>สารอโศก.


ตกอับถึงกับขอทาน
ทรมานนานนับเจ็ดปี
บุญพาพบพระปฏิบัติดี
ช่วยชี้ชีวิตนิพพาน

พระจันทาเถรี
พระจันทาเถรีนั้น ได้สั่งสมกุศลบารมีเอาไว้แล้ว ตั้งแต่สมัยของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ เพื่อเป็นอุปนิสัย แห่งการเข้าถึง พระนิพพาน ในชาติต่อๆไป
แม้จะพบวิบากกรรมเช่นไรก็ตาม ยังคงแสวงหา ความหลุดพ้นทุกข์ จากกิเลสเสมอมา

เมื่อถึงยุคของพระพุทธเจ้าองค์พระสมณโคดม นางได้กำเนิดเป็นธิดา ในตระกูลพราหมณ์ ชื่อ จันทา อาศัยอยู่ ในหมู่บ้านพราหมณ์ ตำบลหนึ่ง นับตั้งแต่นางเกิดมา ครอบครัวก็ตกต่ำ ทรัพย์สมบัติในบ้าน เสื่อมสิ้นลงไปเรื่อยๆ ในที่สุด ก็อยู่ในสภาพ ยากจน เข็ญใจมาก ต้องใช้ชีวิต อยู่อย่างทุกข์ยากลำบาก

ต่อมา เกิดโรคระบาดในหมู่บ้าน มีผู้คนล้มตาย เป็นจำนวนมาก เครือญาติของนางทั้งหมด พากันล้มตายไปสิ้น นางเหลือเพียงตัวคนเดียวตามลำพัง ไร้ที่พักพิงอาศัย ต้องถือชามดิน ขอทานเขากิน เลี้ยงชีวิตอยู่ด้วย อาหารจากทานนั้นเอง

วันหนึ่ง ขณะที่นางเที่ยวเดินขอทานอยู่ ได้พบกับพระปฏาจาราเถรี กับหมู่ภิกษุณี นางบังเกิด ความศรัทธา ในกิริยาอาการ ที่สงบสำรวม จึงได้ติดตามไปจนถึงที่พัก ภิกษุณีทั้งหลาย ได้พูดคุย สนทนากับนางแล้ว รู้สึกเห็นใจ สงสาร ที่ต้องทุกข์ยาก ถูกความลำบากครอบงำ จึงกรุณาให้อาหาร และน้ำแก่นาง ประทังชีวิตสืบไป

นางได้รับทั้งอาหารกาย และอาหารใจ คือธรรมะจากภิกษุณีทั้งหลาย ยิ่งทำให้ชมชื่น เลื่อมใสในข้อประพฤติ ปฏิบัติ และศีลของภิกษุณีเหล่านั้น นางจึงตัดสินใจ เข้าไปหา พระปฏาจาราเถรี ไหว้แล้วนั่ง ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง พระเถรี ได้แสดงธรรมแก่นาง นางฟังธรรมนั้นแล้ว ยิ่งศรัทธาในคำสอน เกิดความสังเวช ในสังขารทั้งหลาย ที่เวียนตาย เวียนเกิด ในสังสารวัฏนี้ จึงเอ่ยปาก ขอบวชกับพระเถรี

หลังจากได้บวชแล้ว ภิกษุณีจันทาได้ประพฤติธรรม อยู่ในโอวาทของพระเถรี อย่างเคร่งครัด บากบั่นในวิปัสสนา (พิจารณาให้รู้แจ้งตามจริง) และภาวนา (ทำให้เกิดมรรคผล) อย่างสม่ำเสมอ ไม่นานนัก ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ องค์หนึ่ง ในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นผู้บำเพ็ญบารมีไว้แล้ว ตั้งแต่ในอดีต

เมื่อบรรลุธรรมแล้ว พระจันทาเถรีได้กล่าวอุทาน เป็นคาถาธรรมออกมาว่า
 "แต่ก่อนเราเป็นคนยากจน เป็นหญิงหม้าย ไม่มีบุตร ไม่มีญาติมิตรใดๆเลย อดอยาก ขาด แคลนอาหาร และผ้านุ่งห่ม ต้องถือชามดินสกปรก และไม้เท้า เที่ยวขออาหารเขากินทั่วไป ถูกความหิว ความหนาว ความร้อน เบียดเบียน ให้ทรมานอยู่ตลอดถึง ๗ ปี
ภายหลัง เมื่อเราได้พบกับ พระปฏาจาราภิกษุณี มีข้าวและน้ำบำรุงรักษา ร่างกายเป็นปกติ ท่านช่วยเหลือ ให้เราได้บวช เป็นภิกษุณี ท่านกล่าวธรรมสอนเรา แนะนำให้กระทำ ในข้อประพฤติปฏิบัติ อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เราทำตามคำสอนนั้น โอวาทของท่าน ไม่เป็นโมฆะ (สูญเปล่า) เพราะเราได้บรรลุวิชชา ๓ (๑.บุพเพนิวาสานุสติญาณ = รู้ระลึกชาติได้ ๒.จุตูปปาตญาณ = รู้การเกิดการดับของสัตว์โลก ๓.อาสวักขยญาณ = รู้ความสิ้นไปของกิเลส) เป็นผู้ไม่มีอาสวะ (กิเลส) ทั้งปวงได้แล้ว"

ณวมพุทธ
อังคารที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๕
(พระไตรปิฎก เล่ม ๒๖ ข้อ ๔๕๐ อรรถกถาแปลเล่ม ๕๔ หน้า ๒๐๒)

(สารอโศก อันดับ ๒๔๓ ธันวาคม ๒๕๔๔)