ชื่อเดิม
น.ส.ศิริพร วิภาษา
ชื่อใหม่
ปะ (ผู้ปฏิบัติ) ศิริพร วิภาษา (ปะแดง)
เกิด
๑๙ พ.ย. ๒๔๙๘
พี่น้อง
๓ คน เป็นคนที่ ๒
ภูมิลำเนา
จ.เชียงใหม่
การศึกษา
มัธยมศึกษาปีที่ ๕ (มศ.๕)
อาชีพเดิม
ลูกจ้าง ทำทะเบียนราษฎร์ และแผนกธุรการ
อาชีพใหม่
แม่ค้าขายผักปลอดสารพิษ ไร้สารพิษ
รู้จักอโศก
จากพี่ชาย (ลูกของลุง) แนะนำเมื่อปี ๒๕๒๘ ตอนนั้นป่วย เป็นโรคเก๊าท์
และภูมิแพ้ เป็นหวัดเป็นประจำ เพราะไม่ค่อยกินผัก เนื่องจาก ถูกปลูกฝังว่า
ผักมียา ฆ่าแมลงมาก ให้กินแต่เนื้อสัตว์ โรคที่เป็น ทำให้ทรมานมาก ต้องกินยา
ฉีดยา หาหมอตลอด ก็ไม่ดีขึ้น สามวันดี สี่วันไข้ เป็นอยู่เช่นนี้ เป็นปีๆ
นึกว่าตนเอง ใกล้จะตายแล้ว พี่ชายจึงแนะนำ ให้กินอาหาร มังสวิรัติ โดยบอกว่า
ถ้าเปลี่ยนอาหาร จะหายจากโรค ที่เป็นอยู่ เขาเป็นโรค รูมาตอยด์ กินมังสวิรัติ
อาการก็ทุเลาลง นอกจากนั้น ยังให้หนังสือ สารอโศก แสงสูญมาอ่าน ต่อจากนั้น
ตนเองจึงทำอาหาร มังสวิรัติกินเอง อาการที่เป็นอยู่ ก็หายไปหมด โดยไม่ต้องกินยา
ไม่ต้องหาหมออีก เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ได้ความสุข กลับคืนมา อีกครั้งหนึ่ง
จึงเดินทางมาที่ สันติอโศก มาดูว่า ที่นี่เขาทำ อาหารอะไรกินกัน ถ้ากินอร่อย
ก็จะกลับมา ทำกินที่บ้าน
พอมาลองพักอยู่ที่วัด
เห็นคนที่นี่ ทำงานช่วยเหลือกันเป็นหมู่กลุ่ม ก็นึกอยาก ลองอยู่วัดต่อ
แรกๆก็ฝืนมาก เพราะปกติ นอนดึกตื่นสาย ที่นี่กลับนอนหัวค่ำ ตื่นเช้ามืด
แต่ชอบการอยู่รวมกันหลายๆคน อบอุ่นดี ก็เลยลองฝึกอยู่ต่อไป เมื่อกลับไปบ้าน
ก็รู้สึกกลัว เกิดมาตายเปล่า พบพ่อท่าน และหมู่กลุ่มที่ดีแล้ว ไม่อยากเสียเวลา
ที่เกิดมา จึงเข้ามาเป็นคนวัด เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๒๙
เข้ามาครั้งแรก ก็ไปช่วยขายอาหาร
ที่ชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ สมัยคุณจำลอง ศรีเมือง เป็นผู้ว่าราชการ
กรุงเทพมหานคร
ต่อมาก็ช่วยขาย ผักปลอดสารพิษ
ไร้สารพิษ ที่ศาลามังสวิรัติ ๑ หน้าสันติอโศก จนถึงปัจจุบัน
อุปสรรค์
และปัญหาเมื่อมาอยู่วัด
เป็นคนติดความสบาย ทั้งเรื่องกินและเรื่องนอน ไม่รู้จักอิ่มจักพอ
เอาแต่ใจตนเอง ตอนแรกๆ คิดจะไปๆมาๆ (อาคันตุกะจรประจำ) จะไม่มาอยู่ประจำ
พออยู่ๆไป ก็เห็นใจเพื่อน ที่ทำงานหนัก ได้คบคุ้นกับ คุณพรพิชัย เจียมกัญชาญ
และคุณลักขณา วชิรวาทการ (เล็ก) สองคนนี้เขาขยันมาก อดทน รับผิดชอบงาน
ตื่นทำงาน แต่เช้ามืด ไม่สบายจริงๆ จึงจะนอนพัก กินมื้อเดียวบริสุทธิ์
และได้ฟังธรรมะ จากพ่อท่าน นานวัน จิตใจก็เริ่มเปลี่ยน เกิดมานะ อะไรที่ยาก
และท้าทาย ก็พยายามสู้ แม้จะล้มลุก คลุกคลาน ก็คิดจะสู้ ตลอดเวลา
ความประทับใจในเส้นทางนี้
ประทับใจพ่อท่าน
สมณะ สิกขมาตุ และพี่ๆน้องๆ ที่มาอยู่ร่วมกัน ช่วยกันสานงานศาสนา มีโอกาสได้เรียนรู้
สัมมาทิฐิ และได้เป็นแบบอย่าง ของผู้มักน้อย สันโดษ
คติประจำใจ
อดทน ข่ม ฝืนใจ
รอคอย ให้อภัยตัวเอง
เป้าหมายชีวิต
หมดกิเลส
ช่วยสืบสานงานพ่อท่าน
อยู่กับหมู่กลุ่มให้ได้อย่างผาสุก
ของฝากแด่เพื่อนนักปฏิบัติธรรม
เส้นทางสายนี้ไม่ง่ายเลย
แม้อยู่ทางโลก ก็ยื้อแย่งแข่งชิง ก็ไม่ใช่ของง่าย เหมือนกัน ไหนๆจะลงทุน
(แม่ค้า) ให้คุ้มทุน (ชีวิต) เราก็ใช้ชีวิต เป็นเดิมพัน เหมือนกัน ไปทางโลกีย์
ก็ไปสู่ทางหายนะ แต่ถ่ายเดียว สู้บากบั่น บนเส้นทาง สู่ความหลุดพ้น จากเครื่องจองจำ
ของโลกีย์ กันเถิด เพื่อนๆเอ๋ย