>สารอโศก.


"...งานปีใหม่ งานตลาดอาริยะ เป็นกิจวัตรแห่งปี เป็นงานประเพณีของพวกเราชาว อโศก ดำเนินมาเป็นปีที่ ๒๓ เป็นเรื่องของสังคมมนุษยชาติ ที่ได้ประโยชน์ตน-ประโยชน์ท่าน ชาวอโศกทั่วประเทศมีโอกาสมาร่วมกันทำ ลงมือปฏิบัติ เพื่อให้เจริญขึ้น ต่อไปจะเรียกว่า งานปีใหม่'๔๕ ตลาดอาริยะ อย่าลืมครั้งที่เท่าไหร่ด้วย เราจะได้กำหนดรู้ว่า กว่าเราจะทำกันมาได้ขนาดนี้ ปีนี้อาตมาเห็นความก้าวหน้า ของพวกเราขึ้นเยอะ แม้กระทั่งเด็ก และ เห็นจิตวิญญาณของพวกเรา ที่ตั้งใจเสียสละ ลงทุนลงแรง สินค้าทยอยขนมา ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กว่า..."

งานปีใหม่"๔๕ ตลาดอาริยะ(ครั้งที่ ๒๓) บุญญาวุธหมายเลข ๒ ระหว่างวันที่ ๓๐ ธ.ค.๔๔-๑ ม.ค.๔๕ เป็นงานประกาศ ทฤษฎีบุญนิยม ระดับที่ ๓ คือ ขายต่ำกว่าทุน ยิ่งขาดทุนได้มาก นั่นคือ ของจริงของบุญนิยม ยืนยันว่า ขาดทุนคือกำไร จนถึงวันนี้ เผยแพร่มาแล้วถึง ๒๓ ปี จัดขึ้นอีกครั้ง ณ หมู่บ้านราชธานีอโศก (บ้านราชฯ เมืองเรือ) จ.อุบลฯ ที่ย้ายมาจัดที่นี่ เป็นปีที่ ๕

ปีนี้บ้านราชฯ ประสบกับภาวะน้ำท่วมอีกเป็นปีที่ ๓ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของที่นี่ไปแล้ว และ ระดับน้ำ ลดลงช้า การจัดสถานที่ ค่อนข้างฉุกละหุก ทำให้ฝ่ายเครื่องกลหนัก ต้องทำงานหนัก ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเร่งปรับพื้นที่ ให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด เพราะทีมขนฟาง จะได้ขนฟาง มาปูให้ทั่วบริเวณงาน แม้ระยะเวลาของงาน จะมีเพียง ๓ วัน แต่เป็นงานที่ใหญ่ที่สุด ของชาวอโศก ที่ต้องประสานสัมพันธ์ กับคนภายนอก มากที่สุด ที่นับวัน มีอัตรา ความก้าวหน้าขึ้นอยู่เรื่อยๆ

นอกจากนี้ ยังต้องระดมการเสียสละ จากทุกๆฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นแรงกาย และทุนทรัพย์ เรือนหมื่นเรือนแสน จากแต่ละคน ด้วยมีจิตวิญญาณ แห่งการเสียสละ ดวงเดียวกัน เพราะทุกคน ต่างเข้าใจและซาบซึ้งว่า "ขาดทุน คือ กำไร"

ต้นเดือนธันวาฯ พ่อท่าน-สมณะ-ญาติธรรม ทยอยเข้าพื้นที่เพื่อร่วมเตรียมงาน เสียงตามสาย ประกาศเรียก โฮมแฮงเป๊งพรึบ ขอแรงช่วยกันขนสินค้า ลงจากรถคอนเทนเนอร์ และรถสิบล้อ ที่ขนสินค้าเข้าพื้นที่ คันแล้วคันเล่า ดังอยู่แทบทุกวัน แม้จะหนักและเหนื่อยเพียงใด แต่ทุกคนก็เต็มใจ ที่จะเสียสละแรงกาย เพราะเข้าใจแล้วว่า นี่คือกิจใหญ่น้อย ของเพื่อนสพรหมจรรย์ ที่ต้องขวนขวายช่วยเหลือ พร้อมกับเพิ่งเล็งกล้าในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ถึงพร้อมด้วย ประโยชน์ตน-ประโยชน์ท่าน ดุจแม่วัวเคี้ยวหญ้าไปด้วย ชำเลืองดูลูกน้อยไปด้วย บ่อยครั้ง ที่พ่อท่าน-สมณะ-สิกขมาตุ ปลีกเวลาจากงานประจำ ที่ต้องรับผิดชอบ มาช่วยลงสินค้า ทำให้ความเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ที่มีอยู่มลายลงสิ้น ประทับใจกับกายกรรม ที่มิใช่เพียงแค่พูดให้ฟัง แต่ทำให้ดู

นอกจากงานขนสินค้าลงแล้ว ยังมีงานเร่งปลูกพืชผัก เพื่อต้อนรับพี่น้อง ที่จะมาเยือน ให้ได้พบกับ ความเขียวสดชื่น สวยงาม ทั่วบ้านราชฯ บ่อยครั้ง มีกสิกรรมฝ่าลมหนาว ปลูกกันแต่เช้ามืดถึง ๔ ทุ่ม เพื่อให้พี่น้อง ได้รับประทาน ทันวันงาน และงานสร้างห้องน้ำเพิ่มขึ้น ที่ระดมกำลัง สมณะเร่งทำให้แล้วเสร็จ ก่อนงาน เพื่อรองรับญาติพี่น้อง ที่จะหลั่งไหลเข้ามา

ขอขอบคุณกำลังของญาติธรรม คนหนุ่มสาว และเยาวชนชาวอโศก จากทีมศิษย์เก่าสัมมาสิกขา มวช. และนร. สัมมาสิกขาทั่วประเทศ ที่เคลื่อนพล เข้าพื้น แต่วันที่ ๒๑-๒๗ ธ.ค. เพื่อเข้าค่าย ยอส.(ยุวชนอโศกสัมพันธ์) เตรียมงานปีใหม่ หากไม่ได้กำลังเหล่านี้ งาน ตลาดอาริยะ คงไม่สำเร็จลงได้ เพราะนี่มิใช่เป็นงาน ของคนบ้านราชฯ เจ้าของพื้นที่เท่านั้น แต่เป็นงานของชาวอโศกทุกคน ทุกคนควรมีความสำนึก เป็นเจ้าภาพ มิใช่เป็นเพียงแขก มาเที่ยวงาน

"...ทำทานต้องมีปัญญา ของเหล่านี้ออกไป ต้องไปสู่บุคคลที่ควรจะได้ ก็ต้องเลือกคนให้ แหล่งให้ เป็นกุศลยิ่งๆขึ้น นี่คือเศรษฐศาสตร์ ที่ลึกซึ้งมาก บุญนิยมจะต้องเป็นเศรษฐศาสตร์อย่างนี้ จะครองโลก พอ ๕๐๐ ปีไปแล้ว จะเป็นเศรษฐศาสตร์ บุญนิยม ที่รุ่งเรือง จะสุขสบาย ไปอีก จนถึง ๑,๐๐๐ กว่าปี รุ่งเรืองที่สุด จากพันกว่าปีลงไป ก็จะเริ่มลด เริ่มเสื่อมไปๆ จนที่สุดก็จะหยาบลงๆ สุดท้าย ศาสนาพุทธก็หมด ทุกอย่างก็สูญสิ้น หมดประมาณ ๕,๐๐๐ ปี ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ซึ่งจะเป็นจริง ตามหลักเกณฑ์นี้..."

ปีนี้มีการขยายพื้นที่ของส่วนตลาดสินค้า-ตลาดอาหารและลานจดรถ

ในตลาดสินค้าเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ ๘ โมงเช้าถึง ๔ โมงเย็น โดยแต่ละร้านปิดพักหมุนเวียน ไปทานอาหารเป็นช่วงๆ แม้ร้านนี้ปิดก็ยังมีร้านอื่นๆเปิดขาย ญาติธรรมบางกลุ่มบางคนมี ทุนทรัพย์มาเสียสละ แต่ไม่มีแรงงานมาช่วย ก็มอบทุนให้ส่วนกลางจัดซื้อสินค้าและจัดหาคน มาช่วยขาย บางคนมีแรงงานมาเสียสละ แต่ไม่มีทุนทรัพย์ ก็เข้าไปช่วยส่วนกลางสอด คล้องกันไป

จากครั้งนี้ บางกลุ่มเมื่อได้มาช่วยลงแรงแล้วเกิดความประทับใจ ปลื้มปีติ เกิดแรงบันกดาลใจว่า ปีหน้า จะไม่มาลง เพียงแรงเท่านั้น แต่จะร่วมกันลงขัน ซื้อสินค้า มาร่วมขายขาดทุนด้วย เพราะภาพที่ได้เข้าไปสัมผัส ในตลาดอาริยะ กับประชาชน ที่จนยาก ระดับรากหญ้า มาซื้อสินค้านั้น เมื่อเห็นแล้ว กินใจจนพูดไม่ออก

ภาพของหญิงชรายากจน ค่อยๆบรรจงหยิบแบงก์ ๒๐ เก่าๆ ออกจากถุงพลาสติกขาดๆที่ซ้อน กัน ๒ ชั้น ออกจากชายพก แล้วยื่นให้ผู้ขาย แลกกับสินค้าจำเป็นในการยังชีพ สินค้าชาวบุญนิยม นำมาขายขาดทุนนั้น มีค่ายิ่งนัก ทำให้เงินอันน้อยนิด ของหญิงชรา มีค่ามากขึ้น เป็นเงินที่อุตส่าห์อดออม จากงานรับจ้าง เราต้องเป็น ผู้ขายที่ดี แสดงการเสียสละที่จริง แล้วความพอใจ ที่ประชาชนได้รับบริการจากน้ำใจ จากพฤติกรรมของเรา ประมาณเป็นเงินไม่ได้ สินค้ายิ่งถูกเท่าไหร่ บุญนิยมก็เปล่งประกาย มากขึ้นเท่านั้น

"...งานนี้ชาวบุญนิยมทานให้กับคนที่จำเป็นจริงๆ เป็นการทานที่มีผล ยิ่งใครสามารถ ขาดทุนได้มากเท่าไหร่ พร้อมกับได้ลดละกิเลส ไม่ยึดเป็นของเรา ก็ได้กุศลที่เป็นโลกียะและ โลกุตระไปพร้อมๆกัน..." แม้เศรษฐกิจโลก จะทรุดลงสักปานใด แต่หากระทบ กระเทือนต่อเศรษฐกิจ ในตลาดอาริยะ

มิติใหม่ที่ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ในตลาดอาริยะก็คือ นิทรรศการมีชีวิต เป็นการจัด แสดงวงจรกสิกรรมไร้สารพิษ ที่ผู้ชมได้สัมผัสกับของจริง มิใช่เพียงแค่เอกสารตัวหนังสือ ติดให้อ่านบนกระดานเท่านั้น แต่มีแปลงผักของจริง เขียวสดชื่น พืชผักกำลังเจริญเติบโต ด้วยกรรมวิธี ตั้งแต่เตรียมดิน ผสมปุ๋ย ทำจุลินทรีย์ จนผักเกิดขึ้นในแปลง โดยมี อ.อุดม ศรีเชียงสา ผู้ที่มิเพียงมีองค์ความรู้ในเรื่อง กสิกรรมไร้สารพิษครบวงจรเท่านั้น แต่เป็นผู้ที่ ประสบความสำเร็จ จากการทำกสิกรรมไร้สารพิษ ที่เลืองลือมาแล้ว ในหมู่ชาวอโศก คอยให้คำอธิบาย คำแนะนำ แก่ประชาชน ที่สนใจเข้ามาชม จนสามารถ นำกลับไปทำได้

นิทรรศการเพาะถั่วงอกจากกระถางดิน ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจ มีโรงเพาะถั่วงอกจัด แสดงให้ชม ตั้งแต่ เป็นเมล็ดถั่วเขียว จนสำเร็จเป็นถั่วงอกที่อวบอ้วน หวานกรอบ ชวนรับประทานยิ่งนัก โดยทีมงานเพาะถั่วงอก บ้านราชฯ ที่เชี่ยวชาญ ชำนาญการเพาะถั่วงอก เลี้ยงคนในงานอบรม มาตลอดทั้งปี คอยให้คำอธิบาย พร้อมมีกระถางดิน จำหน่าย ให้กลับไปเพาะเองที่บ้าน ในราคาบุญนิยมอีกด้วย

นิทรรศการสุดท้ายคือ การต่อสู้เพื่อความเป็นไท บนเส้นทางไร้สารพิษ จากเครือข่าย กสิกรรมไร้สารพิษบ้านม่วง อ.เดชอุดม จ.อุบลฯ ได้นำเครื่องจักรอันทันสมัย ผลิตปุ๋ยชีวภาพกู้ดินฟ้า ที่ผลิตโดยคนไทย สาธิตการทำปุ๋ย ตั้งแต่ผสมอัตราส่วน จนบดสำเร็จเป็นปุ๋ย พร้อมมีจำหน่ายให้แก่ประชาชนที่สนใจใน ก.ก. ละเพียง ๑ บาทเท่านั้น ทั้ง ๓ นิทรรศการ ต่างก็ได้รับความสนใจ จากประชนชน เข้ามาหาความรู้มากมาย

ในตลาดอาหาร เปิดขายตั้งแต่ ๖ โมงเช้าถึง ๕ โมงเย็น ได้ขยายบริเวณเพิ่มขึ้น มีร้านขายอาหารเพิ่มขึ้น เรียกว่า เป็นมหกรรมอาหารมังสวิรัติ ราคาถูกที่สุด มีอาหารนานาชนิด จำหน่ายในราคาเพียงจานละ ๑ บาท และที่เป็นความก้าวหน้า ของตลาดอาหาร ก็คือ มีสโตร์กลาง บริการวัตถุดิบต่างๆ ในการปรุงอาหาร แก่ร้านอาหาร ในตลาดอาหารได้ฟรี (ยกเว้นภาชนะต้องจัดเตรียมมาเอง) เช่นเดียวกับตลาดสินค้า คือ ใครมีทุนทรัพย์ แต่ไม่มีแรง หรือไม่มีทุนแต่มีแรง ก็มาร่วมเปิดขายได้ โดยทีมงานมวช. และผู้ประสานงาน คอยอำนวยความสะดวก ในการนำวัตถุดิบ ไปส่งถึงร้าน ตั้งแต่แก๊สหุงต้ม - พืชผักไร้สารพิษ ในการปรุงอาหาร

สมเป็นตลาดอาหารอาริยะจริงๆ นอกจากจะได้กินอาหารอร่อย-ปลอดภัย-ราคาถูกใจแล้ว ยังได้ฟังดนตรีไพเราะๆ มีสาระ จากเวทีชาวบ้าน จากกลุ่ม -ชุมชน และญาติธรรม หมุนเวียน ขึ้นมาแสดงทั้งร้อง-รำ ตั้งแต่เวลา ๘ โมงเช้าถึง ๕ โมงเย็น มีฟางปูทั่วบริเวณงาน ให้นั่งรับประทานอาหาร อย่างเรียบง่าย

ธรรมรับอรุณ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เพื่อชาวบุญนิยม พ่อท่านได้อธิบาย ลึกซึ้งชัดเจนถึง เทวนิยม และอเทวนิยม เจาะลึกถึงรายละเอียด ของธรรมะ ในการปฏิบัติธรรม ขั้นโลกุตระ และความต่าง ในโลกียะ อย่างแจ่มชัด แฟนเท็ป ๕ ดาวไม่ควรพลาด เพราะสามารถนำไป ตรวจสอบตัวเองว่า ยังมีความเป็นเทวนิยม และอเทวนิยม หลงเหลืออยู่ มากเท่าใด

รายการภาคค่ำบนเวทีธรรมชาติ ปีนี้สามารถควบคุมเวลาได้ดี ทำให้ไม่ต้องนอนดึก ญาติธรรมจากทักษิณอโศก ได้สัญญาอะไรไว้ ก็อย่ากลับคืนคำ เมื่อเธอย้ำสัญญาเสียล่ะ

รายการก่อนฉัน ๓๐ ธ.ค.๔๔ นายไชยสิทธิ์ โหตระกิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้เดินทางมาเป็นประธาน และกล่าวเปิดงาน

หลังจากนั้นรับของที่ระลึกจากพ่อท่าน และได้เดินไปชมบริเวณงานตลาดอาริยะ ได้แวะไปที่โรงปุ๋ยชีวภาพกู้ดินฟ้า และได้พูดคุยกับ ชาวบ้านที่เคยใช้ปุ๋ยชีวภาพนี้ ถามถึงต้นทุน ปรากฏว่า สามารถลดต้นทุนการผลิต ไปครึ่งหนึ่ง แต่กลับได้ผลผลิตเป็น ๓ เท่าของปุ๋ยเคมี ซึ่งผู้ว่าฯ พอใจมาก และกล่าวว่า "ทำไมคนไทยโง่มานาน กับการใช้ปุ๋ยเคมี ทำไมไม่หันมาใช้ปุ๋ยชีวภาพแบบนี้"

๓๑ ธ.ค. ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ คอลัมนิสต์ชื่อดัง มาพูดเรื่อง "แลไปข้างหน้ากับ อนาคตของโลก" ให้ชาวเราได้โลกวิทู ถึงเศรษฐกิจของโลก ของประเทศไทย ว่ากำลังย่ำแย่ ทางรอดฝากไว้กับแนวทาง ของชาวบุญนิยมเท่านั้น

๑.ม.ค.๔๕ "สืบทอดวิถีชีวิตด้วยอิทธิบาท ๔ กับผู้มีอายุยาว ๑๐๐ ปี" ดำเนินรายการโดย พ่อท่าน มี น.พ.สมนึก ศิริพานทอง จากร.พ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลฯ ร่วมพูดถึงการมี สุขภาพที่ดี เมื่อรับประทานอาหารที่ดี เพราะ YOU ARE WHAT YOU EAT เราเป็นเหมือน สิ่งที่เรากิน กินอาหารไร้สารพิษ ร่างกายก็จะปลอดภัย กินอาหารมีพิษ ร่างกายก็เต็มไป ด้วยสารพิษ มีโรคมะเร็ง เป็นคำตอบสุดท้าย และ ๕ อ. อาหาร-อากาศ-อารมณ์ที่ดี-ออกกำลังกาย และอิทธิบาท ๔ จะทำให้สุขภาพแข็งแรงมีอายุยืนยาว

๒.ม.ค.วันธรรมชาติอโศก ช่วงทำวัตรเช้าเป็นการสรุปงานปีใหม่ ก่อนฉันเป็นรายการเอื้อ ไออุ่น ลูกๆคุยกับพ่อท่าน ถามในสิ่งที่อยากจะรู้เกี่ยวกับพ่อท่าน เรียบง่ายแต่ก็มีความสุข ความประทับใจ หลังจากนั้น ช่วยกันเก็บหาง จนเรียบร้อย แล้วแยกย้ายกัน กลับไปทำหน้าที่ ของแต่ละคน

ฝากสุดท้ายเป็นของขวัญแด่ชาวบุญนิยม จากพ่อท่านว่า "...กรรมเป็นทรัพย์ เวลาไม่หยุดนิ่ง คนเราควรพัฒนา กรรมดีให้ยิ่งๆขึ้นไป เราควรถือเอาเวลานี้ ทำกุศลโลกุตระและโลกียะ ให้ได้กำไรอาริยะ เราจะเป็นคนมีค่า ที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่น เราก็จะมีแต่สมรรถนะ มีทักษะ เดินทางไปสู่จุดสูงสุด พระพุทธเจ้าพานำไปแล้ว เราควรเจริญรอยตามท่าน ให้ได้ทุกคน ปีใหม่ฝากให้ทุกคน ไปพัฒนาตน อย่าช้า กาลเวลาไม่รอ ห้ามวันเวลาไม่ได้ เพราะเราล้วนเดินทาง ไปสู่ความเจ็บ ความแก่ ความตาย..."

คน เมืองเรือ


เคี่ยวกิเลส เคี่ยวอัตตา เคี่ยวมานะ
เราเคี่ยวเรา เราลดละ เราฝึกฝน
เพื่อกอบกู้ เพื่อมวลหมู่ มนุษยชน
เอาแสดงธรรม ส่องนำตน ให้พ้นภัย

มิตรสหาย สังคมดี มีผัสสะ
ผลิตงาน สานธรรมะ ละตนได้
ผลผลิต เพื่อผองชน คนมากมาย
เพื่อแจกจ่าย เพื่อจุนเจือ เพื่อมวลชน

ชาวอโศก เพื่อมวลหมู่ มนุษยชาติ
อีกประกาศ ในเส้นทาง สร้างมรรคผล
หลายจริต หลายนิสัย ในใจคน
ขวนขวายตน ขวนขวายงาน สานสังคม

งานอโศก คนอโศก ยังเคี่ยวข้น
แบบอย่างคน แบบอย่างงาน สานประสม
สานสัมพันธ์ สานสายใย ให้เกลียวกลม
หมู่อโศก หมู่สังคม อุดมการณ์

เคี่ยวให้ข้น คนอโศก

(สารอโศก อันดับ่ ๒๔๓ ธันวาคม ๒๕๔๔)