เรื่องอย่างนี้ต้องช่วยกันเผยแพร่
- สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์ - [email protected] จาก น.ส.พ.ไทยโพสต์ ๖ ก.พ. ๔๙

ทรัพย์สินของประเทศไทย

ประเทศไทย ภาษาไทย และวัฒนธรรมไทย คงมีอายุหลายพันปีมาแล้ว แต่ประวัติศาสตร์ความเป็นประเทศไทย จริงจัง เริ่มในสมัยกรุงสุโขทัย เมื่อประมาณ ๗๐๐-๘๐๐ ปีมานี้เอง เกษตรกรรมคืออาชีพที่พอเพียงของชีวิต อากาศบริสุทธิ์ ไม่มี มลภาวะ ทางแสงสีเสียง ไม่มีมลภาวะจากอุตสาหกรรม ไม่มีมลภาวะจากเทคโนโลยีขั้นสูง ทุกข์ของชาวบ้าน ในทาง ธรรมชาติก็มีบ้าง เช่น น้ำมากน้ำท่วมและฝนแล้ง นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ทุกข์สุขของชาวบ้าน จะมาจาก ผู้ปกครอง ประเทศชาติมากกว่า บางช่วงดีชาวบ้านมีความสุขกันทั่วหน้า บางช่วง อ่อนแอ ขุนนางคอรัปชั่นรีดนาทาเร้น กดขี่ ข่มเหง ชาวบ้าน เป็นทุกข์กันทั่วหน้า

ทุกวันนี้การปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย เลือกผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนเข้าไปบริหารประเทศ แต่วิสัยทัศน์ และ ปรัชญาหลัก ในการบริหารประเทศก็ขึ้นอยู่กับขุนนางเหมือนเดิม วิกฤติเศรษฐกิจของชาติ เกิดจากวิสัยทัศน์ และปรัชญา ที่ผิดพลาด ของขุนนางเอง แล้วเขาก็ตามมาซ้ำเติมทำร้ายประชาชนอีก โหดร้ายทารุณกับเอกชนและประชาชนอย่างเดียว รัฐบาลชวน มีการตั้ง ปรส. (บบส.) มาจัดการกับสินทรัพย์ของสถาบันการเงินที่เกิดความเสียหาย รัฐบาลทักษิณก็มีการตั้ง บสท. มาจัดการกับทรัพย์สินของภาคการผลิตจริงที่มีปัญหาเช่นกัน ทั้ง ปรส. (บบส.) และ บสท. มีปรัชญาคล้ายกัน นั่นคือวิสัยทัศน์ และปรัชญาของขุนนาง ส่วนต้นเหตุที่ก่อให้เกิดวิกฤติไม่ได้มีการแก้ไข มีแต่โยนความผิดให้ต่างชาติว่า มาโจมตี ค่าเงินบาท ถ้าเราไม่อ่อนแอเองแล้วเขาจะมาโจมตีได้อย่างไร ความไม่ถูกต้อง ยังคงอยู่ และจะรอซ้ำเติมปัญหา ให้ประเทศไทย ในรอบหน้าต่อไป คนผิดของทางการจำนวนหนึ่งที่ถูกระบุไว้ในเอกสาร ศปร. กลับไม่ได้รับการพิจารณา แต่อย่างใด และยังมามีตำแหน่งหน้าที่สำคัญในรัฐบาลปัจจุบันอีก

พบว่าวิกฤติเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศมีต้นเหตุมาจากความผิดปกติในตลาดหุ้น เช่น เม็กซิโก บราซิล อาร์เจนตินา ฟิลิปปินส์ ไทย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ตุรกีและสหรัฐอเมริกา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประสบ วิกฤติเศรษฐกิจ อย่างหนัก ทุกวันนี้ ก็มีต้นเหตุมาจากความผิดปกติในตลาดหุ้นเช่นกัน ทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐตกต่ำ และไหลออก จากประเทศ แทบเกลี้ยง ทำให้ทุนสำรองของประเทศต่างๆ ทั่วโลกสูงขึ้น ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนสูงกว่า ๘๐๐,๐๐๐ ล้าน เหรียญ สหรัฐ ของมาเลเซียสูงถึง ๗๕,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ ของประเทศไทยสูงขึ้นถึง ๕๐,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ไทย สามารถใช้หนี้ ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด

การแก้ปัญหา ภาคเอกชนใช้เวลาสร้างตัว ๓๐-๔๐ ปี ช่วงวิกฤติที่ผ่านมาทำให้ล้มลงทั้งประเทศ ทางการก็มาเล่นงาน ที่เอกชนอย่างเดียว ที่จริงความเสียหายหนักขนาดนี้ หากแก้ไขอย่างถูกทิศทางจะต้องใช้เวลา๑๐-๑๕ ปี แต่ทางการ จะให้จบลง อย่างรวดเร็วใน ๔-๕ ปี มีการลดทุน แปลงหนี้เป็นทุน แล้วฮุบทรัพย์สินของเอกชนนำไปเป็นของรัฐ นำไป ขายทอดตลาด และนำไปขายให้ต่างชาติ ขายได้ราคาถูกมาก ขายแบบเทน้ำเทท่า แม้จะทำถึงขนาดนี้ ก็ยังไม่สามารถ ใช้หนี้ ที่ก่อไว้ได้หมด ต้องผลักภาระมาเป็นหนี้สาธารณะอีกกว่า ๑.๕ ล้านล้านบาท

พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ อ้างทุนนิยมเป็นแนวทางในการบริหารประเทศ "ประเทศทุนนิยมก็ต้องเป็นแบบนี้ ..กฎหมายเราเก่าล้าสมัย เราต้องแก้กฎหมายเพื่อให้ก้าวทันกับโลกาภิวัตน์ ไร้พรมแดน ..ประเทศเราไม่มีเงิน ก็ต้องให้ ต่างชาติมาลงทุน ฯลฯ" ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นแม่แบบของประเทศทุนนิยม ทุกวันนี้ก็ได้รับความเสียหายหนัก จากตลาดหุ้นเช่นกัน แล้วเรายังจะไปเลียนแบบเขาอีก เราได้แก้กฎหมายทางธุรกิจหลายอย่าง ให้แก้กฎหมาย เพื่อนำ ธุรกิจ แอลกอฮอล์เข้าตลาดหุ้นได้ ออกกฎหมายเปิดเสรี ๒๐ ธุรกิจบริการ แก้ไข พ.ร.บ.การประกอบ กิจโทรคมนาคม เพื่อเพิ่มเพดานสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติจาก ๒๕ % เป็น ๔๙ % และตัดเงื่อนไข ต้องมีกรรมการ บริษัทเป็นบุคคล ถือสัญชาติไทย ไม่น้อยกว่า ๓ ใน ๔ ออก เป็นการแก้กฎหมาย เพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจส่วนตน และเพื่อต่างชาติ

นาย Matin Wheeler อายุ ๔๒ (ตอนให้สัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่ง) เป็นชาวอังกฤษ จบปริญญาตรีเกียรตินิยมภาษาละติน จากมหา-วิทยาลัยลอนดอน ได้สาวไทยคนขอนแก่นเป็นภรรยา ชื่อนางรจนา วีลเลอร์ มีบุตรชาย ๒ คน บุตรสาว ๑ คน อยู่ประเทศไทยมา ๑๒ ปีแล้ว ทุกวันนี้ประกอบอาชีพเป็นชาวนา พูดถึงเรื่องทุนนิยมอย่างน่าฟัง "ผมคิดว่าคนไทยส่วนมาก ยังไม่เข้าใจระบบทุนนิยม เห็นฝรั่งที่ไหนก็คิดว่ารวยไปหมด เก่งไปหมด คิดว่าการพัฒนาในระบบทุนนิยม จะทำให้ทุกคน มีเงิน ไม่เข้าใจว่าประเทศที่พัฒนาระบบทุนนิยมนานแล้ว เช่น อังกฤษ สหรัฐ มีปัญหาเยอะมาก แต่คนไทยคิดว่า เมืองนอก ดีกว่า อันนี้จุดอ่อนครับ คือคนไทยสนใจเมืองนอก ไม่ได้สนใจประเทศไทย ผมเป็นฝรั่งคุณเลยนั่งฟังผม ถ้าผม เป็นชาวบ้าน คุณจะไม่สนใจผม อันนี้เป็นจุดอ่อนนะ แต่จุดแข็งคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แผ่นดิน ประเทศไทย อุดมสมบูรณ์มากๆ ที่ดินเยอะมาก น้ำเยอะมาก แสงแดดเยอะมาก ทำเกษตรอยู่รอดแน่ เป็นพลังแผ่นดิน ใครๆ ก็อยาก ได้ประเทศไทย ผมก็ได้ถึง ๖ ไร่ ..ชาวบ้านธรรมดาที่อังกฤษนั้นจริงๆ เขาลำบากกว่าคนไทยมาก เป็นสิ่ง สำคัญที่สุด ที่ผมได้เห็น ชีวิตของชาวบ้านที่อังกฤษแย่มาก คนที่นั่น ๖๐ % ไม่มีบ้าน ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา จะไม่ได้ เป็นเจ้าของบ้าน ต้องไปเช่าบ้านจากเจ้านายตลอดชีวิต ๙๘ % ไม่มีใครมีที่ทำกินแล้วก็อยู่ในเมือง เป็นขี้ข้าเขาหมด แม้แต่เป็น ผู้จัดการ ก็เป็นขี้ข้าด้วย เพราะไม่มีใครพึ่งตนเอง ไม่มีใครมีที่ทำกิน จะไปทำอะไรช่วยตัวเองก็ไม่ได้ จะไปสุขอะไร ก็ไม่ได้ ต้องไป หาเงิน ชีวิตอยู่กับเงินอย่างเดียว เงินเยอะก็มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้เงินน้อย คุณภาพชีวิต ก็ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่"

Mr.Matin Wheeler ประทับใจในเศรษฐกิจพอเพียง "ก็ในหลวงบอกไว้แล้วว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเสือ ขอให้มีอยู่มีกิน ไว้ก่อน ถ้าทุกคนเริ่มคิดจริงๆ ถึงสิ่งที่ในหลวงพูด เราน่าจะช่วยให้ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะความคิดของในหลวง เรื่อง เศรษฐกิจ พอเพียงต้องอาศัยพลังแผ่นดิน ทำได้เฉพาะประเทศไทยนะ เศรษฐกิจพอเพียง ที่อื่นทำไม่ได้หรอก เพราะเขา ไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะเหมือนประเทศไทย"

เขาพูดถึงขุนนางอังกฤษเช่นกัน "อังกฤษเป็นประเทศเก่าแก่มาก สมัยโบราณเป็นระบบศักดินา มีขุนนาง และชาวบ้าน เป็นขี้ข้า ทุกวันนี้แม้ยกเลิกระบบนั้นแล้ว แต่ที่เคมบริดจ์ยังเจอวัฒนธรรมแบบขุนนาง เป็นสังคมเล็กๆ ผ่านมา ๒๐๐-๓๐๐ ปีแล้ว แต่ไม่รับรู้อะไร ไม่เข้าใจชาวบ้าน เขาคิดแต่เรื่องสังคมเล็กๆของเขาในกลุ่มคนชั้นสูง เป็นพวกหอคอยงาช้าง" ..ตอนหนึ่ง เขาพูดว่า "ต้องเข้าใจว่าคนอังกฤษอยู่บ้านนอกไม่ได้ เพราะชนบทมีพื้นที่นิดเดียว พวกขุนนางยึดหมด คนยากจน จึงอยู่ชนบทไม่ได้ ต้องไปอยู่ในเมืองที่สกปรก"

เขาพูดถึงทุนนิยมอีกว่า "ปัญหาของระบบทุนนิยมคือเรื่องเงิน เงินถูกจำกัดเป็นก้อนเล็กๆ คนรวยกวาดเงินไปเยอะ จนเหลือนิดเดียว มันแบ่งกันไม่ลงตัว ทำให้มีคนจนเยอะ ถ้ามีคนรวย ๑ คน จะมีคนจนเป็นร้อยเลย ระบบทุนนิยม จึงอยู่ได้ ปัญหาของคนยากจนคือทำยังไงจะมีชีวิตที่ดี เราจะหลุดพ้นจากความยากจนได้ ต้องหาสิ่งที่ไม่ใช่เงิน อันนี้ เป็นจุดเด่น ของประเทศไทย ชาวบ้านธรรมดาอาจจะไม่มีเงินเยอะ แต่เขาสามารถ จะหาหลายสิ่งหลายอย่าง ที่มีคุณค่า มากกว่าเงินตั้งเยอะ"

ฟังคนอังกฤษที่มีประสบการณ์กับประเทศทุนนิยมมาก่อนพูด ทำให้ทราบว่าประเทศไทยทุกวันนี้ก็เป็นอย่างอังกฤษเช่นกัน ผืนดินทั่วประเทศ ถูกซื้อและให้เช่าไปเป็นส่วนใหญ่เช่นกัน ทำให้คนต่างจังหวัดต้องเข้ามาหางานทำ เป็นลูกจ้าง ในเมือง และ ในกรุงเทพฯ ทุนนิยมจึงไม่ใช่ระบบที่ดี ทุนนิยมเป็นเรื่องของคนกลุ่มน้อยของระบบ คนส่วนใหญ่ เป็นเพียงขี้ข้า ของทุนนิยม ระบบที่ดีคือต้องทำให้คนส่วนใหญ่มีชีวิตที่ดี ความคิดแบบทุนนิยมนั้น พัฒนามากเท่าใด ก็สร้างปัญหา ให้คนส่วนใหญ่ มากเท่านั้น นั่นคือเรากำลังแก้ปัญหาความยากจนแบบผิดทิศทาง คนส่วนน้อย ๒๐ % ของประเทศ เป็นเจ้าของ สินทรัพย์ ๘๐ % ของประเทศ แต่คนส่วนใหญ่หรือ ๘๐% ของประเทศ เป็นเจ้าของทรัพย์สิน ของประเทศ เพียง ๒๐ % เท่านั้น

ค่าเงินบาทเสียหายนั่นเองที่บอกว่าประเทศไทยจน สะท้อนถึงความผิดพลาดในวิสัยทัศน์และปรัชญาการบริหารประเทศ ทำให้ประเทศไทย จนลงอย่างแท้จริง คนที่จนอยู่แล้วก็ยิ่งจนลงไปอีก การแก้ปัญหาความยากจน ที่ถูกทิศทาง ต้องทำ ให้ระบบ มีเสถียรภาพ ต้องทำให้ตลาดหุ้น ค่าเงินและดอกเบี้ยมีเสถียรภาพ หากเรื่องที่กล่าวนี้ไม่มีเสถียรภาพ ก็จะทำ ให้เศรษฐกิจ ของชาติล้มลงอีก แล้วก็จะไปกระทบถึงคนยากคนจนอีก

ผู้นำพูดว่า "รากหญ้าเป็นฐานใหญ่ของสามเหลี่ยมในระบบเศรษฐกิจประเทศ ต้องขจัดความยากจน ที่ระดับรากหญ้า แล้วเศรษฐกิจ ของประเทศจะแข็งแรง" แท้ที่จริงแล้ววิกฤติเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมา เอกชน(นายทุน) เสียหายและล้มลง ทั้งประเทศ นั่นคือทรัพย์สินของประเทศ ๘๐ % ที่เป็นของเอกชนหรือเป็นนายทุน ไดัรับความเสียหายมากกว่า ทำให้ สภาพคล่อง ของระบบเสียหาย แล้วค่าเงินบาทก็เสียหาย ซึ่งส่งผลให้คนทั่วประเทศเดือดร้อนไปด้วย ทรัพย์สิน ของ รากหญ้า ก็พลอยเสื่อมค่าไปด้วย ราคาน้ำมันโลกสูงขึ้นและประเทศที่ค่าเงินเสียหายต้องซื้อ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น กว่าประเทศ ที่ค่าเงินไม่เสียหาย มีผลให้ข้าวของเครื่องใช้ในประเทศราคาสูงขึ้น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ของนำเข้าแพง ทุกสิ่งทุกอย่างแพง แต่เปิดเสรีการค้า (FTA) ทำให้ผักผลไม้ที่ไทยปลูกได้มีราคาถูกลง ผลิตภัณฑ์ การเกษตรราคาถูกลง ส้มเหลือกิโลกรัมละ ๕ บาท ขาดทุนกันทั่วหน้า เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ความผิดของเอกชน และ รากหญ้า แต่เอกชนและรากหญ้าต้องมารับกรรม

เรามีโมเดลมากมาย บอสตันโมเดลบ้าง ฮอลลีวูดโมเดลบ้าง มงฟอร์ตโมเดลบ้างอาจสามารถโมเดลล้าง ตอนนี้ผู้นำประเทศ มีวิสัยทัศน์ใหม่อีก เป็นวิสัยทัศน์ที่เกิดขึ้นหลังการขายชินคอร์ป ยังไม่มีชื่อโมเดล โดยให้คนรวย บริจาคเงิน ช่วยพัฒนา คนจน เงินที่นำไปบริจาคสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ เรื่องนี้จะทำให้เกิดระบบอุปถัมภ์ขึ้นมา คนรวยหลายคน รวยมา ได้อย่างไร ทำให้นึกถึงคำพูดของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ท่านว่า "ประเทศไทย หากไม่คอรัปชั่น ไม่โกง ถนนในประเทศไทย สามารถปูลาดด้วยทองคำได้" นั่นคือคนรวยไม่ต้องบริจาคหรอก เพียงไม่ช่วยกัน คอรัปชั่น ไม่ช่วย กันโกง มันก็จะไม่ส่งผลกระทบถึงรากหญ้าแล้ว เท่านี้พอใจแล้ว เท่านี้ก็จะทำให้ ประเทศไทยดีขึ้นได้

เรามักได้ยินการฟอกเงิน การบริจาคอาจจะเป็นการฟอกจริยธรรมได้ การทำธุรกิจสีเทาที่เลี่ยงกฎหมายที่ผิดศีลธรรม รวมทั้ง การขายสมบัติชาติแล้วร่ำรวยขึ้น แล้วนำเงินมาบริจาค ผู้คนก็นับหน้าถือตาว่าเป็นคนดี แต่น้อยนัก ที่จะบริจาค แล้วไม่หวัง ผลตอบแทน อย่างน้อยบางคนก็ได้ฟอกจริยธรรม คนบริจาคจะมาทวงสิ่งตอบแทนภายหลังได้ ขอตั้งแหล่ง กาสิโนบ้าง ขอให้นำอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์เข้าตลาดหุ้นบ้าง อบายมุขในชาติก็เพิ่มขึ้นอีก ประเทศชาติเบี่ยงเบนมากขึ้น เมื่ออยู่ได้ แต่ด้วยการอุปถัมภ์ค้ำจุน ของอบายมุข แล้วคนในชาติจะมีชีวิตที่ใสสะอาดได้อย่างไร

การได้เสียในตลาดหุ้นมีมูลค่าสูงมาก ขุนนางหาเงินจากการซื้อขายหุ้นได้อย่างง่ายดาย เป็นการคอรัปชั่นที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ได้เงินง่ายและมากกว่าการคอรัปชั่นแบบอื่นอีกด้วย นักข่าวทราบและถามนายกฯ "มีนักการเมืองปั่นหุ้น?" นายกฯ ตอบ "ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย" แต่นักการเมืองก็อยู่เหนือตลาดหุ้น สามารถสั่งต่ออายุผู้จัดการตลาดหุ้นได้ สั่งแก้กฎหมาย ก.ล.ต. เพื่อให้แอลกอฮอล์เข้าตลาดหุ้นได้ สั่งการอื่นๆ ในทางที่ก่อประโยชน์แก่ตัวนักการเมืองเองได้ ไม่ไยดี ว่าจะส่งผลเสีย ต่อสังคมอย่างไร นักการเมืองที่มีทั้งทุนและอำนาจเข้าแทรกแซงทุกอณูในประเทศไทย องค์กร อิสระ อย่างสภาสูง ก็ยังแทรกแซงได้ วุฒิสมาชิกส่วนใหญ่จึงเบี่ยงเบนและไม่มีศักดิ์ศรี ประเทศไทย จึงเละเหลว แต่อย่างเดียว

ระบบของตลาดหุ้น หุ้นหลังเข้าตลาดราคามักจะสูง ๕-๑๐ เท่า หรือมากกว่าได้ เช่น ราคาพาร์ ๑ บาท อาจจะขาย ในตลาดหุ้น ที่ราคา ๑๐ บาทได้ ก่อนเข้าตลาดมีทุนเท่ากับ ๕๐ ล้านบาท ก็จะกลายเป็น ๕๐๐ ล้านบาท ทุน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ก็จะกลายเป็น ๕๐,๐๐๐ ล้านบาทได้ การขายหุ้นชินคอร์ปได้เงิน ๗.๓ หมื่นล้านบาท ให้ต่างชาติ ก็อาจจะน้อยไป ด้วยซ้ำ ชาวนา ปลูกข้าวขายสู้ตลาดหุ้น ให้ชาวบ้านพิมพ์กระดาษมาขายไม่ได้ ได้ราคาดีกว่าปลูกข้าว เป็นล้านเท่า

ตลาดหุ้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤติชาติ ในสมัยรัฐบาลชวน ๑ ตลาดหุ้นถูกต่างชาติลากไปเชือดในต้นปี ๒๕๓๗ ที่ ๑,๗๕๐ จุด จากนั้นก็พังทลายลงมาอย่างรุนแรง ทำให้สภาพคล่องเสียหายหนัก เอกชนล้มลงทั่วประเทศ และทำให้ค่าเงินบาท เสียหายในที่สุด ในสมัยชวน ๒ ช่วงปี ๒๕๔๑ สถาบันการเงินขาดสภาพคล่องอย่างหนัก นายกฯ ชวนต้องเดินทาง ไปสิงคโปร์ ขอให้เขามาร่วมทุน กับประเทศไทย ทำให้สถาบันการเงินไทยตกไปเป็นของต่างชาติเกือบหมด เหลือตกเป็น ของ กระทรวงการคลัง ๓ แห่ง คือ ธนาคารไทยธนาคาร ธนาคารนครหลวงไทย และธนาคารทหารไทย ทุกวันนี้ เราก็ยัง อยู่ได้ ด้วยทุนต่างชาติ เป็นส่วนใหญ่ ที่เป็นทุนของคนท้องถิ่นตอนนี้เหลือน้อยแล้ว ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคาร กสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ จะมีต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่ ภาคการผลิตจริงจำนวนมากก็ไม่ใช่ของคนไทยแล้ว มันเป็นของ ต่างชาติไปแล้ว เจ้าของกิจการกลายมาเป็นลูกจ้างของบริษัทที่ตนเองเคยเป็นเจ้าของก็มี

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๘๘ มีนาคม ๒๕๔๙ -