จดหมายจาก ญาติธรรม

หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 235
เดือน เมษายน 2544
หน้า 1/1

มีกำลังใจสู้ชีวิต
แต่ละฉบับของดอกหญ้าและสารอโศก ล้วนแต่มีประโยชน์ ในการดำรงชีวิต ในสมัยปัจจุบันทั้งสิ้น แต่ก่อนข้าพเจ้า รู้สึกท้อถอย ในการที่จะมีชีวิตอยู่ พอมาได้เพื่อน ซึ่งเป็นสมาชิก ของนิตยสาร แนะนำให้ข้าพเจ้า สมัครเป็นสมาชิกบ้าง ข้าพเจ้าก็เลย ตัดสินใจสมัคร รู้สึกว่ามีประโยชน์มาก ทำให้มีกำลังใจ ในการทำงาน รู้จักผิดชอบชั่วดี และเข้าใจแก่นแท้ ของพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น / พิษณุ การบุญมี

ไม่มีใครที่ไม่มีโจทย์ แต่ละคนจะเจอข้อทดสอบยากบ้างง่ายบ้าง ในแต่ละช่วง จังหวะของชีวิต สุขุม ใจเย็น ค่อยๆแก้ปม ทีละเปลาะ อย่าทดท้อว่า มีเรื่องบีบคั้น มากมาย จะทนได้อย่างไรกัน กว่าจะเป็นหัวน้ำหอมได้ ไม่กี่หยด กุหลาบต้องถูกบีบคั้น กลั่นกลีบฉันใด กว่าจะมีหัวใจที่แข็งแกร่ง ก็ต้องผ่านผัสสะ อันทนได้ยากฉันนั้น ...บ.ก.


มื้อเดียวทำยาก แต่จะพยายาม
ดิฉันเองได้ปฏิบัติธรรมมาหลายปีแล้ว เลิกกินเนื้อสัตว์ กินอาหารมังสวิรัติมาตั้งแต่ ปี ๒๕๔๑ กินแล้วก็สบายใจ สบายกายดี เมื่อก่อน จะไม่ค่อยสบายเนื้อตัว ปวดตามกล้ามเนื้อ ตามข้อต่อ หลังจากหันมาทาน อาหารมังสวิรัติแล้ว ปรากฏว่า อาการเหล่านั้นหายไป นอกจากนั้น ดิฉันก็ถือปฏิบัติตามศีล ๕ โดยทุกวัน จะคอยตรวจสอบตัวเอง บางครั้งก็มีเผลอไผลไป แต่ก็ไม่เคยย่อท้อ ที่จะปฏิบัติ วันนี้พลาดไป วันหน้าเอาใหม่ ตั้งใจให้แน่วแน่ ช่วงนี้กำลังฝึกทาน อาหารมื้อเดียว รู้สึกว่ายาก แต่ก็จะพยายาม เมื่อปี ๔๒ ทานอาหารมื้อเดียวได้ตลอด ปรากฏว่า สุขภาพดีมาก หุ่นดี ผิวพรรณผ่องใส อายุ ๔๐ กว่าปีแล้ว ไปไหนไม่มีใครเชื่อหรอกค่ะ ปี ๔๓ ก็เผลอไป อาจจะเนื่องจากสิ่งแวดล้อม ไปอบรมบ่อยๆ ทำให้ขาดตก บกพร่องไป แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ปี ๔๔ นี้จะต้องทานอาหารวันละ ๑ มื้อให้ได้ ขอสัญญาค่ะ อาหารที่ทานประจำ ก็มีข้าวกล้อง ถั่ว งา ผักสดพื้นบ้านทุกชนิด รู้สึกว่า อาหารเหล่านี้ สำหรับตัวเองแล้ว อร่อยมาก เวลากิน ก็กินอย่างมีความสุข ต้องกราบขอบพระคุณ บุญคุณอาหารมา ณ ที่นี้ด้วย / พรพิศ

ถ้าสุขภาพดี กระเพาะจะมีชีวิตชีวา กินอาหารเรียบๆง่ายๆ ก็มีรสชาติไม่ชวนเบื่อ เรื่องมื้อเดียว ถ้าเคี้ยวช้าๆ กินอาหารมีคุณค่า มื้อเดียวก็สมบูรณ์ได้ ไม่มีอะไรขาดตก บกพร่อง คนมากมาย กินไม่มีมื้อ สุขภาพแย่ อ้วนเกินขนาด ต้องไปเข้าคอร์ส เสียเงินเพื่ออดอาหาร แปลกแต่จริง ...บ.ก.


นี่หละโลก
สารอโศกทุกหน้า ล้วนเป็นแนวทางข้อคิดในสิ่งดีๆ ที่จะให้กำลังใจ ในการปฏิบัติธรรม ของผู้ที่อยู่ห่างไกล เกณฑ์ในการคัดคน ของอโศกนั้น ยอมรับว่า เป็นตะแกรง ที่ตาถี่มาก ฉะนั้น ผู้ที่สามารถเล็ดลอด เข้าอยู่ในหมู่กลุ่มได้ จึงต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ธรรมดา ถ้าบุคคลไม่มุ่งมั่น ในการขัดเกลา ตัวเองจริงๆ จะอยู่ไม่ได้ แต่ก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ของทุกๆสิ่งว่า สิ่งใดที่คล้ายๆกัน ก็จะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แม้กระทั่ง นิสัยของคน ซึ่งมีหลายๆระดับ

สังคมทั่วๆ ไป เดี๋ยวนี้ ก็ถูกสิ่งไม่ดีทั้งหลาย มอมเมาเสียจนโงหัว ไม่ขึ้น ไม่ว่าจะมอง จากสภาพไหน ก็ดูทวีความรุนแรง ไปตามลำดับ คนทุกคนถูกโจมตี อยู่รอบทิศ ทั้งตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คนที่จะคอยหลอก ก็ช่างสรรหาให้คนวิ่งเป็นบ้า อยู่ตลอดเวลา หาสิ่งยั่วยุยั่วย้อม อยู่ตลอดเวลา แล้วอย่างนี้ มนุษย์จะเหลืออะไร ก็ตายเอา ตายเอาซิ ถูกมอมเมา ตั้งแต่ยังไม่เกิด แล้วจะเหลืออะไร บางครั้งผม ก็คิดเล่นๆเหมือนกัน อยากให้พลังงาน อะไรสักอย่างหมดไวๆในโลกนี้ เช่น น้ำมัน เพราะคนที่คิด แต่ทางมอมเมาคนอื่น จะได้ไม่มีเครื่องมือ หรือวัตถุดิบ มาสนองตน / ทวีศักดิ์

ถ้าใครรู้เท่าทัน มีภูมิคุ้มกันดี ต่อให้มีสิ่งมายั่วยุจัดจ้านแค่ไหน ก็อยู่เหนือได้ กิเลสอวิชชา ก็ต้องทำ หน้าที่ของกิเลสอวิชชา มอมเมา ให้วิ่งตามจนเหนื่อย หอบเป็นธรรมดา สัตบุรุษผู้มีอัชฌาสัย อันทนไม่ได้ ต่อความกรุณา จึงอุบัติมาชี้ทาง ปลอดโปร่งโล่งทุกข์ให้ แม้จะมีผู้เข้าใจ รับธรรมะได้ เป็นจำนวนน้อย เท่าเขาโคก็ตาม ถ้าพลังงาน เช่นน้ำมันหมด คนก็ต้องคิดหาอย่างอื่น มาทดแทน มอมเมากันต่อ อีกนั่นแหละ เพราะพลังงานกิเลส ไม่ได้หมดไปด้วย ...บ.ก.


รอดตัวได้ เพราะไม่ยุ่งอบายมุข
เป็นเวลา ๑๔ ปีแล้ว ที่ผมได้กินมังสวิรัติมาตลอด เพราะว่ากินเนื้อไม่ได้แล้ว แต่ว่าการปฏิบัติธรรม ย่อหย่อนลดลงเรื่อยๆ ในช่วงระยะ ๑๐ ปี เหตุผลเพราะว่า มีภรรยาและลูก ภาระหน้าที่รัดตัว หนังสือ ก็อ่านไม่ค่อยจบ เท็ปธรรมะ ก็ฟังไม่จบ หนังสือ เราคิดอะไร และการบริจาคเงินให้อโศก ก็ต้องงด ไปด้วย ที่สำคัญ ไม่เคยเข้าหาหมู่กลุ่ม และสมณะ

วันๆทำแต่งาน อยู่กับกลุ่มชาวโลกชาวโลกีย์เขา แต่ที่ผมรอดตัวมาได้ ก็เพราะ ไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุข กินเจมาตลอด ศีล ๕ ได้บ้างตกบ้าง

สรุปแล้ว ชีวิตคู่ทุกข์ๆสุขๆ ที่แน่ๆทุกข์มากกว่าหลายเท่านัก ต้องใช้ความอดทนสูง มาตลอด

พออายุได้ ๕๐ ปี แก่เฒ่าแล้ว ร่างกายชักจะแย่ โรคคนแก่เริ่มถามหา เขียนหนังสือ ก็ผิดๆถูกๆ สายตาผมต้องสวมแว่น ถึงจะเขียนอ่านได้ (ผมต้องขอโทษด้วย ไม่รู้จะอ่าน ออกหรือเปล่า เพราะว่าจบ ป.๔ บ้านนอก) ลูกหลาน ไม่ยอมให้เขียน ผมจำเป็น ต้องเขียนมาเอง มีอะไรขาดตก ก็ช่วยเพิ่มเติม เอาบ้างนะครับ

พูดถึงหนทางทางโลก ผมก็พอกินพออยู่ไปวันๆ หาเงินก็ไม่เก่ง ค้าขายก็ไม่เก่ง โกหกก็ไม่เก่ง สู้เขา ไม่ได้ ต้องใช้แรงงานรับจ้างเอา ถึงจะได้เงิน บางครั้งต้องกู้หนี้ ยืมสิน เขาอีกต่างหาก ทำสวนก็ไม่ขึ้น ปลูกอะไรก็ตาย ไม่โตเหมือนเขา แมลงมันกินหมด เพราะใช้สารเคมีไม่เป็น กางมุ้งก็เข้าได้อยู่ ปลูกพืชยืนต้น ก็โดนตัวตุ่นกัดราก กินรากตาย เป็น ๕๐-๖๐ ต้น จะฆ่าก็กลัวบาปกรรม เลยต้องใช้ ความอดทน ปลูกซ่อมไปเรื่อยๆทุกๆปี

ผมคิดถึงความจริง คิดถึงธรรม ก็พอมีนิดหน่อย คิดว่าคงจะไปไม่รอดแล้ว เกือบจะดับอยู่แล้ว ถ้าไม่มีหนังสือให้อ่าน ผมเสร็จแน่ ก็เลยคิดว่า คงจะมีทางนี้ ทางเดียวเท่านั้น เดินไปทางไหน มันก็มืดมน ไปหมด มีแต่ปัญหาแก้ไม่จบ นี่ขนาดทางโลกธรรมดาๆ ถ้าเป็นทางธรรม คงจะยากขนาดไหน แต่มันมี ทางเดียว ที่จะให้ไป ก็คือเริ่ม ป.๑ ใหม่ หรือพยายามเข้าหาหมู่กลุ่ม และสมณะให้มากๆ คงจะช่วยผมได้ เพื่อศีล ๕ จะได้บริสุทธิ์ขึ้น ศีล ๘ คงจะรออยู่ข้างหน้า ตื่นขึ้นมา เริ่มต้นทางธรรมใหม่ เมื่ออายุ ๕๐ ปีพอดี (ตลก) / สมาชิก ๒๑๙๕๕๙

ไม่ตกหุบเหวบ่วงมารแห่งอบายมุข ชีวิตก็มีความสุขสงบในขนาดหนึ่งแล้ว แต่ขั้นบันได ไม่ได้มีไว้ ให้หยุดพักตลอดกาล แต่มีไว้ให้ก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ ยังมีสิ่งที่ต้องฝึกพากเพียร อีกมากมาย เช่น การคุ้มครองอินทรีย์ การสำรวมสังวร ในเครื่องอุปโภคบริโภค การหักห้ามจิต จากอารมณ์ ที่เป็นบาป อกุศล แม้เล็กแม้น้อย ฯลฯ เริ่มต้นใหม่วันนี้ ไม่มีอะไรเสียหาย ช้าหรือสาย ก็ดีกว่าไม่ทำเสียเลย ...บ.ก.


โลกใบใหม่
ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เริ่มรู้จักอโศก คนอโศก กลุ่มหมู่อโศก หมู่มวลอโศก และชาวชุมชนอโศก ได้มองเห็นโลกใบใหม่ ชีวิตมนุษย์แบบใหม่ สังคมคนใหม่ สังคมที่มาแย่งกันให้ แย่งกันเสียสละ ลดละเลิกกิเลสของตัวเอง อย่างเอาจริงเอาจัง ทำให้ผมครองชีวิต ไม่เหมือนอยู่โลก ใบเก่า(อดีต) รู้วิธีปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ชีวิตความเป็นอยู่ เรียบง่ายดีขึ้น รู้จักปลง รู้จักวาง รู้เท่าทันอารมณ์ รู้จักยอม รู้จักเย็น รู้ในเหตุ รู้ผล มีภูมิปัญญาทางธรรม ที่สมควรแก่ธรรม มีความขยัน รู้คุณค่าการงาน รู้โทษรู้ภัย ของความเกียจคร้าน ไม่ถือสา เขาไม่รู้ ก็เหมือนกับเราไม่รู้ เหมือนเมื่อก่อน

หนังสือก็อ่านแต่ หนังสือของอโศก ไม่ไปเสียเวลากับหนังสือทั่วๆไป เขาจะว่าไม่รับรู้ ไม่ทันโลก ปิดกั้นตัวเอง ในเรื่องความรู้ ข่าวสารของโลกภายนอก ก็ช่างเขา เพราะหนังสือ ของอโศกนี้ ให้ความรู้ที่เหนือโลก รู้เรื่องกายวิญญาณ รู้เรื่องจิตวิญญาณ เรียนรู้โลกในตัวเอง รู้เขา รู้เรา รู้คุณค่าของเวลา ให้เวลากับการอ่านหนังสือ ของอโศกเลย จะไม่ดีกว่าหรือ มีสาระ มีความรู้ทุกๆด้าน ซึ่งมาใช้ดำเนินชีวิตได้เลย มีทั้งตัวอย่าง และแบบอย่าง ครบวงจร

เพราะความรู้จากอโศกเน้นให้พึ่งตนเองเป็นหลักสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเกษตร การอาชีพ การครองตน ฯลฯ และเน้นคุณธรรมเป็นหลัก ไม่ว่าจะให้ความรู้ ให้ข้อมูล ให้ วิธีการ ให้การแก้ปัญหา ให้การชี้แนะและให้พลัง แล้วที่สำคัญก็คือ ให้กำลังใจ สิ่งต่างๆ ทั้งหลายเหล่านี้คือ สิ่งที่เราได้ จากการอ่าน ซึ่งถือเป็นวิทยาทาน อย่างยิ่งยวด และล้ำค่า / อาทิตย์ เตชุสุข

โลกใบใหม่ อาจมีคนไม่มากนัก ที่เข้ามาเห็นได้ แต่แม้มีน้อยคน ก็คือคุณค่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้มีศรัทธา มีปัญญาตั้งในธรรม มีศีลสมบูรณ์ แม้เพียงคนเดียว ย่อมเป็นประโยชน์ แก่ญาติ และพวกพ้องผู้ไม่มีศรัทธา ...บ.ก.


ตัดใจ ยอมตัดหนังสือ (แม้เสียดาย) หรือจะ ตัดใจ ไม่ยอมตัดหนังสือ (เพราะเห็นประโยชน์วงกว้าง)
ลดโลภ โกรธ หลง ได้ เชื่อมั่นในกฎแห่งกรรม ครอบครัวมีความสุข ลูกๆได้รับ อานิสงส์ซึมซับสิ่งที่ดี สอนอะไรลูกไป ลูกจะรับได้ง่าย ถือว่าหนังสือสารอโศก-ดอกหญ้า เป็นกัลยาณมิตร ช่วยแนะนำ แนวทาง ในการดำเนินชีวิต ได้ดีมาก

เคยนึกเสียดายหนังสือ เวลาที่สามี ตัดข้อความสำคัญๆเก็บไว้ แต่เมื่อมองอีกมุมว่า นี่ถือว่าเป็นเรื่องดี ที่เกิดขึ้น คือจากการที่ แต่ก่อนเราได้รับประโยชน์ เพียงคนเดียว แต่ตอนนี้สามี ซึ่งถือว่า มีความสำคัญ ในการอบรมเลี้ยงดูลูกๆ มีความสำคัญ ในการประคับประคอง ชีวิตครอบครัว ให้ไปสู่จุดหมาย ที่ถูกต้องนั้น ได้เห็นความสำคัญ ถึงแง่คิด คุณธรรมและ คำสอนของพระพุทธเจ้า ถึงขนาดว่า ยอมตัดหนังสือ เก็บไว้อ่าน เตือนตนเอง โดยได้ให้เหตุผลว่า หากเก็บไว้ในหนังสือ โอกาสจะกลับมาอ่านน้อย เสียดายสิ่งที่ดี มีคุณค่าเหล่านี้ ครั้นจะคัดลอก บางครั้งก็ยาว อยากเก็บรายละเอียด ถ่ายเอกสาร ก็ไม่สามารถทำได้ทันที ในทุกโอกาส เดี๋ยวนี้ หนังสือมาถึง สามีเปิดอ่าน และบางครั้ง อ่านจบก่อน ด้วยค่ะ / สมาชิก ๒๕๓๙๖๙

นึกเช่นเดียวกันว่า น่าเสียดายหนังสือ ที่ถูกตัดข้อความออกไป เพราะหนังสือ ลักษณะเช่นนี้ ถือเป็นหนังสือชำรุด ในกาลข้างหน้า จะให้ใครต่อ หรือบริจาคให้ห้องสมุด ฯลฯ ก็คงไม่เหมาะนัก ขออนุญาตเสนอว่า เนื้อหาสาระใด ที่ประทับใจ ใช้วิธีอ่านทบทวน หลายๆเที่ยวจะดีไหม แล้วจดสรุป สั้นๆ เป็นแง่คิด หรือไม่เช่นนั้น ก็รวบรวมหนังสือ ที่ต้องการเก็บรายละเอียดบางเรื่อง ไว้ถ่ายเอกสาร พร้อมกันทีเดียว อาจจะช้าไปบ้าง แต่เนื้อหา สาระคติธรรม คงจะไม่เก่า ไปตามกาล มองอีกแง่หนึ่ง การคงอรรถรส และคติข้อคิดต่างๆ ไว้ในหนังสือตามเดิมนั้น นับเป็นการ แบ่งปันปัญญา หรือแสงสว่าง แก่ผู้อื่น ที่จะได้อ่านเช่นกัน ...บ.ก.


จาก...เสเพล ครบสูตร
ได้รับสารอโศก และหนังสือคุณภาพ ในเครือข่ายมูลนิธิธรรมสันติ ตั้งแต่ปี ๒๕๒๗ โดยรับทราบข้อมูล จากน้องชาย ซึ่งปัจจุบัน ถึงแก่กรรมไปแล้ว

ขอขอบพระคุณ มูลนิธิธรรมสันติ และคณะ กองบรรณาธิการ ที่ได้เอื้ออาร ีให้ชีวิตที่ดีแก่ ญาติธรรม ขอปวารณาตัวเป็น ญาติธรรม ด้วยความจริงใจ จริงจัง

จากชีวิตที่เสเพลครบสูตรอบายมุข ค่อยๆซึมซาบคุณความดี ทีละน้อยๆ ลดละเลิกมา จนปัจจุบัน ๑๐ มี.ค.๔๔

ได้เลิกหมดแล้วอบายมุข ในส่วนอาหารเนื้อสัตว์ ได้พยายาม สุดความสามารถ แต่ยังแคร์มวลชนอยู่ ต้องใช้วิธีหลบหลีก เลี่ยงให้ถึงที่สุด จะเดินตามรอยพ่อ เพื่อชีวิตที่ดี ของตัวเอง และสังคมต่อไป จะอ่านทุกเรื่อง อาจหลายๆรอบในบางเรื่อง ชอบที่สุดในช่วงนี้ เดินตามรอยพ่อ เพราะบางฉบับ ใกล้เคียงชีวิตจริง ที่เป็นไปแล้ว ภาวนาขอให้บั้นปลายดี เช่นทุกเรื่อง ปัจจุบันอ่านมากขึ้น เพราะมีเวลาว่างมาก ค้นหนังสือเก่าๆ แสงสูญ สารอโศก ดอกบัวน้อย ที่ยังพอเหลือติดบ้าน ปกติอ่านแล้ว มอบให้โรงเรียน ขยายผลให้ผู้เข้าใจร่วมกัน ขอวิงวอนให้ มูลนิธิธรรมสันติ จงมีพลัง ผลิตหนังสือธรรมะ ในแนวอโศก ให้ล้นเมืองไทย อยากมีอำนาจพิเศษ ให้ทุกโรงเรียนอ่าน เป็นหนังสือประกอบวิชา ศีลธรรมด้วยซ้ำไป แต่..." ทุกคนมีสิทธิ์ ว่าเราผิด แก้ได้โดย ความประเสริฐสุด ของมนุษย์ คือ อภัย" / ประเทือง โพธิแท่น

การเปลี่ยนแปลงกาย วาจา ใจ สู่ทิศทางที่เจริญขึ้นของผู้อ่าน ช่วยเพิ่มพลังอย่างยิ่ง แก่ผู้จัดทำหนังสือ ขอต้อนรับ คุณประเทือง สู่ร่มเงาอโศก ด้วยความยินดี ...บ.ก.


จะเป็นโสดได้นานแค่ไหน
ขอบคุณครับ ที่มีบทความต่างๆ มาเตือนสติ ไม่ให้ประมาท โดนโลกธรรม ๘ เล่นงาน จนเอาตัวไม่รอด อย่างเรื่อง อาริยะยุค ๒๐๐๐ เหมือนกับ ชีวิตตัวเองจริงๆ เพียงแต่เป็นหมู่ญาติธรรม ที่กินเจด้วยกัน มีบางครั้ง ที่ใจคล้อยตามอารมณ์ ที่หนาด้วยกิเลส ของตัวเรา แต่จะพยายามทำ ตามแบบอย่าง ผู้ที่ปฏิบัติชอบ คิดเสมอว่า การอยู่เป็นโสด จะทำประโยชน์ได้มาก ทั้งตัวเอง และกับสังคม ไม่รู้ว่า จะยึดความเป็นโสด ได้นานแค่ไหน มีบางครั้ง ที่ใจออกนอกทาง คิดท้อ กลัวจะปฏิบัติได้ ไม่ตลอด ก็มีหนังสือสารอโศก คอยเป็นวิทยาทาน รู้ว่ายังมีคนไม่น้อย ที่เขาปฏิบัติอย่างเรา แม้เราจะไม่ดีเท่าเขา ก็ตาม ก็จะพยายามรักษา ไม่ให้ตกต่ำกว่านี้ อีกด่าน ก็เรื่องการแต่งตัว ยังมีเสื้อผ้ามากมาย ถึงแม้เป็น ของที่พี่ๆน้า ใช้แล้วเอามาให้ แต่ก็ยังใหม่อยู่ พวกเพื่อนบอกว่า เรานี้เคร่งจัง หันมามองตัวเอง กลับรู้สึกว่า หย่อนยาน มากเลยทีเดียว

กับเรื่องวนเกษตร ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ปลูกต้นไม้มากมาย แต่ก็ตายมากเหมือนกัน วันนี้ฝนตก (๘ มี.ค.) ขอให้ตกมากๆเถิด ผักพื้นบ้าน จะได้งอก รอถ้าไม้นานาชนิดโต จะ ถ่ายรูปมาให้ดูครับ / สมบัติ มั่งคำ

อย่าเพิ่งคิดท้อไปล่วงหน้าให้ขาดทุนเปล่าๆ มีสาวเข้ามาใกล้ให้วูบๆวาบๆแล้วหรือ ถ้าวันนี้ ยังเป็นโสดได้ ก็ได้กำไร ไปทีละวัน ถ้าจะว่าไป ทุกคนเคยผ่านชีวิตคู่ คุ้นกลิ่นชินรส มาหลายชาติ ทั้งคู่รักคู่รบ พบแล้วจาก จากแล้วพบ โอบกอดกับคนนี้ เดี๋ยวผละไป โอบกอดกับคนนั้น ผลัดเวียน เปลี่ยนไป ไม่เคยคิดจะหยุด จะพอเสียที นึกๆแล้ว น่าเวียนศีรษะ หรือ ชวนปลงกิเลส อเนจอนาถ ไม่น้อย ว่าไหม ...บ.ก.


รับไม่ได้จริงๆ
กระผมขออนุญาตเล่าเหตุการณ์ ที่ได้เห็นมาจาก จ.อุดรธานีสักนิดนะครับ คือเมื่อ วันที่ ๑๐ มี.ค.๔๔ ผมได้มีโอกาส ไปร่วมงานบุญแจกข้าว (ทำบุญหาคนตาย) ผมสลดใจมากครับ ที่ชาวบ้านเรียกว่า งานบุญนั้น ผมว่าผิดถนัดเลยครับ น่าจะเรียกว่า งานทำบาปที่ใหญ่ที่สุด ของหมู่บ้านจะดีกว่า งานนี้มีการฆ่าควาย ๒ ตัว หมู ๑ ตัว ปลาดุกอีกเป็นพันตัว เพื่อเลี้ยงผู้คน ที่มาร่วมในงานบุญ ผมได้ถามว่า ทำไมถึงได้จัดใหญ่โตขนาดนี้ เขาบอกว่า ถ้าไม่ทำแบบนี้ ผู้คนจะนินทา กันทั้งตำบล ไปอีกนาน ส่วนการละเล่นนั้น มีทั้งโปงลาง และภาพยนตร์ ปิดถนนแสดงกันเลยครับ

กระผม สงสัยมาก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน พระเก่งๆดังๆในภาคอีสาน ก็มีจำนวนไม่น้อย ทำไมท่านไม่สอน ให้ประชาชน เลิกกระทำประเพณีเก่าๆ นี้เสียบ้าง คงจะดีมาก ทั้งสัตว์และคน จะอยู่ร่วมกัน อย่างมีความสุข แต่นี่ไม่เป็นอย่างนั้น ถ้ามีงานบุญ เกิดขึ้นในหมู่บ้าน คราวใด ทั้งสัตว์ใหญ่ สัตว์น้อย ต้องล้มตาย เพื่อสนองความหิวกระหาย ของคนเป็นจำนวนมาก

กระผมอยากขอความกรุณา ให้หนังสือของทางสมาคมฯ เช่น ดอกหญ้า เพราะมีผู้อ่าน ทั่วไปมาก ให้ช่วยเผยแพร่ งดการฆ่าสัตว์ลง ให้มากที่สุด คงจะดีมากเลยครับ ผมไม่รู้จะบรรยายอย่างไร ให้มากไปกว่านี้ ผมยอมรับว่า ผมรับ ไม่ได้จริงๆครับ เห็นแล้วสลดใจ เศร้าใจมากที่สุด ในชีวิตที่ได้เห็นมา / ชัชวาล ปัทมะเสวี

เข้าใจในสิ่งที่เขาติดยึดอยู่ แล้วหัดวางใจ อีกอย่างหนึ่ง เขาอาจทราบแล้วว่า มังสวิรัตินั้นดี แต่ไม่ทราบว่า ถ้าต้องเลี้ยงคนจำนวนมากๆ จะไปหาอาหาร มังสวิรัติ มาจากไหน จะทำอย่างไร เขาอาจคิดไม่ออกว่า จะเอาอะไร แทนเนื้อสัตว์ได้ ถึงแม้ทราบว่า ใช้เห็ด หรือถั่วแทนได้ แต่เห็ด จำนวนมากๆ ในชนบทหมู่บ้าน จะไปซื้อที่ไหน ถ้ามีแต่ถั่ว คนจะกินถั่วกับข้าวได้หรือ ทุกอย่างเป็น ปัญหาไปหมด ก็ค่อยๆ บอกกล่าวกันไป ปัจจุบันก็มีผู้เข้าใจ มังสวิรัติมากขึ้น ทำอาหารมังสวิรัติเป็น มากขึ้น รู้วิธีปรุง เพื่อเลี้ยงคน ทีละมากๆได้ โดยไม่จำเป็น ต้องใช้เนื้อสัตว์ และ เครื่องปรุง ราคาแพงเลย... บ.ก.


วัฒนธรรมครูกับศิษย
ผมดูรายการทีวีช่องหนึ่ง ถึงการฝึกลิงให้เล่นละคร มีแง่คิดน่าสนใจ ครูฝึกบอกว่า วิธีฝึกลิงมีดังนี้
๑. ต้องให้ความรัก ก่อนให้การเรียนรู้
๒. ครูต้องทำตัวอย่างให้ดู ทำให้ดูหลายๆครั้ง
๓. สัมผัส จับตัว จับมือให้กระทำจริงๆเลย
จากข้อคิด ทำให้นึกถึงสมัยเป็นเด็กนักเรียนว่า ครูสมัยก่อน จะสอนเด็ก ให้ความรักก่อน ทำตัวอย่างให้ดู (ตัวอย่างที่ดีนะ) และครูจะจับมือ ให้ฝึกเขียน ถ้าเรียนตีระนาด ก็จับมือตีระนาด ให้ดูกันเลย ทำผิด อาจถูกครูใช้ไม้เรียวเคาะ กำราบให้จดจำ เป็นการเคาะด้วยความรัก อยากให้เรียนรู้วัฒนธรรม ครูกับศิษย์ มีพื้นฐาน จากความเคารพ ศรัทธา

ครูไม่เคยตีเด็กด้วยขาโต๊ะ หรือ ประทุษร้าย ศิษย์รุนแรง เช่นปัจจุบัน ครูเป็นตัวอย่างที่ดี ถึงวันนี้ วัฒนธรรมไทย เดินตามก้นฝรั่งเต็มตัว หักไม้เรียวทิ้ง ยึดทฤษฎี ฝรั่งโดยสิ้นเชิง ลืมความเป็นไทยแท้ ลืมสัมพันธภาพที่ดี ระหว่างครูกับศิษย์ ลืมวัฒนธรรมอันดีงาม

สักวันหนึ่ง เมืองไทยคงเลิกพิธีไหว้ครู พิธีบูชาครูไม่ต้องทำแล้ว จะเดินตามฝรั่ง เต็มตัวไงครับ (มวยฝรั่งยังไม่ไหว้ครูเลย) / สมเกียรติ

ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างครูกับศิษย์ เป็นไปอย่างถูกต้องตรงธรรม จะเกิดสายใย แห่งความอบอุ่น ลึกซึ้ง ไม่มีลูกศิษย์คนใด โกรธ อาฆาตครู เพราะรู้ว่า ครูตีด้วยความปรารถนาดี จากหัวใจ โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ยังรำลึกรสชาติ ไม้เรียวอย่างประทับใจ ไม่รู้ลืม โรงเรียนสัมมาสิกขา ในเครืออโศก จึงยังไม่หัก ไม้เรียวทิ้ง ...บ.ก.


 

 

จดหมายจากญาติธรรม(สารอโศก อันดับ ๒๓๕ หน้า ๒๙ - ๓๘ เดือน เมษายน ๒๕๔๔)