บ้านป่านาดอย โดย จำลอง ศรีเมือง | |
บ้านป่าแห้งแล้งมานาน พอฝนตกลงมาสองสามครั้ง ทั้งไม้ป่าไม้บ้าน ก็สดชื่นมีชีวิตชีวา อย่างเห็นได้ชัด อยู่บ้านป่ามาเกือบ ๒๐ ปี เพิ่งได้พบลูกเห็บ (ฝนน้ำแข็งหล่นจากฟ้า) ผู้ที่กำลังรับการฝึกอบรมผู้นำ อยู่ในระหว่างพักพอดี ออกไปเก็บลูกเห็บกันสนุกสนาน บางคนเกิดมาไม่เคยเห็นลูกเห็บก็มี ผมจากบ้านนอกไปเมืองนอกเสีย ๕ วัน ไปร่วมงานพันธมิตรในสหรัฐอเมริกา ที่จัดคอนเสิร์ตการเมือง ที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา พอเดินทางถึงโรงแรม ค่ำวันที่ ๑๔ มีนาคม คนไทยกลุ่มหนึ่ง ก็ตรงเข้ามาทักทาย พร้อมกับเสนอเป็นเสียงเดียวกันว่า "พันธมิตรต้องตั้งพรรคการเมือง" มิฉะนั้น จะช่วยบ้านเมืองไม่ได้ "การเมืองเก่า" ใช้ไม่ได้แล้ว ต้องมี "การเมืองใหม่" มาแทน ชาวไทยในสหรัฐ คงรู้สึกเหมือนพวกเราในเมืองไทย ไม่เชื่อมั่น "การปฏิรูปการเมือง" ที่รัฐบาลมอบให้ "สถาบันพระปกเกล้า" เป็นเจ้าภาพ ว่าจะเปลี่ยนแปลงการเมืองได้ คงเพียงแต่ซื้อเวลา เอาใจประชาชนไปพลางๆ รัฐบาลได้ตั้งอาจารย์สุจิต บุญบงการ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธาน คณะทำงานเชิญผู้รู้อีก ๕๐ คน จากวงการต่างๆ เป็นกรรมการ รวมทั้งรับฟังความเห็น จากประชาชน ๗๖ จังหวัด เป็นขั้นเป็นตอนใช้เวลา ๘ เดือน เมื่อได้ฟังข้อเสนอ ให้ตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตร ผมจึงบอกแกนนำ ให้ถามชาวไทยในสหรัฐ ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ ๑๕ มีนาคม ว่าเสียงส่วนใหญ่จะเอาอย่างไร ตั้งพรรคหรือไม่ตั้ง พร้อมกับเอาผล การออกเสียงพันธมิตรในสหรัฐ ไปเสนอในที่ประชุมแกนนำจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย ซึ่งกำหนดไว้ก่อนแล้วว่า จะประชุมวันที่ ๒๔ พฤษภาคม เมื่อที่ประชุมใหญ่เห็นเป็นอย่างไร ก็ทำตามนั้น การปราศรัยและแสดงดนตรี เริ่มตั้งแต่ ๑๑.๐๐น. เป็นครั้งเดียวที่คนไทยในอเมริกา ไปรวมตัวกันมากที่สุด จำนวนหลายพันคน แต่งกายเหมือน คราวมาชุมนุมที่เมืองไทย มีอุปกรณ์ "มือตบ" ครบครัน พันธมิตรบางกลุ่ม ขึ้นเครื่องบินจากนิวยอร์ค ใช้เวลาห้าหกชั่วโมงจากดัลลัส บิน ๓ ชั่วโมง จากโอเรกอน ขับรถติดต่อกัน ๑๖ ชั่วโมง ไปนครลอสแอนเจลิส ก็อุตส่าห์ไป เอาจริงเอาจังกันเหลือเกิน ให้พันธมิตรจากเมืองไทย ลงลายมือชื่อ ที่ผ้าโพกหัว ผ้าผูกคอ พร้อมขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก วันนั้นอากาศเย็นมาก ผมเห็นใจว่า พันธมิตรจากบางรัฐ ที่อยู่ไกลลอสแอนเจลิส ต้องลำบากกับการเดินทาง และเสียค่าใช้จ่ายมากมาย ผมพยายามทำตามคำขอ ทั้งลงลายมือชื่อและถ่ายรูป ติดต่อกันประมาณ ๔ ชั่วโมง จนงานเลิก ทั้งๆ ที่มีโต๊ะรับบริจาคเงินช่วย เอเอสทีวี (ซึ่งอยู่ห่างจากที่ผมนั่งลงลายมือชื่อ) พันธมิตรในสหรัฐบริจาคผ่านผม ให้เอเอสทีวี ๑ แสนบาทเศษ แล้วยังช่วยศูนย์ไตเทียม หนึ่งแสนสี่หมื่นบาท และสุนัขจรจัด หกหมื่นบาทเศษ ทั้งๆ ที่ไม่มีการพูดถึงการรับบริจาค และไม่มีการตั้งกล่องรับบริจาคแต่อย่างใด พอถึงเวลา เราได้ถามความคิดเห็น ถามพันธมิตรทั้งหมดที่ไปร่วมงาน ปรากฏว่าออกเสียงอย่างท่วมท้น ให้พันธมิตรตั้งพรรคการเมือง ผมมีความรู้สึกว่าประเทศอเมริกาขณะนี้ ไม่มีอะไรน่าดูน่าสนใจเลย เขามีอะไร เราก็มีเหมือนเขาหมด เช่น ตึกสูงๆ ถนนกว้างๆ หลายช่องทางจราจร, ทางยกระดับ... ที่อเมริกาถนนเต็มไปด้วยรถญี่ปุ่น เหมือนเมืองไทย ถ้าจะไปเที่ยวเมืองนอก ผมเสนอว่าไปจีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น, น่าสนใจน่าดูกว่าไปอเมริกา พอเสร็จงานคอนเสิร์ตการเมือง ผมแวะไปเยี่ยม มหาวิทยาลัยที่เคยเรียน แล้วเดินทางกลับไทยทันที ผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อ ๔๘ ปีมาแล้ว ตื่นตาตื่นใจมาก เพราะตอนนั้น เรามีตึกสูงที่สุดแค่ ๙ ชั้น ถนนและรถยนต์ ก็ไม่ใคร่มี ยังไม่มีเครื่องบินไอพ่น ไม่มีแม้กระทั่งบันไดเลื่อน และลิฟต์กระจกขึ้นลงนอกตัวตึก จึงตื่นเต้น ขณะนี้หลายคนที่ติดตามข่าวคราว คงไม่สบายใจ กลุ่ม "นรกป่วนกรุง" คนเสื้อแดง กำลังอาละวาดนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี โดยเฉพาะ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยังไม่มีความมั่นคงปลอดภัยเลย แล้วจะไปให้ความมั่นคงปลอดภัย แก่ประชาชนได้อย่างไร ทุกครั้งที่รัฐมนตรี รองนายกฯ นายกฯ ถูกทำร้าย ด้วยการขว้างปาสิ่งของต่างๆ รวมทั้งระเบิด รัฐบาลก็ได้แต่แสดง "ความหน่อมแน้ม" ออกมา ไม่คาดโทษ ไม่แสดงความขึงขัง จะจัดการตามกฎหมาย ฝ่ายคนเสื้อแดงก็ได้ใจ จะก่อความรุนแรง เพิ่มขึ้นอีกเท่าไรก็ไม่เป็นไร เช่น เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เดินทางไปวิทยาลัยการปกครอง ที่ปทุมธานี ถูกคนเสื้อแดงประมาณ ๕๐๐ คน ระดมปาไข่ใส่ขบวนรถ สกปรกเลอะเทอะหมด ขากลับจากวิทยาลัยการปกครอง ถูกถล่มอีก คราวนี้แถมปาด้วยระเบิดปิงปอง สะเก็ดระเบิดถูกข้าราชการจังหวัดปทุมธานี โชคดีไม่มีใครเจ็บมาก กลุ่มคนเสื้อแดง แสดงเดชอีกหลายครั้งหลายหน จนวันที่ไปล้อมทำเนียบ ๒๖ มีนาคม ตำรวจที่ป้องกันทำเนียบ รอบคอบมาก ไม่ให้บุกเข้าไปในทำเนียบ ใช้รถปั้นจั่น ขนคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ ไปขวางประตู ทางเข้าทำเนียบ พอวางเสร็จ คนเสื้อแดงก็เอาปั้นจั่นยกคอนเทนเนอร์ ทิ้งลงที่คลองเปรม หน้าทำเนียบ ตำรวจที่ยืนดูอยู่ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ยังไม่รู้ว่าจะเอาผิดคนเสื้อแดงได้ไหม พลเอกปรีชา เอื่ยมสุพรรณ เล่าว่า เพื่อนนักเรียนเตรียมนายร้อยคนหนึ่ง ของพลเอกปรีชาและของผม โทรศัพท์ถึงพลเอกปรีชา ในฐานะนายตำรวจเก่า ยศพันตำรวจเอกว่า "เจ็บกระดองใจ" การกระทำของคนใส่เสื้อแดง เป็น "ความผิดซึ่งหน้า" ซึ่งต้องจับทันที ปล่อยไว้ไม่ได้ มีการปราศรัยบนเวทีว่า อาจจะยกโขยงไปป่วนที่บ้านสี่เสา บ้านพักของท่านประธานองคมนตรี พลเอกเปรมอีก พร้อมๆ กับที่กรมอัยการ ได้ออกมาแถลงข่าว เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ซึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวตรงกันทุกฉบับ "อธิบดีกรมอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวถึงคดีกลุ่ม นปช. (ชื่อเดิมคือกลุ่ม นปก.) ไปชุมนุมหน้าบ้านพลเอกเปรม เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ว่าคณะทำงานอัยการ ได้พิจารณาสำนวนคดี และสั่งไม่ฟ้องแกนนำ นปช. อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์, นายจักรภพ เพ็ญแข, นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ไปแล้วกว่า ๒ เดือน เนื่องจาก ยังไม่ถึงขั้นก่อความวุ่นวาย ชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิเพื่อเรียกร้องตามรัฐธรรมนูญ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง" โทรทัศน์เอเอสทีวี ได้เอาวิดีโอ ซึ่งบันทึกภาพในวันเกิดเหตุ มาฉายให้ดูซ้ำ ตำรวจรวมทั้งผู้สื่อข่าวบาดเจ็บ ประมาณ ๓๐๐ คน, สโมสรกองทัพบก ซึ่งอยู่ติดบ้านท่านพลเอกเปรม ห้องกระจกถูก นปช. ทุบทำลาย ที่สำคัญคือ ใช้เครื่องขยายเสียง เปิดเสียงดังลั่น หันทุกลำโพงเข้าบ้านสี่เสา ตะโกนด่าสาดเสียเทเสีย นานติดต่อกัน ถึง ๖ ชั่วโมง อัยการบอกว่าไม่ถือเป็นความผิด จึงสั่งไม่ฟ้อง บุคคลสำคัญขนาดท่านประธานองคมนตรี ถูกละเมิดสิทธิอย่างแรง ตำรวจถูกทุบตี ข้าวของถูกทำลาย สรุปว่าไม่ผิด แล้วใคร สถานที่ใด จะมีความปลอดภัยได้อย่างไร ในบ้านเมืองนี้ คนเสื้อแดงจะก่อความรุนแรงเพิ่มขึ้น อย่างแน่นอน เพราะเตรียมออกกฎหมาย ชื่อเพราะพริ้งว่า "พระราชบัญญัติ การปรองดองแห่งชาติ" นิรโทษกรรมย้อนหลังไปถึง ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ และล้ำหน้าไปถึงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๒ หมายความว่า เมื่อออกกฎหมายนี้ได้สำเร็จ ใครทำผิด (หรือต้องติดคุก) ในห้วงเวลานั้น ถือว่าไม่ผิด กฎหมายนี้ร่างเสร็จ เตรียมเสนอเข้าสภาในนามพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจจะผ่านสภาออกมาเป็นกฎหมายก็ได้ เพราะมีแนวร่วมมาก ที่จะได้รับผลบุญ หากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ คุณทักษิณที่ถูกศาลตัดสินจำคุก ๒ ปีก็ไม่ผิด คดีอื่นๆ ที่จะมีผลติดคุก หรือยึดทรัพย์ ถือว่าไม่ผิด ได้รับการนิรโทษทั้งนั้น แนวร่วมก็เฮกันหมด เช่น กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย พรรคชาติไทย และกรรมการบริหารพรรคอื่นๆ ทีถูกตัดสิทธิ์การเมือง ๕ ปี เนื่องจากพรรคถูกยุบ ก็รอดหมด อีกหน่อยใครจะทำผิดร้ายแรง ก็ไม่ถูกติดคุก ไม่ถูกริบทรัพย์ เพราะมีอำนาจในสภา ออกกฎหมายนิรโทษกรรมย้อนหลังได้หมด ขื่อแปบ้านเมือง จะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่ถกเถียงกันมานานว่า จะย้ายสายการบินในประเทศ ของการบินไทย ออกจากสนามบินดอนเมือง ไปสนามบินสุวรรณภูมิหรือไม่นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกาศว่า ต้องย้ายในวันที่ ๒๙ มีนาคม เพื่อลดต้นทุนการบินไทย และทำให้สุวรรณภูมิ เป็นสนามบินแห่งเดียว ซึ่งรวมทั้งสายในประเทศและต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีออกมาพูดเสียงอ่อยๆ ทำนองว่า ต้องคิดให้รอบคอบ เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ก่อนวันขีดเส้นตาย ๒ วัน ประธานสหภาพรัฐวิสาหกิจ การบินไทย นำสมาชิกสหภาพกว่า ๑๐๐ คน ไปเรียกร้องนายกรัฐมนตรี ให้ยับยั้งการย้าย เพราะฝ่ายที่ต้องการให้ย้าย มีผลประโยชน์แอบแฝง และที่อ้างว่า ถ้าย้ายจะทำให้ประหยัดต้นทุน ของการบินไทยได้มากเท่านี้นั้น ไม่เป็นความจริง หากย้ายไปรวมอยู่ที่สุวรรณภูมิ จะต้องเสียเงินอีก ไม่ต่ำกว่า ๘ หมื่นล้านบาท ในการปรับปรุงสนามบิน รวมทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ไม่คุ้ม ผู้โดยสารจำนวนมาก ที่เดินทางในประเทศ ต้องการใช้สนามบินดอนเมืองกว่าสุวรรณภูมิ หากการบินไทยถูกย้ายไปสุวรรณภูมิ รายได้จะลดลงอย่างมาก และมีคำถามว่า ทำไมไม่ย้าย สายการบินต้นทุนต่ำ บริษัทอื่นไปด้วย ทำไมมาเล่นงานแต่การบินไทย เป็นการช่วยเหลือกลุ่มทุน ซึ่งถือหุ้นบริษัทนั้นๆ ใช่หรือไม่ ที่ว่าเอาไปรวมอยู่ สนามบินสุวรรณภูมิที่เดียว ดีกว่าใช้ ๒ สนามบินนั้น ตัวอย่างเรื่องจริง ได้ปรากฏให้เห็นแล้ว เมื่อเครื่องบินตก ที่สนามบินนาริตะ ของญี่ปุ่น จำเป็นต้องปิดสนามบินชั่วคราว ก็หันไปใช้สนามบินฮาเนตะได้ทันที เพราะปรกติ เขาใช้ ๒ สนามบินพร้อมๆ กันอยู่แล้ว การที่รัฐบาลอ่อนปวกเปียก ปล่อยให้คุณทักษิณโทรศัพท์เข้ามา ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ไหนเมื่อใดก็ได้นั้น ทำให้ผู้ใหญ่หลายท่าน ที่ถูกคุณทักษิณกล่าวหา ต้องออกไปชี้แจงอยู่บ่อยๆ วุ่นวายไปหมด คุณทักษิณจึงกลายเป็นคนไทย ที่มีสิทธิมากกว่าคนไทยอื่นๆ สามารถจะกล่าวหาใคร เรื่องใดก็ได้ ไม่มีความผิด ไม่ต้องถูกดำเนินคดี เพราะแม้ถูกศาลตัดสินจำคุกแล้ว ยังไม่ต้องรับโทษเลย ในขณะเดียวกัน ก็สามารถให้ตัวแทน ยื่นฟ้องคนนั้นคนนี้ได้ตลอดเวลา ว่าทำให้คุณทักษิณเสียหาย ฟ้องได้ทั้งคดีอาญา (ทำให้ผู้ถูกฟ้องติดคุก) และคดีแพ่ง (ปรับเงินผู้ถูกฟ้อง) เรื่องสำคัญยิ่งอีกเรื่องหนึ่งก็คือ หากรัฐบาลทหารตำรวจ ไม่จัดการให้เด็ดขาด สถาบันเบื้องสูง จะถูกทำลายไปเรื่อยๆ แล้วถึงวันนั้นจะสายเกินแก้ ผู้ที่มีหน้าที่โดยตรง ในการปกป้องสถาบันไปไหนกัน หรือจะรอให้ชาวบ้านตาดำๆ ต้องออกมาเสี่ยงภัย เสี่ยงชีวิตกันอีก ไม่อายฟ้าอายดินบ้างเลยหรือ ตอนนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งรักเทอดทูนสถาบัน รักชาติรักแผ่นดิน ต้องกลุ้มใจหลายเรื่อง ก็ต้องรวมตัวกันไว้ ให้มากกว่าเดิม เหนียวแน่นยิ่งกว่าเดิม เฝ้าดูสถานการณ์ ยังไม่ต้องออกมารับภาระใดๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ทหารตำรวจ เพราะมีหน้าที่แก้ปัญหาโดยตรง มีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง ที่จะใช้แก้ปัญหา เราติดตามสถานการณ์ไปด้วยใจนิ่งๆ อย่าไปเครียดกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น นึกภูมิใจตัวเองว่า เราได้ทำหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดิน และได้ทำบุญ อย่างมากมาบ้างแล้ว มิฉะนั้นบ้านเมืองก็ย่ำแย่ไปแล้ว คราวนี้ เป็นคราวที่รัฐบาล ทหารตำรวจ ต้องแก้ปัญหาเอง บ้านป่านาดอย โดย จำลอง ศรีเมือง |