วิธีชนะมิตร และจูงใจคน
หนังสือของ เดล คาร์เนกี้ ขายดีมาตลอดตั้งแต่ใครบางคนเริ่มกินนม จนวันนี้เป็นกินเหล้าแทน
แต่หนังสือก็ขายดีมาตลอด พูดให้เท่ ต้องโฆษณาว่าขายดีมาหลายทศวรรษ !
ลองทำใจ ฉีกตำราทิ้ง จะได้ไม่ตะขิดตะขวงมาดูกระบวนท่าแบบมวยวัด ว่าเขาชนะใจกันด้วยวิธีไหน
ให้วัตถุ วิธีนี้ใช้กันมากในวงการธุกิจร่วมไปถึงวงการเมือง
ให้วัตถุมิใช่แค่ขนมนมเนย แต่หมายถึง เงินเป็นฟ่อนๆ
ให้หน้าบ้านไม่ได้ ก็พยายามให้หลังบ้านให้หลังบ้านกลัวเขาจะรู้ ก็ต้องหาโอกาสในวาระต่างๆ
ครบรอบวันเกิด ครบรอบแต่งงาน หาของขวัญแพงๆ มามอบให้
(จากกรณีศึกษา ยังไม่พบว่ามีการให้ในวันตาย)
หาเรื่องให้ไปต่างประเทศ ก็ไปเลี้ยงดูกันในต่างแดนจะได้ไม่ต้องอายคนไทยด้วยกัน
เอาเงินใส่ซองให้คุณลูกคุณภรรยา ไว้ใช้สอย
รูปแบบของการสร้างบุญคุณ สร้างน้ำใจ ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส
มีทั้ง Direct Free kick และ Indirect Free kick !
อาจจะซื้อพื้นที่โฆษณา
อาจจะอุดหนุนร้านลูกๆ ของเจ้านาย
กระบวนการสร้างหนี้บุญคุณ วันแล้ววันเล่า ย่อมไม่เป็นหมัน
ด้วยความเชื่อมั่นในทฤษฎี "ข้าวมียาง"
หมายความว่า หากกินของเรา เขาย่อมสำนึกในบุญคุณ
เหมือนสุนัขที่เราเอื้อน้ำข้าว มันย่อมกระดิกหางเมื่อเห็นเรา
ทฤษฎี "ข้าวมียาง" ยังคงเป็นทฤษฎีที่อกาลิโกและเอหิปัสสิโก ทุกยุคทุกสมัย
หากไม่จริง ขอให้ฟ้าผ่าตายก็ยินดี
ด้วยเหตุนี้จะปลูกพืชต้องเตรียมดิน จะกินต้องเตรียมอาหาร นักขายมือหนึ่งจึงมีกฎเหล็ก
ไปบ้านท่านอย่านิ่งดูดายซื้อข้าวซื้อของไปฝากสม่ำเสมอ
น้ำหยดลงหิน แม้ไม่ชอบแต่สักวันก็ต้องใจอ่อน
แม้ไม่ใจอ่อน ก็ต้องไม่รังเกียจเราแหงๆ
ขนมครก ๑๐ บาท ส่งทุกเช้า ๑ ปีถามว่าคนรับประทานไม่ใจอ่อน ก็ให้รู้กันไป
ด้วยข้าวของ ของกิน ของใช้ เล็กๆ น้อยๆในหมู่มิตรที่รักกัน เขาพึงมีให้กันสม่ำเสมอ
เหล่านักขายมือหนึ่งทั้งหลาย ต่างก็สวมรอยเลียนแบบ ด้วยหวังจะอยู่ในห้องหัวใจสัก
๑ ห้องของเหยื่อเป้าหมาย!
การเลียนแบบดารา จึงเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้
ความหวังดีถูกโคลนสาดซัด เป็นดีแบบ บูมเมอแรง!
จำได้นักการเมืองคนหนึ่ง ภายหลังพ่ายแพ้เลือกตั้งในครั้งสุดท้าย (ก่อนหน้านี้ชนะ)
"นี่เหรอ รางวัลตอบแทนความดี ของประชาชน!"
เธอด่าประชาชน หาว่าไม่รู้จักยางข้าว!
ดักลอบต้องหมั่นกู้ ซื้อใจต้องหมั่นให้ของบริษัทประกันทุกบริษัทมอบนโยบายให้ปฏิบัติแต่ไม่มอบเงิน!
แต่ทฤษฎีของพระพุทธองค์ ก็จะตักเตือน
"ของฟรีไม่มีในโลก"
เอาของเขามาสักวันก็ต้องใช้คืน!
แต่คนบางคนก็ไม่กลัว มีความสุขสั้นแม้แค่แอกไถ
เพราะคิดได้ บัตรเครดิตจึงเจริญงอกงามราวกับเห็ดหน้าฝน
ให้เวลา เป็นความจริงใจ และปรารถนาดีที่สูงค่าขึ้นอีกระดับหนึ่ง
บางคน แสดงความหวังดีแค่วัตถุ
เหมือนพ่อแม่ที่ดูแลลูกทุกอย่าง ยกเว้นให้เวลา
เหมือนพ่อบ้านที่พร้อมจ่ายเงินทุกก้อนให้ครอบครัว ยกเว้นอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับลูกเมีย
เหมือนเจ้านาย จ๊ะจ๋า แสดงความหวังดี พูดจาห่วงใย แต่ไม่ยอมให้พบ!
"ให้เวลา" จึงคือความปรารถนาของผู้น้อยทุกระดับ ของเพื่อนผู้โศกเศร้าทุกคน
และเป็นหัวใจของการแก้ไขปัญหาทุกหน่วยงาน
ให้โอกาส สุดยอดแห่งความจริงใจและปรารถนาดีกเหนือกว่า
"ให้เวลา"
ด่าน ๓ ถือเป็นด่านหิน
ผู้ให้จะต้องมีจิตใจงดงาม
มีความคิดสนับสนุนให้เขาได้เติบโต
ในประสบการณ์
ในหน้าที่การงาน
ในวุฒิภาวะทั้งหลาย
ใครที่ว่าแน่ๆ บางทีเจอด่านนี้ตกม้าตายหน้าตาเฉย
เขาเห็นอย่างอื่นสำคัญกว่า "เขา"
เมื่อไม่คิดให้ "เขา" ก้าวหน้า จึงไม่ยอมให้ฝึกหัด ทดลอง
กราบคารวะบุคคลหัวใจทอง ผู้หาญกล้าให้คนของตัวเอง บริหาร รับผิดชอบในกิจกรรมในหน้าที่การงาน
ให้อภัย และสุดยอดแห่งสุดยอดของจิตใจมนุษย์ก็คือ การให้อภัย
ไม่ถือสา
ไม่ซ้ำเติม
ไม่พยาบาทอาฆาต
ในหลายๆ ครั้งที่ถูกละเลย ละลาบละล้วงและรุกราน
ผ่านมาก็ผ่านไป เหมือนผายลม
เจ็บช้ำในระยะแรกแต่ก็ลืมได้ไม่จำให้เจ็บให้เสียเวลา
แกร้ายกับฉัน ฉันก็จำตลอดนิรันดร์!
อภัยทานปลูกยาก เพราะต้องอาศัยความเจ็บช้ำเป็นปุ๋ยชีวิต
เลือดสดๆ ต้นอภัยยิ่งแข็งแรง
อย่าว่าแต่ปุถุชน แม้พระอริยะก็ยังผ่านยาก
ด่านนางงามที่ว่าแน่
ด่านโทสะ ร้ายกว่าหลายเท่า
แต่ผ่านได้ กลับเป็นอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่แม้สังฆทาน ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังไม่เท่า
"อภัย" แค่เสี้ยววินาที
๔ ระดับ ๔ วิธีแห่งยุทธศาสตร์ การชนะมิตร และจูงใจคน ไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เกินกำลัง
มนุษย์ไปดวงจันทร์ได้ ทำไมจะไปถึงก้นบึ้ง เพื่อทำความสะอาดจิตภายในไม่ได้
- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๘๖
มกราคม ๒๕๔๙ -