ชีวิตไร้สารพิษ * อาหารที่บำรุงม้าม -หวาน- ถ้ากินหวานโดดๆ จะเป็นโทษต่อกระเพาะอาหารและม้ามอย่างแรง คือ เกิดอาการ มึนเมา อ่อนเปลี้ย หมดแรง เช่น ละมุด ลำไย ฉะนั้น ผลไม้จึงควรกินก่อนอาหาร ผลไม้ที่จะกิน หลังอาหารได้มี มะละกอ สับปะรด มะม่วง (ใกล้สุก ที่มีรสเปรี้ยวหวาน) เพราะผลไม้ทั้ง ๓ ชนิด มีเอนไซม์ในการย่อยของตัวเองไม่ต้องรอจนกว่าแป้ง คาร์โบไฮเดรท และ โปรตีน ย่อยจนเสร็จก่อน จึงไม่เกิดการหมักในกระเพาะที่จะทำให้อืด -ปลายฤดูร้อน- หรือต้นฤดูฝน อากาศจะชื้น มีผลทำให้กระเพาะอาหารและม้ามอ่อนแอลง ทำให้ท้องเสียได้ง่าย ถ้าเกิด อาการเช่นนี้ขึ้น ไม่ต้องตกใจ หรือรีบไปหายามากินแก้ท้องร่วง เพราะเป็นอาการที่ม้ามขับพิษออกจากร่างกาย ควรปล่อย ให้ร่างกายขจัดของเสียออกให้หมด ก็จะหยุดถ่ายเอง ถ้าไปกินยาระงับเอาไว้ พิษก็จะตกค้าง อยู่ในกระแสเลือด และน้ำเหลือง ควรจะดื่ม น้ำมะพร้าวที่อยู่ชายทะเล หรือบนเกาะที่เป็นสีเหลือง (King Coconut) จะมีประสิทธิภาพ ในการช่วยฟื้นฟูม้าม และขับพิษได้อย่างรวดเร็ว -กล้ามเนื้อ- ความหวานจะซาบซึมไปตามกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหวานอย่างเดียว จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อน เปลี้ย ฉะนั้น หวาน ต้องมีรสเปรี้ยว และขมผสมกัน จึงจะทำให้ กล้ามเนื้อแข็งแรง -ปาก- ปัญหาที่เกิดมาจากกระเพาะอาหารและม้าม จะแสดงออกที่ริมฝีปากตอนบน บางครั้งก็เป็นแผล แสดงว่า ผู้นั้น กินอาหารรสจัด จนเกิดแผลในกระเพาะอาหาร และทางเดินอาหา รตอนบน สีของริมฝีปากตอนบน มีสีชมพู แสดงว่า ระบบดูดซึมปกติ ถ้ามีสีขาว แสดงว่า ระบบดูดซึมอ่อนแอลง ถ้ามีสีเขียวคล้ำแสดงว่า มะเร็งกำลังก่อตัว -กังวล- คนที่มีความกังวลในเรื่องใดๆ บ่อยๆ จะทำให้กระเพาะอาหาร และม้ามอ่อนแอลง ส่งผลทำให้กระเพาะ อาหาร ไม่สามารถดูดซึมได้ดี และม้ามไม่สามารถขจัดเซลล์ เม็ดเลือดตาย ออกได้ จึงทำให้เลือดเป็นกรด และทำให้ มดลูกบวม หรือหย่อนในผู้หญิง ส่วนผู้ชาย จะส่งผลต่อต่อมลูกหมาก เวลา ๑๑.๐๐ น. ถึง ๑๓.๐๐ น. (หัวใจ-H) หัวใจทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกาย ในภาวะปกติหัวใจจะสูบฉีดโลหิต ในระดับ ความดันปกติ หมายความว่า เซลลฺ์เม็ดเลือดแดง ยังไม่ถูกทำลาย ในเซลล์เม็ดเลือดแดง ของผู้ชายมี ๔๐ ล้านเซลล์ ของผู้หญิงมีประมาณ ๓๕ ล้านเซลล์ ถ้านอน ๓ ทุ่ม เซลล์เม็ดเลือด จะแตก ๒.๕ ล้านเซลล์ แต่ถ้านอนดึกกว่านี้ เซลล์เม็ดเลือดจะแตกมากกว่านี้ ทำให้หัวใจ ต้องสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายถี่ขึ้น แรงขึ้น เร็วขึ้น เป็นภาวะของ ความดัน-โลหิตสูง หมอ จะวินิจฉัยว่าขาด แมกนีเซียม ที่ได้จากผัก ถ้าได้แมกนีเซียม จากผักไปทดแทนเพียงพอ คือ กินผักวันละให้ได้ ๑ กิโลกรัม จึงจะสมดุล หรือไม่ก็อย่า นอนดึกเกิน ๓ ทุ่ม ความดันของหัวใจก็จะเป็นปกติ หลายต่อหลายคน ไปหาหมอ เพื่อแก้ความดัน โลหิตสูง หมอจะให้ยาลดความดันมา พอกินนานๆ เข้า ก็จะได้เบาหวาน มาด้วย แล้วก็ต้องมาแก้ เบาหวาน กับหมออีกคนหนึ่ง จึงต้องกินยา แก้เบาหวานไป จนวันตาย อย่างไม่มีทางเลือก แต่เมื่อหันมากิน แมกนีเซียม จากผัก วันละ ๑ กิโล จะทำให้โรคเบาหวานลดลง จนหายขาดได้ ทุกวันนี้น้อยคนนักที่จะกินผักได้วันละ ๑ กิโล และส่วนใหญ่จะนอนเกิน ๓ ทุ่ม ทั้ง ๒ กรณีนี้ ทำให้หัวใจต้อง ทำงานหนัก ไม่รวมถึง การกินของมัน ของหวาน และอาหารขยะ ทุกครั้งเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นที่หัวใจ เช่น เสียดหน้าอก ลิ้นหัวใจทำงานมาก ปวดแถวหัวใจ หายใจ ไม่สะดวก จะโทษว่า หัวใจ มีปัญหา และโทษว่าลิ้นหัวใจมีปัญหา ต้องผ่าตัด ทำบัลลูน ซึ่งความจริงแล้ว ต้นเหตุมาจากอาหารทั้งนั้น อ่านต่อฉบับหน้า - เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๘๓ ตุลาคม ๒๕๔๘ - |