ทำงานหนักเพื่อโลก (กัณหชาดก)

๏ ตัวอย่างคนดีในโลก
ชุ่มโชกหยาดเหงื่อเสียสละ
สู้งานหนักไม่ลดละ
ภาระนี้เพื่อผองชน.

ณ โรงธรรมสภา ภิกษุทั้งหลายกำลังสนทนากันถึงพระคุณของพระศาสดาอยู่

"ท่านทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแบกภาระเกื้อกูลโลก กระทำงานหนักนัก อย่างที่ไม่สามารถหาผู้ใด มาเสมอ เหมือนได้เลย แม้แต่ครูทั้ง ๖ (เจ้าลัทธิอื่นนอกพุทธศาสนา ๑. บูรณกัสสป ๒.มักขลิโคสาล ๓.อชิตเกสกัมพล ๔. ปกุทธกัจจายนะ ๕. สัญชัยเวลัฏฐบุตร ๖. นิครนถนาฏบุตร) ก็มิอาจนำมาเปรียบได้ ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง"

พอดีพระศาสดาเสด็จมายังพระเชตวันมหาวิหาร พร้อมด้วยภิกษุหมู่ใหญ่ แล้วตรัสถาม ถึงเรื่องที่ภิกษุ สนทนากันอยู่ เมื่อทรงทราบเรื่องราวนั้น จึงตรัสว่า

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลายตถาคตมิใช่กระทำงานหนักเกื้อกูลโลกแต่เพียงบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน เราได้เคยเกิด เป็นสัตว์ดิรัจฉาน ก็ไม่มีใครสามารถกระทำงานหนัก เพื่อผู้อื่น เสมอเหมือนเราได้เลย"

แล้วได้ตรัสเล่าเรื่องราวนั้น

----------------

ในอดีตกาล หญิงชราคนหนึ่งฐานะยากจน มีเรือนเก่าประจำตระกูลของตนเป็นที่พักอาศัย แต่ได้มีเจ้าของโค คนหนึ่ง มาขอเช่าเรือนบางส่วนอยู่ชั่วคราวโดยจะจ่ายค่าเช่าให้แก่หญิงชรา เป็นลูกโคสีดำสนิทตัวหนึ่ง

ครั้นถึงเวลากำหนด หญิงชราจึงได้เป็นเจ้าของลูกโคตัวนั้น เพราะความจน นางได้เลี้ยงดู ลูกโค ด้วยข้าวยาคู (ข้าวต้มเหลว ซดได้) แล้วก็รักและเอาใจใส่ดูแล เสมือนดังเป็นลูก ของนางเอง เลยทีเดียว ลูกโคนั้นจึงได้ชื่อเรียกขานว่า อัยยิกากาฬกะ (เจ้าดำของยาย)

ลูกโคดำนับวันจะเติบใหญ่ขึ้น เป็นโคหนุ่ม มีพละกำลังมหาศาล เป็นโคอาชาไนย (โคฉลาดพันธุ์ดี) ที่มีความสงบ สำรวมเป็นเลิศ แม้พวกเด็กๆ ชาวบ้านจะมาแหย่เล่น จับเขาบ้าง จับหูบ้าง โหนคอบ้าง ดึงหางบ้าง ขี่บนหลังบ้าง ก็มิได้มีความโกรธเคือง แต่ประการใด

อยู่มาวันหนึ่ง โคดำอัยยิกากาฬกะบังเกิดความคิดขึ้นมาว่า

"แม่ของเรายังยากจนอยู่ แต่ก็เลี้ยงดูเราดุจเป็นสุดที่รัก แม่ต้องตรากตรำลำบากเพื่อเรา มามาก เช่นนี้เราน่า จะตอบแทนคุณ ช่วยทำงานรับจ้างหาทรัพย์มา ให้แม่ของเราได้พ้นไปเสีย จากความยากจน"

ไม่นานนักโอกาสก็มาถึง....เมื่อลูกของพ่อค้าเกวียนคนหนึ่ง ซึ่งคุมกองเกวียนอยู่ ๕๐๐ เล่ม นำขบวนเกวียน เดินทางผ่านมา ไม่ไกลบริเวณที่อยู่ของหญิงชรานัก ปรากฏว่า เกวียนต้องข้าม แอ่งโคลนลึก พอเกวียนเล่มแรก ลงสู่แอ่งโคลน ล้อเกวียนก็จมลึกทันที ไม่อาจขยับเขยื้อน ต่อไปได้เลย แม้จะเอาโคทั้งหลาย จากเกวียนเล่มอื่น มาช่วยฉุด ก็ไม่สามารถ ลากเกวียนขึ้นได้

พอดีโคดำอัยยิกากาฬกะกับพวกโคของชาวบ้าน เที่ยวหากินอยู่แถวนั้น ลูกพ่อค้าเกวียน บังเอิญมองเห็นเข้า ด้วยเพราะ มีความรู้ในลักษณะโค จึงดูออกว่าโคดำเป็นโคมงคลอาชาไนย มีพละกำลังมาก สามารถจะลากเกวียน ทั้งหมด ข้ามแอ่งโคลนลึกไปได้ จึงได้ร้องถาม คนเลี้ยงโคในบริเวณนั้นว่า

"ใครหนอเป็นเจ้าของโคดำตัวนี้ เราจะขอจ้างเอาโคดำนี้เทียมเกวียน ให้ลากข้าม แอ่งโคลนนี้ไป"

พวกคนเลี้ยงโคชี้ไปที่บ้านของหญิงชรา แล้วตอบว่า

"ยายเจ้าของโคดำอยู่ที่บ้านหลังโน้น นางไม่ได้ยืนอยู่ที่ตรงนี้ ท่านก็จงจับโคดำ เทียมเกวียน เอาเองเถิด"

ลูกพ่อค้าเกวียนก็ไม่รอช้า รีบเอาเชือกผูกโคดำทันที แล้วลากไปเทียมเกวียน แต่ฉุดลากเท่าใด ก็ไม่อาจทำให้ โคดำเคลื่อนที่ได้เลย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ...โคดำรอให้ลูกพ่อค้าเกวียน กำหนดค่าจ้างเสียก่อน นั่นเอง ดังนั้น จึงยืนนิ่ง กับที่คอยอยู่

เมื่อเห็นอาการเช่นนั้นของโคดำแล้ว ลูกพ่อค้าเกวียนก็เข้าใจได้ทันที จึงประกาศออกไปว่า

"โคดำผู้ประเสริฐ หากท่านลากเกวียน ๕๐๐ เล่มนี้ข้ามแอ่งโคลนได้แล้ว เราจะเก็บทรัพย์ เกวียนละ ๒ กหาปณะ (๑ กหาปณะ= ๔ บาท) ให้เป็นค่าจ้าง รวมแล้วท่านจะได้ ๑,๐๐๐ กหาปณะ"

จบคำของลูกพ่อค้าเกวียน โคดำก็เดินไปให้เทียมเกวียนเองเลยทีเดียว พอเทียมเสร็จ โคดำ ก็ออกกำลังฉุดลาก เพียงทีเดียว เท่านั้น เกวียนก็หลุดจากแอ่งโคลนลึกขึ้นมาสู่อีกฝั่งได้ ดังนั้น เกวียนทั้งหมด จึงถูกลากข้าม แอ่งโคลนสำเร็จ แต่กว่าจะหมด ๕๐๐ เล่มเกวียน ก็ทำเอาโคดำ เหน็ดเหนื่อย จนตาทั้งสองข้าง แดงก่ำเลยทีเดียว

งานเสร็จสิ้นแล้ว ลูกพ่อค้าเกวียนจึงเที่ยวเดินเก็บ ๑ กหาปณะต่อเกวียน ๑ เล่ม ได้ทรัพย์ ๕๐๐ กหาปณะ นำมาห่อ ด้วยผ้า แล้วผูกไว้ที่คอของโคดำ จากนั้นก็เตรียมเดินทางต่อไป

แต่โคดำอัยยิกากาฬกะเห็นลูกพ่อค้าเกวียนกระทำเช่นนั้นแล้ว ก็คิดขึ้นว่า

"มนุษย์ผู้นี้มิได้กระทำตามสัญญา ไม่ได้ให้ค่าจ้างตามที่กำหนดไว้ ฉะนั้นเราจะไม่ให้เขาไป"

จึงก้าวไปยืนขวางอยู่ข้างหน้าเกวียนเล่มแรกสุด แม้คนทั้งหลาย จะพยายามผลักดัน ลากจูงอย่างไร โคดำก็ไม่ยอม หลีกทางให้ จนในที่สุด ลูกพ่อค้าเกวียน ก็ยอมจำนน ด้วยเข้าใจดีว่า

"โคดำตัวนี้คงรู้ว่าเราโกงค่าจ้างของมันเป็นแน่"

ดังนั้นจึงเที่ยวเก็บอีก ๑ กหาปนะ จากเกวียนแต่ละเล่ม ได้ ๕๐๐ กหาปณะ นำมาผูกไว้ ที่คอของโคดำอีกห่อ รวมแล้ว จึงมี ๑,๐๐๐ กหาปณะ แล้วบอกกับโคดำว่า

"นี้เป็นค่าจ้างครบถ้วน ตามที่ได้ตกลงกันไว้"

เป็นเช่นนี้โคดำจึงยอมหลีกทางให้ นำเอาห่อทรัพย์มุ่งกลับไปยังบ้านของหญิงชรา โดยมี พวกเด็กชาวบ้าน เดินตาม ไปด้วย แล้วจับดึงเล่นที่ห่อทรัพย์นั้น โคดำจึงไม่รอช้า รีบวิ่งหนี กลับบ้าน อย่างรวดเร็ว เด็กๆ ก็ยิ่งสนุกสนาน วิ่งตาม กันใหญ่

พอถึงบ้านแล้ว หญิงชราได้เห็นห่อทรัพย์ ๑,๐๐๐ กหาปณะ เห็นอาการเหน็ดเหนื่อย จนตาแดงก่ำ ของโคดำ เห็นเด็กๆ วิ่งไล่ตามมาเป็นขบวน อดสงสัยไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า

"ลูกรัก แม่ต้องการเลี้ยงชีวิตอยู่ ด้วยค่าจ้างที่ต้องให้เจ้าทำงานหนักหรือ ต้องให้เจ้าได้รับทุกข์ เห็นปานนี้เชียวหรือ"

แล้วก็จูงโคดำไปอาบน้ำอุ่น เอาน้ำมันทาทั่วร่างกาย ให้ดื่มและกินอาหารอย่างดี เอาใจใส่ เลี้ยงดูโคดำ ให้อยู่สุขสบาย ไปจนตลอดชีวิต

----------------

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเล่าจบแล้ว ทรงแสดงถึงบุคคลให้ทราบว่า

"หญิงชราในครั้งนั้น ได้มาเป็นพระอุบลวรรณาเถรีในบัดนี้ ส่วนโคดำอัยยิกากาฬกะ ได้มาเป็นเราตถาคต"

แล้วตรัสสรุปแก่ภิกษุทั้งหลาย ในที่นั้นว่า

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในที่ใดๆ มีการงานหนัก มีแอ่งโคลนลึก ในที่นั้นคนทั้งหลาย จะเทียมโคดำเข้า แล้วโคดำ จะทำงานหนักนั้น ให้สำเร็จลุล่วงได้โดยแท้ ดุจเดียวกับตถาคต กระทำงานหนัก เกื้อกูลโลกไว้ อย่างไม่มีใคร เสมอเหมือนได้เลย"

(พระไตรปิฎกเล่ม ๒๗ ข้อ ๒๙อรรถกถาแปลเล่ม ๕๕ หน้า ๓๑๒)

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๘๓ ตุลาคม ๒๕๔๘ -