เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๘๘ มีนาคม ๒๕๔๙ หน้า ๑
- จำลอง -

คนบ้านนอกพบกับคนบ้านนอกอยู่เรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เป็นผู้ว่าฯ กรุงอยู่ถึง ๖ ปี แต่ไปอยู่ เมืองกาญจน์เสีย ๑๒ ปี เลยกลายเป็น คนบ้านนอกเต็มตัว ไปไหนมาไหน ก็จะมีคนทักทาย เหมือนญาติ

โรงเรียนผู้นำมีรถหลายคัน(เก่าๆ ทั้งนั้น) มีความสับสนเรื่องลูกกุญแจรถ หายบ้าง มีคน เอาไปลืมไว้ ที่นั่นบ้าง ที่นี่บ้าง ผมเลยต้อง ลงมือสังคายนาเอง เป็นการใหญ่ เตรียมทำ ลูกกุญแจสำรองให้ครบทุกคัน แวะไปที่ร้านทำลูกกุญแจ ขาประจำ ซึ่งมักจะเถียงกันทุกครั้ง เพราะแกชอบลดราคาให้เรื่อย คนจนแต่ไม่จนน้ำใจ ผมเห็นใจแก พยายามจ่ายเต็มราคา แกก็ยอมบ้าง ไม่ยอมบ้าง

ข้างร้านทำกุญแจเป็นร้านปะรองเท้า เจ้าของร้านเห็นผมดีใจ ตะโกนถามทันที

"ลูกพี่ ไม่ไปร่วมชุมนุมไล่นายกฯ กับเขาหรือ คราวที่แล้วให้รัฐมนตรีคนหนึ่งหาเรื่องจะเอาผิดลูกพี่ เรื่องที่ดิน ส.ป.ก. ไงล่ะ ลืมแล้วหรือ" แทนที่ผมจะตอบ ผมกลับถาม "ถ้าผมไป คุณไปด้วยมั้ย"

"ไปซีลูกพี่" แกตอบโดยไม่ต้องคิด

ชาวบ้านร้านตลาดพูดแต่เรื่องท่านนายกฯ ถือว่าพลาดไม่ได้ ต้องวิพากษ์วิจารณ์กันให้มันปาก ถัดจากเรื่องขายหุ้น ๗๓,๐๐๐ ล้านบาท ก็มาถึงเรื่องปล่อยให้นักจัดรายการสถานีโทรทัศน์ และสถานีวิทยุของราชการจาบจ้วงป๋าพร้อมๆ กับปกป้องนายกฯ

"ครู บ้านเมืองแย่อย่างนี้ ครูไม่คิดอะไรหรือ" ผู้ที่พูดคำนี้ทางโทรศัพท์ เป็นนายพลทหารเรือ (ซึ่งทหารเรือ จะเรียกนายทหาร ที่อาวุโสกว่าว่า "ครู" ส่วนทหารบกจะเรียก "พี่") ผมนึก ปลอบใจตัวเองว่า ผมได้เขียนจดหมายรัก ถึงนายกฯ แล้วนี่ นายพล ทหารเรือคนนั้น เห็นว่าไม่พอ จึงโทรศัพท์กระทุ้งผม

นายพลทหารบกคนหนึ่งไปดักพบผมที่บ้าน "พี่ ท่าน พลอากาศเอก...ขอให้ผมมาบอกพี่ พี่เป็นคนเปิดยักษ์ ออกมาจากขวด พี่ต้อง ช่วยจับ เข้าขวด" ตรงกับคำพูดของเพื่อน ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง

ใครๆ พยายามจะเอา "จำลอง" เป็น "จำเลย" ให้ได้ เข้าทำนอง

"เพราะข้าโง่มาก่อนไง...ข้าจึงหลงส่งเสริมเขา!!!"