หอมดอกพุทธา
"เมื่อตากแดดก็ซานซม
พอเข้าร่มก็สมสุข"
วจนะข้างต้นนี้ ชี้ให้เห็นสัจจะที่ว่า
ท่วงทำนองของชีวิตมีทุกข์บ้าง สุขบ้าง สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป
บางช่วงของชีวิตคนเรา
ต้องทุกข์ระทมขมขื่น เหมือนยืนตากแดดยามเที่ยง ร้อนผ่าวหยาด เหงื่อโทรมกาย
คล้ายสายน้ำตาหลั่งริน ยามผิดหวัง ต่อเมื่อได้เข้าร่ม สุขเย็นสบายกาย
เฉกมรสุมชีวิตได้พ้นผ่าน ความทุกข์มลาย กลายเป็นสุขเข้าแทนที่
เราจะพบความสุขได้ เมื่ออดทนให้ทุกข์พ้นผ่านไปเสียก่อน...
เรามักที่จะหนี ไม่กล้าสู้กับความจริง
เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ ทว่าใต้แผ่นฟ้านี้ ใครเล่าหนี สัจจะพ้น บางคน
อาจดวดสุรา เพื่อให้ลืมเรื่องร้ายๆ แต่เหล้าช่วยให้คนเมาได้เท่านั้น มันเปลี่ยนชะตาคนไม่ได้
ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น นอกจากเสียเงินไปเปล่าๆปลี้ๆ และเสียสติชั่วคราว
พอสร่างเมาก็เหมือนเดิม ทุกข์มากกว่าเก่า เข้าไปอีก
บางรายเลือกหนีปัญหาด้วยบาปหนัก
คือฆ่าตัวตาย มิใช่ทางออกที่ถูกต้อง และออกจะ ผิดมหันต์ พระพุทธเจ้า
ตรัสไว้ว่า ...คนที่ฆ่าตัวตาย ยังต้องกลับมาเกิด
แล้วฆ่าตัวตายอีก ๕๐๐ ชาติ ด้วยผลแห่งวิบากกกรรมชั่วโมหะนั้น
ความทุกข์มิได้เป็นอมตะ
มันมีเกิดและมีตาย ขอเพียงเราอดทนอีกสักนิด แล้วสุข จะปรากฏตามมา
เราจะพบความสุขได้ เมื่อทำใจให้เบาสบาย
แม้กายจะหนักหนาสากรรจ์
เมื่อกายเราร้อนผ่าวด้วยเปลวแดดแผดเผา
ทุกข์ทางกายได้เกิดขึ้นแล้ว หากเราไม่เอาจิต เข้าไปจดจ่อ ปล่อยใจ เบาสบาย
เหมือนสายลมพริ้ว ความสุขเย็น จะซาบซ่านทรวงใน
ชีวิตคนเราคล้ายอย่างนั้น มีทุกข์ทางกายเข้ากรายกล้ำบั่นทอนสังขาร
อาจเจ็บไข้ ได้ป่วยนอนซม หรือเผชิญโรคร้าย ที่ไร้ทางเยียวยา รอรับโอบกอด
จากความตายเท่านั้น บ้างสูญเสียอวัยวะ จากอุบัติเหตุ และสารพัด ที่วิบากกรรม
มาตัดรอนชีวิต
คนป่วยเรื้อรัง อาจเพราะใจป่วยด้วยเสียมากกว่า
หากทำจิตให้เข้มแข็ง มีชีวิตชีวา เป็นเสมือนโอสถชั้นเลิศ รับรอง หายป่วยเร็วไว
เมื่อสุขภาพจิตเราบริบูรณ์ สุขภาพกาย ก็แข็งแรงตามมา
ทำใจให้สงบเย็นดุจหยาดน้ำค้าง
ที่เกาะบนยอดหญ้าในยามเช้าอันหนาวเหน็บ และเงียบ สงัด ต่อให้ชีวิต เผชิญโรคร้าย
ไร้ทางเบียวยา เรายังยืดวันสิ้นใจ ออกไปอีกหลายปี แม้ต้องตาย ก็จากโลกนี้ไป
ด้วยดวงใจสงบเย็น เป็นสุคติมรณา
หากเราต้องสูญเสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต
ให้บอกกับใจ...สิ่งที่เสียแล้ว ก็ให้แล้วกันไป ควรดีใจ ที่รักษาชีวิตไว้ได้
ความสมบูรณ์ในอดีต มิใช่สิ่งที่เราพึงใฝ่หา ทำใจยอมรับสภาพในปัจจุบัน จะสุขสันต์เสียมากกว่า
เราจะพบความสุขได้
หากรู้จักคิดและปรับจิตให้เหนือกาย ปรับใจให้อยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง
ไม่ฝันหวาน เกินตัวไปในอนาคต ไม่จมฝังอยู่กับอดีต ยินดีกับปัจจุบันที่ดำรงอยู่
เท่านี้ชีวิตก็สุข ล้นพ้นพรรณนาแล้ว
(สารอโศก
อันดับ ๒๔๓ ธันวาคม ๒๕๔๔)