังกล่าว เป็นประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา หากฝ่าฝืน คณะกรรมการ ก.ล.ต. และเลขาธิการ ก.ล.ต. ซึ่งเป็นพนักงานตามกฎหมาย จึงอาจมีความผิด ตามประมวล กฎหมาย อาญา ม. ๑๕๗ ในฐานะเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอีกด้วย ๒. เลขาธิการ ก.ล.ต. และ/หรือคณะกรรมการ ก.ล.ต. ชุดปัจจุบันตลอดจนผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ และ คณะกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ ไม่สามารถอ้างมติ ปี ๒๕๓๘ ได้ เพราะการกระทำโดยอ้างอิงมติ ที่ผิด กฎหมาย ทั้งที่มีผู้ทักท้วงแล้ว ย่อมส่อเจตนา การกระทำ ที่มิชอบ อย่างชัดเจน ครบองค์ประกอบ ความผิด นอกจากนี้ประกาศ ก.ล.ต. ปี ๒๕๔๓ ที่ กจ. ๑๒/๒๕๔๓ ข้อ ๑๓ (๔)(ก) ได้ย้ำกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข เดียวกับ ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ในปี ๒๕๓๕ ว่าต้องเป็น "ธุรกิจหลักเป็นประโยชน์ ต่อเศรษฐกิจ และสังคม ของประเทศ" เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีโทษภัยต่อสังคมอย่างชัดเจน เป็นต้นเหตุของปัญหาอาชญากรรม ปัญหาครอบครัว อุบัติเหตุ ตามท้องถนน โรคร้ายนานาชนิด ฯลฯ ตามหนังสือขอ งกระทรวง สาธารณสุข ที่ สธ. ๐๔๒๓.๓/๓๘๙๖ ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๘ และข้อมูลของ องค์การอนามัยโลก ๔. แม้ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ครั้งพิเศษที่ ๑/๒๕๔๘ ก็ยังได้มีมติ ชัดเจนว่า จะปฏิเสธธุรกิจที่ไม่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ และ สังคมต่ำ อาทิ การค้าอาวุธ การพนันเสี่ยงโชค ธุรกิจยาสูบ เป็นต้น บุหรี่ยังเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้ น้ำเมาซึ่งร้ายแรงกว่า จะเข้าตลาด หลักทรัพย์ได้อย่างไร? ๕. การอนุมัติให้ธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหุ้นจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ผิดทางสังคม เปิดโอกาสให้ธุรกิจ สีเทาทั้งหลาย เช่น ผับ บาร์ ไนท์คลับ กำลังเตรียมกันเข้าจดทะเบียน ในตลาดหุ้น เพราะเมื่อธุรกิจ ผู้ผลิตน้ำเมา เข้าตลาดหุ้นได้ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปห้ามธุรกิจ ผู้จำหน่ายน้ำเมาไม่ให้เข้าตลาดหุ้น ทำให้ธุรกิจอบายมุข ได้รับการส่งเสริมเฟื่องฟูขนานใหญ่ ส่งผลเสียต่อสังคมไทยอย่างใหญ่หลวง ในอนาคต เราจึงขอวิงวอนต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ดังมีรายนามต่อไปนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน พลตรีจำลอง ศรีเมือง
ก่อนจะแจกแถลงการณ์ก็มีการรายงานข่าวที่เกี่ยวข้อง หลังจากคราวที่ชุมนุมใหญ่ หน้ากระทรวงการคลัง ๑ สิงหาคม เช่นข่าวที่ว่า เมื่อรัฐมนตรีทนง พิทยะ มารับหน้าที่รัฐมนตรีคลังและประธาน ก.ล.ต. ท่านใจดี ยังไม่อนุญาต ให้เข้า ตลาดหลักทรัพย์ เลื่อนการประชุม ที่จะประชุมวันที่ ๑๐ สิงหาคม ออกไป - ทางฝ่ายเราขอร้อง ก.ล.ต. ว่าอย่าพิจารณาในระหว่างเข้าพรรษา เพราะพระผู้ใหญ่บางรูป ท่านตำหนิ เขามีแต่โครงการ หยุดเหล้าเข้าพรรษา ก.ล.ต. ใจดี ขอผัดไปพิจารณา ตอนออกพรรษา - ๕ มหาวิทยาลัย คือ จุฬาฯ สงขลา-นครินทร์ เชียงใหม่ และอัสสัมชัญ ออกทำการวิจัย พบว่าคนไทย ๓๓ ล้านคน ติดเหล้างอมแงม มีส่งขายให้ถึงบ้านด้วย - เมื่อประมาณต้นกันยายน กระทรวงสาธารณสุขเรียกประชุมอธิบดีที่เกี่ยวข้อง ประชุม ร่วมกับบริษัท เบียร์ เหล้า เตรียมรับโรงพยาบาล ที่บริษัทจะสร้างบริจาค เพื่อรักษาผู้ป่วย เนื่องจากดื่มน้ำเมา - ข้อนี้คุณองอาจ เยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ซึ่งเป็นกรรมการคนหนึ่งของคณะกรรมการคัดค้านฯ และเป็น โฆษกด้วย ได้กล่าวเสริมในทำนองว่า บริษัทเบียร์-เหล้า น่าจะกรุณาสร้างเมรุเผาศพ บริจาคให้วัด รอเผาคนตาย เพราะน้ำเมา จะได้ครบวงจร หลังจากการรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องแล้ว ที่ประชุมก็ช่วยกันออกความเห็นตอบคำถาม ที่ว่า "เมื่อบริษัทน้ำเมา และ ก.ล.ต. รู้ว่า ผิดกฎหมาย และทำลายสังคม ก็ยังดึงดันที่จะอนุญาต ให้เข้าตลาด หลักทรัพย์อีก เราจะทำอย่างไร" เมื่อให้ความเห็น กันหลายๆ คนแล้ว ที่ประชุม มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า "ก.ล.ต. จะมีประชุมวันที่ ๑๔ ตุลาคม ฝ่ายคัดค้านจะจัดผู้แทนประมาณ ๒๐ คน ไปยื่นหนังสือ คัดค้าน เป็นทางการ ตามมติของที่ประชุมว่า เนื่องจากได้ยืดเยื้อมา จวนจะครบ ๑ ปีแล้ว ขอวิงวอนให้ ก.ล.ต. ปฏิบัติตามกฎหมาย ด้วยการประกาศ ไม่อนุญาต ให้เบียร์เหล้า เข้าตลาดหลักทรัพย์ ภายใน วันที่ ๑๙ ตุลาคม (หลังวันออกพรรษา ๑ วัน) มิฉะนั้น เราก็ไม่มีทางเลือก เพราะได้ไปขอร้องมา ทุกแห่งแล้ว ทั้ง ก.ล.ต. กรรมการตลาดหลักทรัพย์ รัฐสภา และกระทรวงการคลัง ไม่มีใครช่วยประชาชนได้ ประชาชน ต้องพึ่งประชาชน ด้วยการชุมนุม ครั้งสุดท้าย เป็นการชุมนุมใหญ่สุด ในวันที่ ๒๕ ตุลาคม ซึ่งเตรียมการ ชุมนุม อย่างยืดเยื้อไว้พร้อมแล้ว และยื่นฟ้องศาลด้วย หากทำให้เกิดความไม่สะดวกบ้างต้องโทษบริษัทเบียร์เหล้า และ ก.ล.ต.ผู้ก่อเรื่อง - เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๘๓ ตุลาคม ๒๕๔๘ - |