หน้าแรก >สารอโศก


นามสมพร สมภพ ประสบโชค
ปรับชีวิต กินอยู่ ไม่ตามใจ

วันเวลา ผ่านไป ได้เห็นผล
เห็นประโยชน์ ธรรมะ พารอดตัว

ปีสองห้า สี่สี่ เริ่มเข้าวัด
ร่างกายนี้ ที่เหลือ เพื่อเป็นทาน

โยมอยู่วัด รับผิดชอบ กิจน้อยใหญ่
มีระเบียบ รักสะอาด ในฐานงาน

นาม "ต้นยอม" พ่อให้ โยมได้คิด
เป็นปู่เส็ง ของเด็ก ตลอดไป

จากไปแล้ว ใช่ไปลับ กับสังขาร
นามปู่เส็ง นามนี้ ผู้ใจบุญ

พบธรรมะ แนวอโศก ชีพสดใส
ใช้ธรรมะ เป็นใหญ่ นำครอบครัว

โยมสมพร เปี่ยมล้น ความยิ้มหัว ด้วยครอบครัว ลูกเต้า เขายินดี

มุ่งปฏิบัติ มรรคแปด ตามวิถี
ยึดคำสอน พ่อท่าน พร้อมยอมพลี

ด้วยน้ำใจ โอบเอื้อ มิตรสมาน
ใครได้เห็น เบิกบาน สราญใจ

โยมสมพร เส็งพาณิชย์ จงสดใส
เป็นโคมไฟ ฉายแวว นึกถึงคุณ

ความดีโยม สิยืนนาน มีเกื้อหนุน
จะสถิต เทิดทูน ในดวงใจ

โยมสมพร เส็งพานิชย์ รู้จักและศรัทธาธรรมแนวพ่อท่าน ไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปี ชีวิตหลังพบธรรมะ มีการเปลี่ยนแปลง ไปในทางที่ดีขึ้น ฐานะการเงินเริ่มเป็นกอบเป็นกำ ครอบครัว ก็พลอยได้รับอานิสงส์เช่นกัน

ชีวิตของโยมสมพร ระยหลัง เริ่มมาช่วยงานที่ชุมชนศาลีอโศกมากขึ้น หลังจากลาออกจากราชการ เหตุผลหนึ่ง ที่โยมเคยคุยกันก็คือ "ชีวิตผมเป็นหนี้พ่อท่านโพธิรักษ์ หากไม่มีพ่อท่าน สมณะ หมู่กลุ่มชาวอโศก ชีวิตผมคง ไม่มีวันนี้ ชีวิตที่เหลืออยู่ ผมขอมอบให้งานศาสนา..."

"จุดเด่นของโยมสมพร ที่ประทับใจของอาตมาคือ รักสะอาด เป็นระเบียบ ไม่ดูดาย การมาช่วยงาน ของโยมสมพร ที่ศาลีอโศก สร้างความอบอุ่น แก่นักเรียนสัมมาสิกขา ได้เป็นอย่างดี จนเด็กๆ มักเรียกโยมสมพรว่า "ปู่เส็ง"

ลักษณะเป็นคนมีปฏิสัณถานก่อน จึงทำให้เด็กๆ และแขกที่มาใหม่ประทับใจ งานชิ้นสุดท้ายที่ โยมสมพร หมายมั่นจะช่วยพัฒนา ชุมชนศาลีอโศกคือ งานฐานขยะ แต่งานนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น โยมสมพร ก็มีอันจากไป ก่อนกาลอันควร

โยมสมพรกับศรัทธาที่มีกับพ่อท่าน อีกมุมหนึ่ง ได้เล่าถึงชื่อใหม่ ที่เข้าไปขอกับพ่อท่านว่า พอพ่อท่านเสร็จธุระ ผมเข้าไปหาท่าน บอกท่านว่า ผมอยากให้พ่อท่านตั้งชื่อให้ครับ พ่อท่านมองหน้าผม แล้วพูดว่า "หน้าตาแบบนี้ ดูท่าทางไม่ค่อยยอมคน เอาชื่อนี้ไปก็แล้วกัน" 'ต้นยอม'..."

โยมสมพรพูดกับอาตมาว่า "พ่อท่านนี่เก่งนะ มองหน้าก็รู้ใจผม ท่านอ่านผมออก จริงๆแล้ว ผมไม่ค่อยยอมใครง่ายๆ เหมือนกัน "ต้นยอม" จึงเป็นชื่อ ที่ผมจะขอน้อมรับ เอาไปเป็นกรรมฐาน ในการฝึกฝนตนต่อไป"

สมณะเพื่อพุทธ ชินธโร



ณ ศาลาขย้ำขยะ ข้างหม่องเฮ็ดปุ๋ย ตรงข้ามตลาดอาริยะ บ้านราชธานีอโศก
เช้าวันที่ ๑๔ ธ.ค.๔๔ ข้าพเจ้าทำงานปกติ กระทั่งมาถึงศาลาขย้ำขยะ ซึ่งจุดนี้ลุงสมพร เป็นผู้ชำนาญ การจัดการ ดูแลอยู่ ทีมช่างไฟฟ้าก็มาเดินสายไฟ ดึงสายเมน เพื่อที่จะจ่าย เข้าไปในศาลาขย้ำขยะ โดยมีนักเรียน สัมมาสิกขาปฐมอโศกสองคนขึ้นเสาไฟฟ้าคนละต้น ต้นที่อยู่ หน้าศาลาขย้ำขยะ นักเรียนชื่อมานะเป็นคนขึ้น ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญ และทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้ามานาน เพราะลุงเคยทำงานอยู่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ลุงเลยขึ้นเสาตามเด็ก และบอกว่า

"มาไอ้หนู ปู่จะสอนให้" ลุงอยากจะถ่ายทอดประสบการณ์ที่มีอยู่มากนี้ ให้ลูกให้หลาน ขึ้นไปเสร็จ สอนการยืน การทำงาน อย่างทะมัดทะแมง สักครู่เสาก็เอน และล้มลงอย่างรวดเร็ว ข้าพเจ้าตกใจมาก ทำอะไรไม่ทันเลย มันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก พูดได้เพียงว่า "ระวังครับ ระวัง" เสาก็ถึงพื้นซะแล้ว ข้าพเจ้าเชื่อว่า ลำพังลุง คงเอาตัวรอดได้ แต่ด้วยความเป็นห่วงลูกหลาน ก็เลยพยายาม ทุกอย่าง เพื่อที่จะให้เด็กปลอดภัย โดยไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเองเลย เป็นจิตเมตตาเพื่อผู้อื่น โดยแท้ นึกทีไร ก็ตื้นตัน ประทับใจลุงทุกที ทันทีที่เสาถึงพื้น ข้าพเจ้าก็เข้าถึงเสาเหมือนกัน ช่วยกันกับเด็กอีก ๓ -๔ คน ยกเสาออก จากร่างลุงและเด็ก (มานะ) มานะยังพูดได้อยู่ ร้องโอยๆ แล้วก็เงียบไป ท่านอนุสรณ์ ก็ประกาศเรียกรถ และพยาบาลมาที่เกิดเหตุ ส่วนข้าพเจ้า ก็เป่าปากให้อากาศ แก่ลุง ประมาณ ๕ นาที ทั้งรถกระบะ และพยาบาลก็มาถึง ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ขึ้นรถส่งรพ. ค่ายสรรพสิทธิ์ประสงค์ ซึ่งอยู่ห่างกันไม่ถึง ๕ กม. หลังส่งร.พ. ประมาณ ๑ ชม. ก็ทราบว่าลุงไม่รอดแล้ว ส่วนเด็กปลอดภัย ยินดีที่เด็กปลอดภัย แต่ก็เสียใจ อย่างสุดบรรยาย งุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันรวดเร็วแบบตั้งตัว ไม่ติดเลย ด้วยจิตที่เคารพรักอย่างสูง

ทีมช่างไฟฟ้า บ้านราชฯ



เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๒๘ ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรู้จักกับลุงสมพร ในฐานะญาติธรรมกลุ่ม พิษณุโลก ลุงสมพร เป็นคนใจดีมาก มีหลายๆครั้งที่ลุงมาพูดคุยเรื่องราวสนุกต่างๆให้ฟัง หาขนมอร่อยๆ ให้กิน จูงมือข้าพเจ้าไปในที่ต่างๆ ข้าพเจ้าเป็นเด็กที่ลุงอยากให้บวช เมื่อเจอทุกครั้งลุงก็พูดเรื่องอยากให้ข้าพเจ้าได้บวช มาถึงวันนี้ ข้าพเจ้าบวช เป็นสมณะชาวอโศกแล้ว ได้เจอลุงสมพร ลุงเข้ามากราบข้าพเจ้า ด้วยใบหน้าแสดงความยินดี ลุงพูดว่า "ผมรอวันนี้มา ๑๐ กว่าปีแล้วครับ"

ข้าพเจ้ามาช่วยงานที่พุทธสถานราชธานีอโศก ได้มีโอกาสเจอลุงที่นี่เช่นกัน เราทั้งสองทำ งานคนละหน้าที่ เราคุยกันทุกวัน ลุงสมพรยังเหมือนเดิม ยังคงรักษาความเป็นคนอารมณ์ดี พูดคุยแต่สิ่งที่ดีสนุกสนาน จนเป็นที่รัก ของเด็กนักเรียน สัมมาสิกขาราชธานีอโศก

วันที่ ๑๔ ธ.ค. ๒๕๔๔ ลุงประสบอุบัติเหตุ ข้าพเจ้าพาลุงไปส่งร.พ. ลุงเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ร่างที่ไร้วิญญาณ ของลุง ถูกนำส่งจาก จ.อุบลฯ ไปยังพิษณุโลก ข้าพเจ้าได้ร่วมเดินทางไปด้วย ยังระลึกถึงคุณงามความดี ที่ลุงสร้างเอาไว้ มีมากมาย และรอยยิ้มแห่งความเบิกบาน

ลุงสมพรจากไปในคราวนี้
ลุงได้ทิ้งความดีไว้มากหลาย
ลุงยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งใจกาย
ลุงไม่หายไปไหนจากใจเรา

สมณะถักบุญ อาจิตปุญโญ
๑๖ ธ.ค.๒๕๔๔



เมื่อโยมสมพรได้เสียชีวิตที่ร.พ.แล้ว สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือ หาหลักฐานสำคัญไม่เจอ คือบัตรประชาชน ซึ่งก็พอเดาๆ กันได้ว่า น่าจะอยู่ในกระเป๋าสตางค์ แต่ กระเป๋าสตางค์ก็ไม่มีใครพบเห็นอีกต่างหาก ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า หรือมีมือร้ายมาคว้า เอาไปแล้ว?

หลังจากให้ตรวจสอบอย่างละเอียดกันอีกครั้ง ทั้งที่ทำงาน (โรงขยะ) ทั้งที่นอน ทั้งใน รถ ก็ยังไม่พบ จนเกือบจะสรุปจบได้แล้วว่า กระเป๋าสตางค์หายแน่ๆ แต่สุดท้ายได้ นายตำรวจเก่า (พ.ต.ท. สะอาด สุขจิตต์) ไปเจอ อยู่ในถุงใส่ภาชนะทานอาหาร แล้วมีขัน มีถ้วยครอบเอาไว้อีกหลายชั้น อยู่หลังเบาะที่นั่งหลังคนขับ ซึ่งเป็นการเก็บ เอาไว้อย่างดี ชนิดที่ไม่มีใคร จะคิดถึงได้ง่ายๆ

จากการช่วยกันค้นหา สมบัติของโยมสมพร ในครั้งนี้ ได้เห็นวิถีชีวิต ที่ละเอียดลออ และระเบียบเรียบร้อย ของโยมสมพรอย่างมาก ทั้งข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า มุ้ง ผ้าห่ม ถูกเก็บพับไว้อย่างมีระเบียบ เป็นสัดเป็นส่วน ที่สำคัญ มีอุปกรณ์ทุกอย่าง เพื่อให้สามารถพึ่งตนเอง โดยไม่ไปสร้าง ความเดือดร้อนให้ใครๆ แถมยังมีเครื่องมือทางช่าง หลายๆอย่าง ที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้อีกด้วย จึงเป็นชีวิตที่พึ่งตน จนเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้

ปัญหาขยะล้นโลกอยู่เป็นนิจ บัดนี้กูคิดทำอะไรอยู่? โยมสมพรได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เปลี่ยนโลกเน่าเหม็น เต็มไปด้วยขยะ ให้เป็นโลกที่สวยงาม และเปลี่ยนของที่มีปัญหา ให้เป็นของที่มีราคาขึ้นมา โดยเริ่มต้น จากจุดเล็กๆ ที่ตัวเองก่อน แล้วค่อยขยาย ไปหาคนใกล้ๆตัว แล้วจึงได้เข้ามาช่วยในส่วนรวม ซึ่งโยมสมพร ได้เข้ามา จัดระบบขยะ ในวัด ๓ พุทธสถานด้วยกัน ทั้งศาลีอโศก ปฐมอโศก และราชธานีอโศก เป็นพุทธสถานสุดท้าย ทำให้ของรกๆ เลอะๆ กลายเป็นของน่าดูน่าชม และ ขยะทั้งหลาย กลายเป็นของมีค่า มีราคาขึ้นมาทันที

น่าเสียดาย ที่อุปัติฆาตกรรม (กรรมตัดรอน) มาตัดหน้าไปเสียก่อน คงทิ้งเอาไว้แต่ วีรกรรมที่เป็นความเสียสละ เป็นคนจริง และเป็นผู้มากด้วยศรัทธาในพระศาสนา ทำ ให้มีไฟในการสร้างสรร ทำงานอยู่ตลอดเวลา วีกรรมของโยมสมพร คงจะเป็นอนุสรณ์ ให้ลูกหลานคนรุ่นหลัง ได้สืบทอดปณิธาน เพื่อสืบสานโลกนี้ ให้สวยงามกันต่อไป

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ไหนๆก็จะตายทั้งที ทำดีให้คุ้มค่าไว้

สมณะเดินดิน ติกขวีโร

(สารอโศก อันดับ ๒๔๓ ธันวาคม ๒๕๔๔)