ความสุขของเด็กวัด หนังสือพิมพ์สารอโศก
อันดับที่ 234 มีนาคม 2544

เป็นความโชคดีของดิฉันอย่างวิเศษมาก ที่ได้มีโอกาสมาเป็น "เด็กวัด" ดิฉันพูดได้ อย่างภาคภูมิใจ เต็มปากเต็มคำ ๑๐ ปี ในความเป็นเด็กวัด จึงพูดคำนี้ออกมาได้

วัดที่ดิฉันอยู่นั้น ไม่ใช่วัดธรรมดา เพราะประกอบไปด้วยบ้าน -วัด -โรงเรียน (บวร) เราอยู่ด้วยกัน อย่างมีสัมพันธ์ เกื้อกูล ซึ่งกันและกัน สมาชิกประมาณ ๓๐๐-๔๐๐ คน มาจากทั่วสารทิศ ของประเทศไทย ด้วยหัวใจตรงกัน คือ พัฒนาคน ตามแนวทาง แห่งพระพุทธศาสนา แต่ละคน ล้วนเอาชีวิต มาเป็นเดิมพัน

สมาชิกของชุมชนทั้งผู้ใหญ่ หนุ่มสาว และเด็กๆ ไม่มีใครเลยที่ติดยาเสพติด ติดอบายมุข แต่ละคนเริ่มต้น ด้วยถือศีล ๕ ปฏิบัติศีล ให้เกิดผลต่อเนื่อง ทั้งๆที่บริเวณแวดล้อม รอบๆชุมชน ขณะนี้ เด็กๆเริ่มติด ยาเสพติด เป็นโจร ลักเล็ก ขโมยน้อยก็มี แม้กระทั่ง ของเล็กน้อยในวัด เขาก็ถูกขโมยไป คงเหตุเพราะยุคนี้ เป็นยุค ที่เศรษฐกิจตกต่ำ ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ไปทั่วหัวระแหง

แต่ว่าในชุมชน ที่ดิฉันอยู่ ไม่มีผลกระทบ จากเหตุนี้เลย เพราะพวกเรา ช่วยกันปลูก พืชผักทานเอง ผักพื้นบ้าน ก็มีเยอะแยะ มากมาย จากทุกภาค มารวมกัน ปัจจัย ๔ ที่จำเป็นพื้นฐานของชีวิต เราก็ช่วยกันทำช่วยกันผลิต จึง สามารถพูดได้ว่า

“ถ้าแม้นชุมชนนี้ปิดเมือง สมาชิกที่อยู่ข้างใน ก็สามารถเลี้ยงตัวเอง และ หมู่กลุ่มรอด”
เช้านี้ดิฉันตื่นประมาณตี ๒ ครึ่ง เพื่อนบ้านรอบๆวัด ยังนอนหลับสบายกันอยู่ ช่วงเวลานี้ ดีมาก ไม่เชื่อลองตื่น มาดูก็ได้ อากาศดี สดชื่น สัมผัสได้ ถึงบรรยากาศ ที่สงบ เพื่อนๆสัตว์เล็กสัตว์น้อย บรรเลงเพลง ตามธรรมชาติ ให้ฟังอีก สัมผัสถึงจิต ที่สงบของเรา ได้มีโอกาส มองเข้าหาตัว ทบทวนจิตของตัวเอง พินิจพิจารณา ไม่ให้หลงใหล เพลิดเพลิน ตามโลกีย์ ทิศทางของเรา คือการฝึก ตัดกิเลส

สักพักหนึ่ง สมาชิกของชุมชน และคนวัด ต่างก็ทยอย เดินเข้ามา ที่ศาลาวิหาร เพื่อมาร่วม สวดมนต์ ทำวัตรเช้ากัน แลดูเหมือน นกบินออกจากรัง ยามเช้าตรู่ เราได้ฟัง สมณะเทศน์เรื่อง “พัฒนาตนให้พ้นโลกีย์” พอจับใจความ ได้ว่า คนเราทุกวันนี้ หลงระเริง อยู่กับของอร่อยๆ สิ่งสวยๆงามๆ ที่คนพยายาม ประดิษฐ์ประดอย สร้างมา เพื่อหลอกกันเอง ให้หลงใหล ยิ่งจัดจ้านเท่าไหร่ คนก็ยิ่งติดใจ ยิ่งแสวงหา แม้ต้องแลก ด้วยการเอาเปรียบ เพื่อนที่เป็นคนด้วยกัน ก็เอา

ดิฉันได้เรียนรู้ คนประเสริฐของพระพุทธเจ้านั้น ต้องรู้จัก และจับให้ได้ ถึงอาการ อยากเสพย์ สิ่งที่โลกหลอกไว้นั้น เห็นเป็นความทุกข์ทรมาน เห็นหัวใจ ที่เป็นทาส อาการอยาก เหล่านั้น แล้วพิจารณาให้เห็นจริง ตามความเป็นจริง เรียนรู้ ลงมือทำ เพื่อให้ตัวเอง ออกจากทุกข์นั้น โดยเอาหลักปฏิบัติศีล ๕ ของศาสนาพุทธ ตามกรอบ ที่ตนเอง สามารถทำได้ จนเกิดผล ให้ความอยากนั้น เบาบางมากขึ้น จนในที่สุด ก็หมดไป เราจึงได้ร้อง อ๋อ! ว่าการที่เราไม่ติด ในสิ่งนั้นแล้ว เราสัมผัสได้ ถึงใจที่โปร่ง เบาสบายจริงๆ ทำให้เกิดกำลังใจ เรียนรู้ ที่จะตัดกิเลสตัวใหม่ อีก อีก อีก...

ประมาณตี ๕ ครึ่ง สมณะ สิกขมาตุ ซึ่งเป็นนักบวชชายและหญิง ท่านออกบิณฑบาต ดิฉันมองตาม แถวสายบิณฑบาตนั้น ท่านเดินด้วยอาการสงบ สำรวม ดิฉันรู้สึกเคารพ และศรัทธายิ่งนัก เป็นภาพที่ ดิฉันได้เห็นทุกๆเช้า มา ๑๐ ปีแล้ว ดิฉันนึกในใจ...

ต้องอย่างนี้สิ! ถึงจะเรียกได้ว่า เป็นผู้ที่กำลังพิสูจน์ ยืนยันถึง ผู้มีคุณธรรม ความดีแล้ว สามารถอาศัย คุณธรรมเลี้ยงตัวเองได้ มิหนำซ้ำ ท่านยังทำประโยชน์ เพื่อมวลชน ได้จริง เพราะท่านไม่มาเอาลาภ โลกียสุขแล้ว ท่านเป็นสงฆ์ ของพระพุทธองค์ อย่างแท้จริง

ในยามเช้าดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้น ดิฉันสบาย กับการได้รดน้ำต้นไม้ พืชผักต่างๆ รุ่นพี่ของดิฉันคนหนึ่ง เดินมา พร้อมกับผักสดๆ เต็มเข่ง ดูสะพรั่งตายิ่งนัก เธอร้องเสียงใส ถามว่า “เอาผักไว้ทานมั้ย สดๆจากไร่ ไม่มีสารพิษด้วยค่ะ ปลูกโดย ไม่ใช้สารเคมีนะ “

ดิฉันรีบตอบรับ น้ำใจพี่ว่า ”เอาจ้า...แหม ของดีๆ อย่างนี้ ไม่เอา ได้อย่างไร “

ที่นี่ไม่ต้องคำนึง ถึงเงินทอง ที่ต้องซื้อหา เรามีอะไร ก็แบ่งแจก กันทาน ดิฉันนึกถึง ภาพเก่าๆ เมื่อก่อนเข้าวัด ภาพที่ดิฉันหิ้วตะกร้า เดินซื้อของ ในตลาด มือหนึ่งหิ้วตะกร้า อีกมือหนึ่ง กำเงินแน่น กลัวหาย เดินถามแม่ค้า ผักมัดนี้ ขายเท่าไหร่คะ? ผลไม้ กิโลเท่าไหร่คะ? คำถามที่ออกจากปาก ล้วนแต่ เท่าไหร่คะๆๆๆ จนของเต็มตะกร้า ล้วนแต่ ฉีดยาฆ่าแมลงทั้งนั้น ชีวิตเช่นนี้ถามว่า เงินไม่เป็นพระเจ้า ของดิฉัน ได้อย่างไร? ลองดิฉันไม่มีเงินสิ! ดิฉันคงอดตายแน่

นี่คือข้อแตกต่างอย่างชัดเจนของสังคม ที่ดิฉันได้สัมผัสมาแล้วทั้ง ๒ อย่าง ถามว่า ดิฉันมีความสุข เบาสบาย กับสังคมไหน? หลายท่านคงให้คำตอบ เช่นเดียวกับ ดิฉันแน่

นี่ไง...ความสุขของ...เด็กวัด

ใจดิน ชาวหินฟ้า

     

(สารอโศก อันดับ ๒๓๔ มีนาคม ๒๕๔๔ หน้า ๔๒ - ๔๔ ความสุขของเด็กวัด )