เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๘๘ มีนาคม ๒๕๔๙ หน้า ๓ " เพราะข้าโง่มาก่อนไง... ข้าจึงหลงส่งเสริมเขา!!!" "แม้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เป็นนายกฯ มาถึงจุดนี้ รู้สึกเสียดาย เสียใจ และผิดหวังที่สุดในชีวิต ผมไม่มีอคติ กับน้องทักษิณ แต่ได้พูดกันแล้ว แต่ก็ไม่ฟัง" ..เสนาะ เทียนทอง (ไทยรัฐ ๑๓ ก.พ. ๔๙) นี่คือตัวอย่างความผิดหวังทางอารมณ์ของผู้คนมากมายในกลุ่ม ๑๙ ล้านเสียง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคอลัมนิสต์ นักวิชาการ ชาวบ้านหรืออาจารย์ในมหาวิทยาลัยฯลฯ ต่างก็สะท้อนความรู้สึกออกมาในทำนองเดียวกัน "เราคิดอะไร" ฉบับนี้จึงขออนุญาต สารภาพผิดแทน เหล่าพี่น้องทั้งมวล ที่พากันผิดหวัง จึงเป็นที่มาของชื่อ ฉบับนี้ว่า "เพราะข้าโง่มาก่อนไง...ข้าจึงหลงส่งเสริมเขา!!!" ต้องยอมรับว่า ในเบื้องต้น ท่านนายกฯทักษิณ สามารถสร้างภาพที่ดีงามได้ตรึงตราตรึงใจ จนชาวบ้าน ยังหลงใหล คลั่งไคล้กันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าภาพความขยัน ถึงลูกถึงคน ถึงพริกถึงขิง ความมุมานะสู้ไม่ถอย โดยเฉพาะ การทุ่มเท เงินทุนเข้าไปให้ชาวบ้าน เป็นนโยบายประชานิยม ที่ผลประโยชน์ตกอยู่กับประชาชนในระยะแรกๆ แต่ระยะหลังๆ นานไปผลประโยชน์ ได้กลับมาอยู่ที่นายทุนขาใหญ่ไม่กี่คน จนประชานิยม กลายเป็นประชาระทม หนี้สินครัวเรือน เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว จากปี ๔๕ เป็นหนี้กัน ๘๔,๐๐๐ บาท แต่พอปี๔๗ หนี้ครัวเรือนขยายตัวถึง ๑๑๓,๐๐๐ บาท ยิ่งปี ๔๘ น้ำมันแพง แบบพุ่งกระฉูด หนี้สินของชาวบ้าน ยิ่งบานตะเกียง จนจำกันแทบไม่ได้ว่า ไปกู้ยืมใครมาบ้าง เพราะรัฐบาลส่งเสริม การสร้างหนี้ ที่ชาวบ้านกู้มาได้ง่ายๆ ส่วนเวลาใช้คืน ก็ไปกู้แหล่งใหม่ มาโปะใส่แหล่งเก่า จนกลายเป็น คนมีหนี้สิน ล้อมหน้าล้อมหลัง กันไปทั้งบาง แต่ข้อน่ากังขาอยู่ที่ว่า ขณะที่ประชาชนพากันมีหนี้สินมากล้นพ้นตัว แต่ทรัพย์สินของท่านผู้นำ และเหล่าวงศา คณาญาติ ทั้งบริวาร ต่างร่ำรวยขึ้นมาอย่างผิดปกติ จนได้มีการบัญญัติศัพท์ เพื่ออธิบายสภาพการณ์นี้ว่า "โคตรานุวัตร" คือการโกงกันทั้งโคตร ซึ่งรุนแรงกว่า โคตรโกงเป็นไหนๆ จริยธรรม และคุณธรรมของท่านผู้นำอยู่หนใด? จึงเป็นคำถามที่ติดอกติดใจของเหล่าคณาจารย์ทั้งหลาย ที่มองเห็นว่า การบริหาร บ้านเมืองของท่านนายกฯ เป็นทิศทาง ที่นำไปสู่โลภมูล (ทุนนิยมจ๋า) -โทสมูล (อำนาจนิยมจัด) -และโมหมูล (บริโภคนิยมเพียบ) ถ้าเปรียบกับ ปาราชิกของพระ ถ้าโลภไปลัก หรือโกงสมบัติ ของผู้อื่น เกิน ๓๐๐ บาท (๕ มาสก) ก็ต้องถือว่า ปาราชิกไปแล้ว เรื่องของโลภะ ก็ดูจะประจักษ์แจ้งแก่สาธารณชนอยู่แล้ว กรณีการซุกหุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าก็ดี ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น มากมาย หลายสิบเท่าตัว จนมีมูลค่า หลายแสนล้าน ในเวลา๕ ปีก็ดี แล้วก็ยังแถม หลีกเลี่ยงการเสียภาษี อีกต่างหาก การมุ่งแต่ตัวเลข และกำไรสูงสุด จนลืมคิดถึง ความมั่นคงของชาติ กรณีการขายดาวเทียมไทยคมก็ดี การขาย สถานีโทรทัศน์ ให้แก่ต่างชาติก็ดี ย่อมเป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึง ความขาดจริยธรรมของผู้นำ อย่างสิ้นเชิง ในเรื่องของโทสะ ที่แสดงออกในรูปของการใช้อำนาจอย่างเผด็จการ นับตั้งแต่การกดดันให้พรรคการเมืองต่างๆ ต้องจำยอม สลายตัว เพื่อสามารถ รวบอำนาจ ครองเสียงข้างมาก ในสภาได้โดยเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด นอกจากนี้ ก็ยังดำเนินการ ครอบงำวุฒิสภา และองค์กรอิสระต่างๆ อาทิ ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฯลฯ เพื่อทำให้องค์อิสระต่างๆ ขาดประสิทธิภาพ ที่จะตราจสอบ การทุจริต ตามหน้าที่ที่ได้บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกัน ก็ดำเนินการครอบงำปิดกั้นเสรีภาพ ของสื่อมวลชน เพื่อ ไม่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบ ถ่วงดุลรัฐบาล และปิดหูปิดตา ลิดรอนสิทธิของประชาชน จึงเป็นการทำลาย ทั้งโครงสร้าง และพื้นฐาน ของประชาธิปไตย ให้หมดสิ้นไป และแม้แต่ในเรื่องของโมหะที่หนาแน่นอยู่กับวัตถุนิยม และบริโภคนิยมจนนานๆ ครั้งจึงได้ยินคำว่า "เศรษฐกิจ พอเพียง" แต่โครงการรัฐบาล กลับกระหึ่ม และกึกก้องอยู่กับ "เมกะโปรเจ็คต์" จากวิถีชีวิตและวิสัยทัศน์ ที่ไม่พอเพียง ของท่านผู้นำ จึงทำให้ปวงประชา พากันเจริญ เจริญรอยตาม พากันกู้หนี้ยืมสิน โดยเอาเงินในอนาคต มาใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย เด็กและเยาวชน ถูกหายนธรรมจากต่างชาติ เข้ามาครอบงำ จนทำให้ศีลธรรมเสื่อมทราม ตกต่ำอย่างรุนแรง กลายเป็นโมหะชน ที่มีร่างเป็นคน แต่จิตใจเป็นสัตว์อมนุษย์ ที่ไม่รู้บาปบุญคุณโทษ พร้อมจะทำ เลวร้ายได้ทุกขณะ เพราะเห็นแก่สินค้าฟุ่มเฟือย ทันสมัย ที่โหมโฆษณา อย่างบ้าเลือด เต็มจอทีวี. เมกะโปรเจ็คต์ ด้านอบายมุข ทั้งเหล้าเบียร์ หวย บ่อนคาสิโน กำลังมาแรง เพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโต บนความล่มสลาย หายนะ ของสังคม ด้วยความที่ท่านนายกฯ ทักษิณ มีความสุดยอดของนายทุน (พ่อค้า) ขุนศึก (ตำรวจ) และสุดยอดของ นักการเมือง อย่างครบเครื่อง อยู่ในตัวคน คนเดียวกัน จึงบริหารบ้านเมือง ให้เกิดความเสียหายร้ายแรง กลายเป็นภูเขา น้ำแข็ง ที่เริ่มโผล่ยอด ออกมาให้เห็น กันอย่างน่ากลัว กว่ายุคสมัยใดๆ ทั้งหมดทั้งปวงนี้ล้วนเกิดมาจาก ข้าโง่มาก่อนไง แต่ตอนนี้ถึงได้รู้ซึ้งว่าคนยิ่งรวยยิ่งอยากได้มากกว่าคนจน คนธรรมดา ทั่วๆ ไป ถึงคนจน จะอยากได้ ก็ไม่มีปัญญา ที่จะไปเอารัดเอาเปรียบใคร ได้มากเท่าคนรวยอยู่แล้ว เมื่อมีความมืดก็ย่อมมีความสว่าง ในความร้ายก็ย่อมมีความดี สิ่งที่ร้ายมากก็อาจนำไปสู่ความดีมากๆ จากการ ที่ภาคประชาชน นิสิตนักศึกษา ครูบาอาจารย์ และองค์กรเอกชนต่างๆ ออกมารวมตัวกัน เคลื่อนไหวเรียกร้อง ถามหา จริยธรรม และคุณธรรม ด้วยความสงบเรียบร้อย อย่างสันติ อหิงสา ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผ่านๆ มา นับเป็น การพัฒนา ประชาธิปไตยทางฝ่ายภาคประชาชน ที่น่าภาคภูมิใจยิ่งนัก ของสังคมไทย และสิ่งที่น่าจะทำให้หูตาสว่าง บรรลุสัจธรรมไปตามกัน นั่นก็คือ แม้จะมีอำนาจล้นฟ้า แถมมีเงินมากมายมหาศาล สักปานใด ก็ไม่สามารถ ทำชีวิต ให้พบกับความสุขได้เลย หากไม่ได้ประกอบ "กรรม" ให้สุจริต "กรรม" จึงเป็น ทรัพย์แท้ ที่ติดตัว และติดตามมนุษย์ไป อยู่ทุกขณะเวลา เราจะสุขจะทุกข์ ก็ขึ้นอยู่กับ การดลบันดาลของ "กรรม" ที่เราได้กระทำไปนั่นเอง ก็คงต้องขอขอบคุณท่านนายกฯ ทักษิณที่มีส่วนช่วยให้ผู้คนได้พบแสงสว่างในชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ และ จะเป็นพระคุณมากยิ่งขึ้น หากท่านจะยอมเสียสละ เพื่อชาติแผ่นดิน ด้วยการยอมลาออกจาก นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นการ ลงจากเก้าอี้ อย่างสง่างาม กรรมที่เสียสละในครั้งนี้ ย่อมมีผลทำให้บ้านเมือง เกิดความสงบ เรียบร้อย และย่อมมีอานิสงส์ ให้ท่านอยู่ในแผ่นดินไทย ต่อไปได้อย่างสันติ ไม่ต้องร่อนเร่พเนจร เหมือนจอม เผด็จการ ที่ถูกโค่นล้มขับไล่ จนหาแผ่นดิน อยู่ไม่ได้ - จริงจัง ตามพ่อ - |