จดหมายจากญาติธรรม

สารอโศก
อันดับ 241
ตุลาคม 2544


มังสวิรัติ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
เมื่อผมได้อ่านสารอโศก ฉบับนี้แล้วทำให้ตนเองเปลี่ยนแปลงจากเมื่อก่อนที่เป็นคนกินมาก ใช้มาก ตอนนี้ลดการกิน การใช้ และเที่ยวน้อยลง แต่ทำงานให้มาก กินมังสวิรัติได้ ๑๐๐ %
       
เรื่องการเล่นกีฬาฟุตบอล เปลี่ยนไปจากเดิม ที่ชอบเล่นฟุตบอล ดูถ่ายทอด ตึ ๑ -ตี ๒ หลังจาก อ่านหนังสือแล้ว เห็นว่า เป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ เพราะเป็นเรื่องเล่น ไม่ใช่เรื่องจริงของชีวิต นับว่าผมได้หลงเรื่องเหล่านี้ มาเป็นเวลานาน เมื่อก่อน หนังสือฟุตบอลโลก เล่มหนึ่งราคาหลายสิบบาท ต้องซื้อเก็บ เป็นที่ระลึก ภาพนักฟุตบอล ต่างประเทศ ติดในห้องนอน เต็มไปหมด อนิจจา! ความหลง / วิเชียร วงศ์สถาน (ร.ร.บ้านปินเหนือ)

กินมังสวิรัติได้ ๑๐๐ % ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่ออาจารย์วิเชียร ปฏิบัติได้เช่นนี้ คงเป็นตัวอย่าง ของลูกศิษย์ ได้เป็นอย่างดี ฟุตบอลเขาก็ฟาดแข้งกันเรื่อยๆแหละ แต่ละนัดก็โหมโฆษณากันใหญ่ว่า น่าดูมาก ใครพลาดละก็เสียดายแย่ คนก็แห่กันไปซื้อตั๋ว ค่าตัวนักเตะดังๆ แต่ละเดือน สามารถเป็นค่าอาหารคนจน ไปได้ตั้งหลายปี เขาซื้อตัวกันเป็น พันล้านบาททีเดียว คนเล่นก็รวยเอาๆ ส่วนคนดูก็จนลงๆ -บ.ก.


เชื่อมั่นในกรรม
ตอนนี้ข้าพเจ้ารักษาศีล ๕ อยู่ เดิมทีข้าพเจ้าตั้งใจจะรักษาศีล ๘ แต่เพราะว่าช่วงนี้สุขภาพไม่ค่อยสบาย เลยต้องรักษาศีล ๕ ไปก่อน และจะพัฒนาให้มั่นคง สูงส่งยิ่งขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ
       
ข้าพเจ้าจะพยายามไม่นอนกลางวัน และงดน้ำอัดลม กาแฟ ขนมจิบจุบ และไม่เล่นหวย ไม่เชื่อหมอดู คนทรง เชื่อมั่นในกรรม ไม่อ่านหนังสือดารา ไม่ดูทีวี จะอ่านแต่หนังสือธรรมะ ฟังรายการท่านจันทร์ ท่านเสียงศีลเป็นประจำ จิตใจเย็นขึ้น ไม่อารมณ์ร้อน ไม่เข้าไปเดินตามห้าง ไม่เที่ยวกลางคืน พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ไม่เบียดเบียนใคร ให้เป็นที่ทุกข์กาย ทุกข์ใจ ไม่ตบยุง แม้มดจะพยายามไม่ไปฆ่าเขา จะหาแป้งฝุ่นมาโรยไว้ มองโลกในแง่ดี เตือนตัวเอง อยู่เสมอ ก่อนที่จะทำอะไรลงไป จะประพฤติพรหมจรรย์ ไปตลอดชีวิต / น.ส.วรรณา รุมรัตนะ

ทำดี-ดี ทำชั่ว-ชั่ว กรรมลิขิตชีวิต และเรานั่นแหละลิขิตกรรม ไม่มีใครบังคับให้ทำชั่ว แต่คนมากมาย ก็พร้อมทำชั่ว ทั้งๆที่หลีกเลี่ยงได้ หากจะหลีกเลี่ยง เมื่อเข้าใจธรรมะ แล้วพยายามปรับเปลี่ยนตนเอง สู่ดีขึ้น นี่คือนิมิตหมาย อันงดงาม ของปัจจุบัน และอนาคต-บ.ก.


ดัดจริต!
ช่วงนี้ไม่ได้ส่งแสตมป์มาทางสมาคมเลย เพราะตอนนี้ไม่มีรายได้อะไรเลยครับ ทำนาปีนี้ น้ำก็ท่วมนาครับ แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่ท้อ ยังยืนหยัดที่จะสู้ต่อไป จะไม่กลับไปทำงานรับจ้างอีก ตั้งใจทำเกษตรธรรมชาติ ตามแนวทางของอโศกต่อไป ตอนนี้ศีลห้าก็ยังไปได้ดีอยู่ ศีลแปดวันพระ ช่วงเข้าพรรษา ก็ยังไปได้ดี ตลอดมา
       
เมื่อวันที่ ๑๐ กันยาที่ผ่านมา มีโอกาสไปสังเกตการณ์ การฝึกอบรมเกษตรกรพักหนี้ธ.ก.ส. พร้อมกับหมู่กลุ่ม ที่ศีรษะอโศก ก็ได้รับอะไรดีๆ อีกหลายอย่าง พอกลับมาก็ตั้งใจ เลิกเนื้อสัตว์ใหญ่ก่อน แต่ทางเพื่อนบ้าน ก็พากันนินทาใหญ่เลย มันเหมือนกับเรา ดัดจริตอย่างนั้นแหละ แต่ถึงอย่างไร ก็จะไม่ถอยครับ จะพยายามสู้ เพื่อจะให้เท่าเทียม กับหมู่กลุ่มให้ได้ ก็ขอพึ่งดอกหญ้า และสารอโศก ไว้เป็นพี่เลี้ยงตลอดไป / -อุดม อาสาสะนา

ดัดจริตจากทุจริตเป็นสุจริต ใครจะว่าอย่างไรก็เข้าใจเขา เพราะเราดัดสู่ดี -บ.ก.


ไม่ต้องซื้อผักตลาด
ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างมาก ที่ทางสมาคมได้ส่งหนังสือไปให้มิได้ขาด นับว่าเป็นบุญของดิฉัน ที่ได้รับหนังสือ ที่เป็นสาระ ประโยชน์ ต่อชีวิตและจิตวิญญาณ ได้อ่านโดยละเอียดทุกเล่ม ปรากฏว่า ยิ่งรู้ยิ่งเข้าใจ ในสิ่งที่ยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ และก็ได้นำมาปฏิบัติ ในชีวิตประจำวัน ของตัวเอง และครอบครัว ตลอดจนกระทั่ง เพื่อนฝูง บางครั้งบางโอกาส ก็เคยได้ชี้แนะเพื่อนฝูง ให้เข้าใจ ในสิ่งที่ยังสงสัยอยู่
       
ครอบครัวดิฉันในขณะนี้ปลูกผักกินเอง โดยใช้ปุ๋ยน้ำหมัก จุลินทรีย์ชีวภาพ ที่ได้เรียนรู้จาก หนังสือสารอโศก และดอกหญ้า ทำให้ครอบครัว ไม่ต้องซื้อผัก ในตลาดมากิน จะเก็บผักที่มีอยู่แล้ว ในบริเวณบ้าน ทั้งที่ขึ้นเอง ตามธรรมชาติ และ ที่ปลูกเองด้วย เช่น สะเดา ขี้เหล็ก กระถิน มะละกอ มันปู ผักบุ้ง ตำลึง ชะอม ถั่วพู บัวบก มะนาว ข่า ตะไคร้ ผักเหล่านี้ ล้วนแต่ะเป็นผักที่ไร้สารพิษ และมีหมุนเวียน ให้เรากิน ตลอดทั้งปี เป็นการปลอดภัยจากสารพิษ และ ประหยัดได้ เป็นอย่างดีอีกด้วย
       
ส่วนการปฏิบัติธรรมยังมั่นคงในศีล ๕ แนะนำให้ชาวบ้านทำน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ เพื่อใช้รดผัก หรือผลไม้ ได้ผลมาแล้ว หลายราย ตั้งใจไว้ว่า จะทำงานแบบนี้ ตลอดไป พร้อมกับปฏิบัติธรรมไปด้วย จะนำไปปฏิบัติ เพื่อให้กิเลสลดลง ลดหนี้ด้วย เพราะดิฉัน เป็นหนี้เขา ยังใช้ไม่หมด / - บุญมา การะเกษ

ปลูกพืชผักกินเองได้ ก็ช่วยลดรายจ่ายไปในตัว ผักไร้สารพิษทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ต้องเสียค่ารถ เดินทางไปหาหมอ ไม่ต้องไปนั่งรอ เป็นวันๆ สุขภาพกายดี สุขภาพจิตก็จะดีด้วย ยิ่งศึกษาธรรมะ จิตใจยิ่งปลอดโปร่ง เรื่องหนี้สิน ค่อยๆใช้ไป เรื่อยๆ หนี้ถ้ามีวันลด ก็ต้องมีวันหมดจนได้ เก็บผักไร้สาร ไปฝากเจ้าหนี้บ้าง เพื่อมอบสุขภาพที่ดีให้แก่กัน และให้เจ้าหนี้ มั่นใจว่า เราไม่หนีหนี้ แต่อาจจะใช้ช้าหน่อย เป็นการประสานสัมพันธ์ อันดีต่อกัน -บ.ก.


คิดใหม่ ไม่คิดเรื่องเงิน คิดลดรายจ่าย ง่ายกว่าคิดหารายได้
บ้านอยู่ท่ามกลางสวน เมื่อก่อนเคยคิดว่า จะปลูกอะไรดี จึงจะสามารถทำเงินได้มากๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะบ้าน อยู่ไกลตลาด
       
ช่วงหลังเปลี่ยนแนวคิดใหม่ ไม่คิดเรื่องเงิน คิดถึงเรื่องการลดร่ายจ่ายดีกว่า ไม่ต้องพึ่งพาปัจจัย ภายนอกมากนัก ส่วนใหญ่ เหตุปัจจัย อยู่ที่ตัวเราเอง คิดว่าชีวิตประจำวัน เรามีความจำเป็น ต้องใช้อะไรบ้าง
       
เริ่มตั้งแต่อาหาร เราทานมังสวิรัติจึงปลูกผักกินเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดเลย ซักผ้า อาบน้ำ สระผม ก็ทำน้ำยาซักผ้าเอง ทำแชมพูเอง ทำครั้งหนึ่ง ลงทุนน้อยมาก แต่ใช้ได้เป็นปี หรือมากกว่าปี หุงอาหาร ก็ไม่ต้องใช้แก๊ส ผมตัดฟืน จากการตัดแต่ง กิ่งลำใย กิ่งมะขาม ครั้งหนึ่ง ใช้ได้ ๒-๓ ปี ปลูกผักทำนา ก็ใช้ปุ๋ยชีวภาพ ทำเองอีก ค่าใช้จ่าย ในชีวิตประจำวัน มีน้อยมาก
       
ทุกวันนี้ ผมมีโอกาสทำบุญ ได้มากกว่า ตอนที่ผมมีเงินเดือน ใครมาที่สวน ก็จะได้ของฝากจากสวนฟรี ไปพุทธสถานครั้งใด ถ้ารถมีที่ว่าง ก็จะขนของจากสวน ไปอย่างเต็มที่ จะเห็นได้ว่า การลดรายจ่าย เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่า การหารายได้จริงๆ / - อำนวย คลี่ใบ

ปลูกผักที่เราจะกิน แล้วกินผักที่เราปลูก ลดรายจ่ายได้จริงๆ อะไรพอประหยัดได้ควรประหยัด ตอนนี้ ที่สันติอโศก กำลังฮือฮา เรื่องกิ่งสะเดา คุณไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก ไปได้สูตรมาจากอินเดีย ชาวอินเดีย ใช้ไม้สะเดาถูฟัน (ในไทยเรา นิยมข่อย) ฟันแข็งแรง เหงือกแข็งแรง ใครเสียวฟัน เหงือกบวมลองใช้สะเดาดู ในตำราวารสาร สมุนไพรบอกว่า ใช้เปลือกดีกว่าใช้ก้าน เปลือกมีตัวยามากกว่า ถากเปลือกยาว ๒-๓ นิ้ว ทุบปลายให้แตก แล้วใช้สีฟัน ใช้แล้วตัดปลายออก เอาไว้ใช้วันต่อไป หรือใครจะลอกเปลือกของกิ่ง ขนาดเท่านิ้วชี้ แล้วเอามาเคี้ยวให้ละเอียดก็ได้ อมไว้สักพัก ระหว่างเคี้ยว จะอ่านหนังสือธรรมะ ไปพลางก็ได้ น้ำสะเดา จะกลืนก็ไม่มีปัญหา เป็นยาไปในตัว ช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ก่อนคายกากสะเดา ก็เอากากนั้น ถูฟันอีกที คนที่ใช้บอกว่าได้ผลดีมาก ใช้ไปเรื่อยๆ เหงือกแข็งแรง ฟันโยกก็จะแน่น ระงับกลิ่นปาก -บ.ก.


กินตะบันราด
ก่อนอื่นผมต้องขออภัยเป็นอย่งมากด้วย เพราะผมได้รับหนังสือสารอโศกนานหลายวันแล้ว แต่เพราะความเป็น คนขี้ลืม ผมเอากระดาษแผ่นนี้ เก็บไว้ดีเกินไป เลยหาไม่เจอ แต่ก็เฝ้าหาแทบทุกวัน เพิ่งมาเจอ เพียงไม่กี่วันนี้เอง หวังว่า คงจะได้รับ ความอภัย จากกองบรรณาธิการ ต่อไปผมจะพยายาม ตอบให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
       เปรียบเสมือนแสงสว่างอันสดใส มาส่องหนทางที่มืดดำของผม ให้มองเห็นทะลุปรุโปร่ง ความดีอันนี้ ผมขอยกให้ หนังสือ สารอโศก-ดอกหญ้า เป็นอาจารย์ของผม อย่างจริงใจ การกินอาหาร การปฏิบัติตัวเอง กิริยามารยาท จากใจร้อน ก็ทำใจเย็นลงมาได้ เช่น เมื่อก่อนนี้ คนทั้งหลายว่าสิ่งนี้ดี ผมก็ว่าดีตามเขา แต่พอได้อ่านพบในหนังสือว่า สิ่งนั้น มันตรงกันข้ามกัน กับที่ผมได้รู้มา ไม่ใช่ว่า ผมจะเชื่อสารอโศกเสียเลย ผมก็ใช้เวลาพิสูจน์ดูว่า อันไหนสิ่งใดดีจริง พิจารณาอีก หลายรอบหลายหน เมื่อแน่ใจว่าดีแล้ว จึงได้นำมาปฏิบัติ แล้วก็ไม่ผิดหวัง ทำอะไรก็ไม่ล้มเหลว เมื่อก่อนนี้ ผมเป็นคนที่กินอะไร แบบตะบันราด อะไรที่มีกินอยู่ตรงหน้า ผมไม่เลือกสักอย่าง ตั้งแต่ผมได้อ่าน หนังสือสารอโศก - ดอกหญ้า ถึงได้รู้ว่า ที่ผ่านมาเราผิด โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ / - ประธาน พรหมนุชานนท์

ใบตอบรับถ้าหาย จะเขียนมาในกระดาษอื่นก็ได้ จะเป็นกระดาษหน้าเดียว ก็ไม่ว่ากัน จะได้ประหยัดหน่อย ใช้กระดาษ คุ้มทั้ง ๒ หน้า ธรรมะช่วยให้เรารู้จักยับยั้ง ในการกินเช่นนี้แหละ มีผู้กล่าวว่า ผู้ตะกละในการกิน ย่อมใช้ปาก และฟัน เปรียบเสมือน จอบและเสียม ขุดหลุมฝังศพตัวเอง ฟังเข้าทีดีเหมือนกันนะ -บ.ก.


ฟ้าประทานโจทย์
...บนดินแดนทุรกันดาร คือสถานฝึกความเป็นคน งานหนักไม่เคยฆ่าคน....
เสียงเพลงนี้ยังก้องอยู่ในหูของพวกรเา ชาวคณะกลุ่มบุญค้ำบุญคูณตลอดเวลา เพราะการอบรมแต่ละรุ่น จนถึงรุ่นที่ ๒๗ ซึ่งเป็นการอบรม ของธ.ก.ส.รุ่นแรก รุ่นนี้หนักมาก ต้องเผชิญกับพายุฝนกระหน่ำ น้ำท่วม ถนนหนทางเละ แถมลุยโคลน แต่ละคนก็ยังสู้ อาคารมุงด้วยหญ้าคา พอฝนกระหน่ำลงมาหนัก แต่ละครั้ง ต้องระดมกันใช้ถังกะละมัง รองน้ำกัน อย่างสนุก แต่สุดท้ายครบ ๕ วันก็จบลงด้วยดี สรุปแล้ว ขอขอบคุณฟ้า ที่ประทานโจทย์ชั้นยอดมาให้ ทำให้พวกเรา ได้ต่อสู้ และ สร้างความแข็งแกร่ง

ปฏิบัติกรของเราแต่ละคนหัวใจเกินร้อย ทุกคนได้แสดงบทบาท ตามหน้าที่อย่างดียิ่ง ผลงาน จึงออกมา ด้วยความประทับใจ ผู้เข้าอบรมที่เป็นสมาชิกของธ.ก.ส. ๔๘ คน กลับไป ๒ เหลือ ๔๖ คน รวมเจ้าหน้าที่ธ.ก.ส.อีกคน ๓ คน เป็น ๔๙ ทั้งญาติธรรม และผู้สังเกตการณ์อีก ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ คน ซึ่งวันสุดท้าย ของการฝึกอบรม คุณศุภชัย สภาการ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาบุคคล ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร ได้ประเมินผล จากผู้เข้ารับ การฝึกอบรม ท่านบอกว่าให้ ๙๐%

และขณะเดียวกัน เราได้รับงบประมาณจากกองทุน เพื่อการลงทุนทางสังคม ของจังหวัดอำนาจเจริญ มาอีก ๔๙๐,๐๐๐ บาท ซึ่งต้องอบรมให้เสร็จไม่เกินวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๔๕ ซึ่งวันที่ ๘-๑๐ กันยายนที่ผ่านมา ได้อบรมนักเรียน จากโรงเรียน อำนาจเจริญ ๘๓ คน และ จากเรณูนคร ๗ คน รวม ๙๐ คน ซึ่งก็พบกับอุปสรรค พายุฝนอีก ตลอดการฝึกอบรม ทั้งปฏิบัติกร และผู้เข้ารับการฝึกอบรม สู้กับอุปสรรค จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ปัญหาสำคัญของการฝึกอบรมคือ การขอตัวปฏิบัติกร ที่เป็นข้าราชการนั้นลำบาก เขาไม่ค่อยอนุญาต เพราะบ่อยเกินไป บางคนถึงกับลากิจ ถ้าจัดอบรมให้ตรงกับวันหยุด ก็จะพอแก้ไขได้บ้าง หรือถ้าเจ้ากระทรวง ขอตัวไปเลย ก็จะดีมาก จะได้ทำงาน ด้วยความสบายใจ สำหรับส่วนตัวของกระผม ได้ตัดสินใจ ขอเกษียณก่อนกำหนด ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ ๑ ต.ค.๔๔ เป็นต้นไป / - นักบุญ จันทพันธ์ ผอ.ศูนย์ฝึกอบรมสวนส่างฝัน

ป.ล. การส่งหนังสือจากส่วนกลาง ถ้าเป็นไปได้ ขอความกรุณาส่งรวมกันจะดีกว่า ประมาณสัก ๕ คน (ครั้งละ ๕ เล่ม พวกเราจะได้ จัดส่งกันเอง และขณะนี้ การจัดระบบสาธารณโภคี ของพวกเรา กำลังดีขึ้น ถ้าส่งเงินบำรุง หรือ เป็นค่าแสตมป์ ก็จะส่งเป็นของกองกลาง ขอให้พิจารณาด้วย จะเป็นพระคุณอย่างสูง

นึกภาพที่แต่ละคนวิ่งคว้ากะละมัง ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เอามาวางรองตรงรูรั่ว เพราะหลังคาเป็นหญ้าคา เหนื่อยด้วยกัน หนักด้วยกัน ทำให้หมู่กลุ่ม ยิ่งซาบซึ้ง ซึ่งกันและกัน เป็นสายใยภราดรเชื่อมใจ ในร่มแห่งธรรม

ถ้าชาวบ้านพึ่งตนเองได้ นี่เป็นทางรอดของประเทศจริงๆ สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ เมื่อเขาเห็นตัวอย่าง การกินง่าย อยู่ง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ปิดอบายมุขได้เด็ดขาด กลุ่มบุญค้ำบุญคูณ เป็นกลุ่มเล็ก แต่เหนียวแน่น จึงจัดอบรมได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ขอชื่นชม ในความร่วมมือ ร่วมใจของกลุ่ม ขอขอบคุณ ในข้อเสนอแนะ เรื่องการจัดส่งหนังสือ ฝ่ายธรรมปฏิกรรม รับไปพิจารณาแล้ว -บ.ก.


ดวงตาคู่ใหม่
อยากบอกว่า หนังสือทุกเล่ม ที่ทางท่านกรุณาส่งไปให้ ด้วยความปรารถนาดี ได้ถึงจุดหมายปลายทาง โดยสวัสดิภาพ ทุกฉบับ

จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ โรงเรียนของหนูปิดเทอมแล้ว หนูจึงมีเวลา ได้ศึกษาธรรมะมากขึ้น ได้ฟังรายการ ของท่านเสียงศีล และ ท่านจันทร์มากขึ้น ได้มีเวลาอ่านหนังสือดอกหญ้า -สารอโศก และ เราคิดอะไรเยอะขึ้น ความกระตือรือร้น ในการสนใจใฝ่ธรรม และหันมาศึกษา ตนเองมากขึ้น รู้สึกดีใจ และยินดีเป็นที่สุด ที่ได้มีโอกาส เห็นทางสว่างของชีวิต แม้ว่าจะยังริบหรี่อยู่ในตอนนี้ ก่อนที่จะเล่าถึงความเปลี่ยนแปลง และสิ่งดีๆ ที่ได้รับจากดอกหญ้า และสารอโศก ขอย้อนไป เล่าเรื่องของตัวเอง และครอบครัวสักนิดนะคะ

ก่อนหน้าที่ครอบครัวเราจะรู้จักธรรมะนั้น ครอบครัวก็ยังเหมือนครอบครัวอื่น ในหมู่บ้านแห่งนี้ ฆ่าสัตว์บ้าง พ่อแม่ ทะเลาะกันบ้าง โกหกบ้าง ซื้อหวยทั้งของรัฐบาล และใต้ดิน หนี้สินก็ล้นพ้นตัว พ่อไปทาง แม่ไปทาง พี่ชายไปทาง พี่สาวไปทาง ครอบครัวเหมือนไม่ใช่ครอบครัว เช้าจรดเย็น ไม่เคยได้เห็นทุกคน อยู่พร้อมหน้ากันสักที ตอนนั้น หนูรู้สึก เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครเข้าใจ มองทางไหน ก็มีแต่ความว่างเปล่า กลับมาบ้าน ก็ได้ยินแต่เสียงทะเลาะ กับเสียง ด่าทอกัน ของพ่อกับแม่

ช่วงนั้นเริ่มคบเพื่อน ทำตัวเกกมะเหรกเกเรไปวันๆ กลับถึงบ้านก็ค่ำๆมืดๆ พอถึงบ้าน ก็ขังตัวเอง อยู่แต่ในห้อง เปิดเพลงดังๆ เปิดทีวีดังคับบ้าน ถ้าช่วงไหนเป็นธรรมะ หรือข่าวสารต่างๆก็จะปิด เรียกว่าปิดหูปิดตา ปิดประตู สู่โลกกว้างทุกทาง ชีวิตช่วงนั้น จึงค่อนข้างไร้แก่นสาร ไร้สาระ นิสัยส่วนตัว ก็ค่อนข้างจะก้าวร้าว เอาแต่ใจตัวเอง ดูถูกคนอื่น จิตใจคับแคบ เห็นแก่ตัว โมโหง่าย ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าๆกลัวๆ ชอบนินนา ข้อเสียคนอื่น เป็นประจำ ขี้เกียจ งานการไม่ยอมช่วยทางบ้านทำ

เป็นเช่นนี้เรื่อยมา จนกระทั่ง ตอนที่พี่ชายเริ่มป่วย ด้วยโรคร้าย ที่รักษาไม่หาย ปกติหนูจะชอบ สอดรู้สอดเห็น เรื่องของ ชาวบ้าน เป็นประจำ เลยรู้เรื่อง การป่วยด้วยโรคร้ายของพี่ชาย ก่อนใครเพื่อน ตอนนั้นเสียใจมาก ไม่รู้ว่า มากเท่าไหร่ รู้แต่ว่า ร้องไห้อยู่เกือบครึ่งเดือน ร้องๆหยุดๆ ตัวพี่ชายรู้ตัวดีว่า จะอยู่ดูโลก ได้อีกไม่นาน ชีวิตที่เคย สำมะเล เทเมา เที่ยวกลางคืน ประพฤติผิดในกาม พูดโกหก คบเพื่อนไปในทางที่ไม่ดี เบียดเบียนสัตว์ เป็นประจำ โกรธบ้านแทบพัง เป็นประจำ ก็เริ่มลดลง เริ่มหันไปหาที่พึ่งทางใจ คือธรรมะ อารมณ์ที่เคย แปรปรวนของพี่ชาย เริ่มสงบลง

ช่วงนั้นพี่ชายป่วยหนัก จนต้องถึงกับลงพักการเรียน ๑ ปีเต็มๆ ๑ ปีที่พี่ชายกลับมาอยู่บ้าน พี่ชายฟังธรรมะ จากรายการต่างๆ โดยเฉพาะรายการ ทุกข์ปัญหาชีวิต ของท่านจันทร์ และ รายการเพื่อนช่วยเพื่อน ของท่านเสียงศีล เริ่มสมัครเป็นสมาชิก ของดอกหญ้า และสารอโศก เริ่มซื้อหนังสือ เราคิดอะไรมาอ่าน เริ่มซื้อเท็ปธรรมะ มาทีละ หลายๆม้วน เริ่มถือศีล ๕ กินมังสวิรัติ ความโกรธแบบ หัวฟัดหัวเหวี่ยง เวลาคนในบ้านทำผิด (โดยเฉพาะหนู) ก็ลดน้อยถอยลงไป จนเดี๋ยวนี้ พี่ชายไม่เคยโกรธหนูอีกเลย

ช่วงแรก ที่พี่ชายกลับมาอยู่บ้าน พี่ชายจะเปิดวิทยุ ที่เป็นรายการธรรมะดังๆ ให้คนในบ้านได้ยิน โดยทั่วถึงกัน ตอนแรก ไม่มีใครสนใจฟังเลย พี่ชายอดรนทนไม่ได้ บังคับแบบเผด็จการ ให้ทุกคนต้องฟัง ทุกคนก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง สุดท้าย ซึมซับเข้าไป ทีละนิดๆ ตอนนี้ติดรายการ ธรรมะกันทั้งบ้าน ตอนหลัง พี่ชายเริ่มได้รับหนังสือ ดอกหญ้ากับสารอโศก จากแม่แดงบ้าง จากกองบรรณาธิการบ้าง พี่ชายอ่านเสร็จ ก็บังคับให้หนูอ่าน หนูก็จำใจต้องอ่าน อย่างเสียไม่ได้ เพราะกลัว พี่ชายเสียใจ ดอกหญ้าอ่านบ้าง ไม่อ่านบ้าง แต่สารอโศกนี้สิ ไม่ยอมแตะเอาเลย แค่ได้ยินชื่อ ก็แปลกๆแล้ว ตอนหลังๆมา เริ่มซึมซับรับเอาธรรมะ เข้าสู่กระแสเลือดบ้าง ก็เลยหันมาชื่นชอบ หนังสือดอกหญ้า - สารอโศก และ เราคิดอะไร มากเป็นทวีคูณ

จากแค่อ่านเล่นๆ ที่เริ่มอ่านแล้ว หันมามองตัวเอง ส่วนไม่ดีๆเข้าตัวเองหมดเลย จึงลองเริ่มเปลี่ยนทีละนิดๆ ตอนนี้ หนูใจเย็นขึ้น กินข้าวมื้อเดียว ไม่กินจุบจิบ พยายามไม่ฆ่ามด ยุงและสัตว์ทุกชนิด รู้สึกว่า ตัวเองเปลี่ยนแปลงไป ในทางที่ดีขึ้น ทุกคนในครอบครัว ก็ดีขึ้นค่ะ ตอนนี้ไม่มีใครในบ้าน ทะเลาะกันอีกเลย ทุกคนรักใคร่ สามัคคีกันดี เมื่อก่อนนี้ หนูเป็นคนค่อนข้าง วิตกจริต ชอบคิดมาก จะทำอะไรสักอย่าง ก็ทุกข์ล่วงหน้า เป็นอาทิตย์ ๒ อาทิตย์ แต่วันนี้ หนูรู้สึก เหมือนมันว่าง เบา สบาย จะทำอะไร ก็ไม่คิดมาก เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วค่ะ เหมือนยกภูเขา ออกไปจากอกได้ ทุกข์ที่เคยแบกไว้ ดูเหมือนจะวางไว้ข้างๆตัว ไม่แบกให้หนักอีกแล้วค่ะ

เดี๋ยวนี้หนูหยุดนินทาใครต่อใครได้แล้วค่ะ เวลาจะพูดจาก็ไม่โผงผางเหมือนเมื่อก่อน รู้จักเอาใจเขา มาใส่ใจเรา เคยติดละครทีวี และการ์ตูน ตอนนี้ก็เลิกแล้วค่ะ ยังดูอยู่บ้าง แต่ไม่ติดเหมือนเมื่อก่อน การ์ตูน กับนวนิยายเป็นเล่ม ก็ไม่อ่าน หันมาอ่าน หนังสือธรรมะแทน ความเชื่อมั่น ที่ไม่เคยมีมาก่อน ก็เริ่มมี กล้าคิดกล้าทำมากขึ้น อารมณ์ก็เริ่มอยู่ กับร่อง กับรอยมากขึ้น สภาพจิตใจสงบขึ้น อาการวิตกจริตหายไป เห็นใจคนอื่นมากขึ้น

หนูโชคดีกว่าคนอื่นๆอีกมาก ที่เขาไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับสิ่งดีๆ เช่นที่หนูได้รับ หนูดีใจที่วันนี้ หนูเดินไปอย่างเห็นทาง หาใช่เช่น คนตาบอดคลำทาง เดินสะเปะสะปะ เช่นเมื่อก่อน อยากขอบคุณหนังสือดีๆ ที่ท่านหยิบยื่นให้ อยากขอบคุณ ข้อคิดเตือนใจต่างๆ ที่ส่งมาให้ ขอบคุณความปรารถนาดี ด้วยใจจริงที่แนบมาถึง ขอขอบคุณกำลังใจ ที่มอบผ่านมา ยามหนูท้อแท้ ขอบคุณที่สังคมมีคนดีๆ ที่ช่วยคิดช่วยทำเพื่อสังคม แม้จะเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่กลับเปี่ยมด้วยน้ำใจ และ ไมตรีที่แข็งแกร่ง ราวหินผาสูงขึ้น เป็นที่พึ่งพิงยามทุกข์ร้อน กว้างใหญ่กว่าจักรวาลใดๆ ทั้งปวง

วันนี้โลกของหนู สดใสแล้วค่ะ ไม่มืดดำเหมือนวันวานแล้ว หนูพบจุดหมายปลายทาง อันยิ่งใหญ่ของชีวิตแล้วค่ะ หนู่คิดว่า ถ้าคนทั้งประเทศ เป็นเช่นชาวอโศกทุกคนคงดี ประเทศชาติ และสังคมคงไปได้ดีแน่ๆ ไม่ต้องล่มสลาย เช่นทุกวันนี้ ที่ดีแต่แก่งแย่งแข่งขัน ในทางไม่สร้างสรร เห็นประโยชน์ตัวเป็นใหญ่

ถึงแม้ว่าวันนี้ หนูยังอาจเป็นคนที่ยังไม่ดีพอที่จะพัฒนาสังคมได้ แต่หนูให้สัญญาค่ะ ต่อไปนี้ทุกๆก้าว ที่หนูเหยียบย่าง ไปข้างหน้า หนูจะได้เป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีประโยชน์ต่อสังคมให้ได้ ในสักวันหนึ่ง หนูต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าหาก ตัวหนังสือ ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่

หนูมีอีกเรื่องอยากจะปรึกษาค่ะ คือตอนนี้ที่บ้านหนู มีหนังสือที่ทางกองบรรณาธิการ ส่งมาให้อยู่นิดหน่อย สัก ๑๐ กว่าเล่ม หนูให้เพื่อนไปยืมอ่าน เพื่อนก็ไม่ยอมอ่าน จะเก็บไว้ก็กลัวไร้ค่า หนำซ้ำยังชอบทำลายอีก เสียดายคุณค่า ของหนังสือ จะให้คนแถวๆบ้านอ่าน ก็ไม่มีใคร อ่านหนังสือออกสักคน หนูจะทำยังไงได้บ้างคะ ถ้าจะให้หนูส่ง เป็นหนังสือเวียน หนูก็เต็มใจค่ะ แต่หนูไม่รู้จักใครเลย ตอนนี้พี่ชายของหนู ไปเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ค่ะ คนที่ได้รับ ประโยชน์เต็มๆ ก็คือหนู เวลาพี่ชายกลับมาที ถึงกลับมาอ่าน แต่พี่ชายก็ยังติดตามอ่าน เหมือนเดิมเสมอค่ะ

ขอให้หนังสือดีๆ เช่นดอกหญ้าและสารอโศก อยู่คู่สังคมไปนานๆ นะคะ / นงนุช

ชีวิตเกิดมาเพื่อพัฒนาตนเองให้เจริญในกุศลธรรมยิ่งๆขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็ทำตนเป็นประโยชน์ ต่อผู้อื่นไปพร้อมกัน ชีวิตที่หอบหวง แสวงหา กิน สูบ ดื่ม เสพในโลกียสุข เป็นชีวิตที่ติดลบ อ่านจดหมายของหนูนงนุช อย่างมีความสุขมากๆ        เรื่องหนังสือนั้น หากไม่ทราบจะนำไปบริจาคที่ไหนจริงๆ ส่งกลับคืนแหล่งเดิมได้ เพื่อหมุนเวียนแจกจ่าย ให้คนอื่น อ่านต่อ - บก.



     

จดหมายจากญาติธรรม หนังสือสารอโศก อันดับที่ ๒๔๑ เดือนตุลาคม ๒๕๔๔ หน้า ๒๕