คนบางคนหรือคนบางกลุ่มแสดงออกทางกาย
วาจาดี เช่น การนอบน้อมถ่อมตน เข้าวัดบ่อยๆ ทำบุญทำทานบ่อยๆ
ตักบาตรทุกวัน หรือสวดมนต์ไหว้พระได้เก่ง ดูดี การแสดงออกอย่างนี้ ทำให้ผู้ใหญ่ได้สัมผัส
หรือใกล้ชิด ปลงใจว่าเป็นนักบุญ แต่โดยธาตุแท้แล้ว
ใจคอสกปรก รก กว่าป่าเขาใหญ่ มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ ที่ควรได้ เช่น ทำให้ผู้อื่นเชื่อถือ
ไว้วางใจ ถ้า เห็นทางจะได้ เป็นรวบทันที ข้าพเจ้าจึงขอตั้งชื่อพวกนี้ว่า
"นักบุญใจบาป"
ข้าพเจ้าขอนำเรื่องที่ได้สัมผัสด้วยตนเอง
มาประกาศให้ท่านผู้อ่านได้ระวังคน ประเภทนี้ไว้ ซึ่งไม่เสียหายอะไร กลับจะเป็นประโยชน์
แก่ท่านเสียอีก
เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๑๓ ข้าพเจ้าได้ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ
เฉลิมศรีฯ เป็นชาววารินชำราบ อุบลราชธานี มาเป็นภรรยา ได้มาอย่าง ตกลงปลงใจกันเอง
ไม่มีผู้เฒ่าผู้แก่หรือผู้หลักผู้ใหญ่มาเป็น พยานบุคคล โดยอยู่กินด้วยกัน
อย่างล้มลุก คลุกคลาน จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของชีวิต
ปิดฉากการแสดงละคร บนโลกอันตระการนี้ไป
ในขณะที่เป็นสามีภรรยาอยู่นั้น
ต่างเก็บหอมรอมริบทรัพย์สินเงินทอง จนสามารถซื้อที่ดิน ริมถนนสายใหม่เดชอุดม
ตรงข้ามกับหลักกิโลเมตรที่ ๒ และปลูกสร้างบ้านอยู่อาศัยได้ สำเร็จ แต่ในปีพ.ศ.
๒๕๔๐ ข้าพเจ้าจำเป็น ต้องกลับไปอยู่ที่สกลนคร เพื่อดูแลหลาน ที่กำพร้าพ่อ
ซึ่งอยู่ในวัยเรียน แต่ยังติดต่อไปมาหาสู่กัน กับภรรยาเป็นประจำ ครั้งสุดท้ายปี
พ.ศ. ๒๕๔๔ นี้ เธอได้ถูกโรคภัยไข้เจ็บ คุกคามอย่างแรง โรคเบาหวาน โรคหัวใจกำเริบ
เธอเกิดความไม่มั่นใจในชีวิต
จึงปรึกษากับข้าพเจ้าว่า อยากขายบ้าน ที่ดินที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน
เพื่อนำเงินบางส่วน
ไปทำบุญ ทำทาน บางส่วนนำไปใช้หนี้ บางส่วนเก็บไว้ใช้จายส่วนตัว เพราะไม่มีบุตร
ประการสำคัญ เมื่อตายจากกันไป ไม่เป็นปัญหา เรื่องทรัพย์สิน
ข้าพเจ้าจึงเห็นดีด้วย จึงตัดสินใจขาย ให้คนข้างบ้าน ในราคา ๗๐๐,๐๐๐ บาท
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ พวกนักบุญใจบาปทั้งหลาย
ที่อ้างตัวว่า เป็นญาติพี่น้อง ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง ความจริง การเป็นพี่เป็นน้องก็มีอยู่
ภรรยาของข้าพเจ้า มีพี่น้องเพียง ๒ คน ผู้พี่เสียชีวิต ไปนานแล้ว เธอจึงกำพร้าพ่อแม่
ตั้งแต่เล็ก พวกนักบุญใจบาป รับเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กๆ เลี้ยงดูแบบสับโขก
ทนได้ก็ทนไป แต่เธอก็รอดมาได้ เมื่อเติบโตขึ้นมา กลายเป็นคนก๋ากั๋นแข็งแกร่ง
ข้าพเจ้ารู้จากบุคคลที่ร่วมใบบุญ
และจากบุคคลเหล่านี้เล่าให้ฟัง คืออยู่ในสภาพเป็นเจ้าบุญ
นายคุณอย่างมาก หลายคนที่ตกอยู่ในสภาพนี้ นับเป็นกรรมของภรรยาของข้าพเจ้า
เพราะกรรมตามมาเบียดเบียน ตั้งแต่รู้ความ จนสิ้นชีวิต ที่เป็นเช่นนี้ ต้องถือว่า
เป็นกรรมเก่า เพราะชาติก่อน ได้สับโขกนักบุญใจบาปเหล่านี้แน่นอน
เขาเหล่านั้น จึงตามมาแก้แค้น ตามกฎแห่งกรรม
กิจกรรมที่พวกนักบุญใจบาปกระทำ
คือ พาภรรยาของข้าพเจ้า ไปโอนที่ดินให้ผู้ซื้อ รับชำระเงินจากผู้ซื้อ โดยพวกนักบุญใจบาปพวกนี้
พากันปิดบัง ไม่ได้บอกให้ข้าพเจ้าทราบ เนื่องจากอาการป่วยกำเริบ และนักบุญใจบาปพวกนี้
ได้ทำปู้ยี่ปู้ยำ ภรรยาของข้าพจ้า อย่างไร้คุณธรรม ทำให้ภรรยา ของข้าพเจ้าทรุดหนัก
พูดไม่ได้ ลุกไม่ได้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พวกนักบุญใจบาป จึงทำอะไร
ได้ตามอำเภอใจ กรรมเวรแบบนี้ คงจะตามล้าง ตามชดใช้ กันไปอีกหลายชาติ ปล่อยให้เขาชดใช้กันเอง
เข้าตำราที่โบราณกล่าวไว้ว่า เมื่ออ้อย หลุดเข้าปากช้างไปแล้ว จะดึงเอาอ้อยออกมา
พร้อมทั้งใช้เท้ายัน ก็ไม่หลุดออกมา
ข้าพเจ้าอยู่จังหวัดสกลนคร
นึกสังหรณ์ใจ จึงโทรศัพท์ไปถาม พอดีคนเฝ้าไข้รับสาย และเล่าให้ฟัง ข้าพเจ้าตกใจมาก
รีบไปดู ปรากฏภาพ น่าสมเพทเวทนา คือ เธอพูดไม่ได้
ลุกไม่ได้ เงินขายบ้าน ตกอยู่ในกระเป๋า ของพวกนักบุญใจบาป จะขอคืนก็ไม่ได้
เพราะอ้อยตกอยู่ในปากช้างเสียแล้ว ส่วนภรรยา อยู่ในสภาพ ที่ช่วยตัวเองไม่ได้
ข้าพเจ้าอยู่ดูแลเพียง ๕ วัน ก็กลับสกลนคร ด้วยอาการหดหู่ ไปปรึกษาทนายความ
ซึ่งได้ยื่นโนติสไป ให้คืนเงินบางส่วน ก็ไม่ได้ผล
ต่อมาวันที่ ๑๑ พฤษภาคม
๒๕๔๔ นี้เอง ภรรยาผมสิ้นใจ เข้าใจตามหลักธรรม หลักกรรมเวร พวกนี้กรรม ต้องตามสนอง
สมบัติที่เก็บไว้หลายตู้ พวกนักบุญใจบาป เอาไปแจกกัน อย่างเอิกเกริก ซ้ำร้ายกว่านั้น
บางคนอ้างว่า เป็นญาติ ทำทีไปเยี่ยมคนป่วย เดินจากหน้าบ้าน ไปถึงหลังบ้าน
ตาสอดส่ายหาสิ่งของ ไม่ว่าอะไรที่วางไว้ ทั้งสบู่ ยาสีฟัน แม้กระทั่ง ไม้จิ้มฟัน
นำลงกระเป๋า พฤติกรรมของนักบุญใจบาป เป็นเช่นนี้เอง
ข้าพเจ้าขอเสนอเรื่องนี้
ส่งมาเพื่อให้คนทั้งหลายทราบ พวกนักบุญใจบาปแบบนี้ มีอยู่จำนวนมาก โปรดช่วยกัน
ระมัดระวัง อย่าปล่อยให้คนชั่วๆแบบนี้ ลอยนวลต่อไป ส่วนข้าพเจ้า ก็คอยจังหวะนำเรื่องนี้
ขึ้นสู่ศาลต่อไป
ขอขอบคุณ
คุณกิตติธรรม ชาญเนติศาสตร์ ที่นำเรื่องจริงในชีวิต เล่าผ่านคอลัมน์นี้
หากท่านผู้ใด มีประสบการณ์จริง จากชีวิต สามารถส่งมา ยังคอลัมน์นี้
หากท่านใดมีประสบการณ์จริงจากชีวิต
สามารถส่งมายังคอลัมน์นี้ หรือส่งมาทาง e-mail ข้างล่างได้
ป.ปรีดา
[email protected]
(สารอโศก
อันดับ ๒๔๓ ธันวาคม ๒๕๔๔)