หน้าแรก >สารอโศก


ฉบับ มกราคม ๒๕๔๕


สงสาร "คนของแผ่นดิน"
ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ผมต้องกราบขออภัยด้วยที่ไม่ได้ตอบรับ ก็เพราะช่วงนั้นลุยเกี่ยวข้าว ทำนาเยอะมาก ส่วนการปฏิบัติธรรม ก็ไปได้เรื่อยๆครับ ไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าที่ควร เพราะทุ่มเทกับการเก็บเกี่ยว ผลผลิตมากไปหน่อย เลยทำให้ห่างเหิน จากหมู่กลุ่ม แต่ตอนนี้ งานทุกอย่าง ก็ได้สำเร็จแล้ว ก็จะมีเวลา ช่วยผ่อนเบาภาระ ทางหมู่กลุ่ม ได้เต็มที่ (กลุ่มเชียงรายอโศก)

เพิ่งเริ่มทำนาปีแรก ก็พอได้ข้อสรุปดังนี้ ก่อนมาคิดทำนา ผมมีอาชีพขับรถบรรทุก รับจ้างอยู่ทางกรุงเทพฯ พอได้คบคุ้น กับชาวอโศก ทำให้คิดอยาก ทำไร่ทำนา เลิกเป็นลูกจ้าง (เป็นไท) เพราะตั้งแต่โต จำความได้ ชีวิตก็จำเจ อยู่กับการเป็น ลูกจ้างตลอดมา ทั้งๆที่ นาตัวเองก็มี แต่ไม่ยอมทำ เพราะกลัวความจน เพราะไม่เคยเห็น คนทำนา แล้วรวยสักราย ยิ่งทำก็เห็นแต่ เป็นหนี้เป็นสิน ทำนาทุกปี แต่ซื้อข้าวกินทุกปีก็มี แต่พอมาทำจริงๆแล้ว คำแรก ขอบอกว่า เหนื่อยมากครับ แต่ก็เหนื่อยแบบมีความสุข และได้เห็นข้อบกพร่อง ผิดพลาดของชาวนา ปัจจุบัน ดังนี้ครับ

ชาวนาปัจจุบัน ตรงกันข้ามกับ สมัยคุณพ่อคุณแม่ สมัยก่อน เขาทำนากันมา มีการลงแขก ขอแรงกัน แต่เดี๋ยวนี้ ไม่มีอย่างนั้นแล้ว ทุกอย่างเงินคือตัวหลัก คนจ้างต้องไปง้อ คนรับจ้างครับ แทบจะ ให้กราบ ให้ไหว้ ถึงจะได้ คนรับจ้าง ไปเกี่ยวข้าว เสนอราคาค่าจ้าง ก็ไม่มีความยุติธรรม คือ ใครมีเงินก็จ้างแพง ยังไม่พอ ต้องเลี้ยงข้าว เลี้ยงเหล้า บุหรี่ (บางเจ้าเลี้ยงยาบ้า ด้วยครับ)

สำหรับเจ้าไหนที่ไม่รวย เมื่อทำนาเยอะ เก็บเกี่ยวไม่ทัน ก็ต้องจ้างเหมือนคนรวย ทำทุกอย่าง เหมือนกัน เลี้ยงทุกอย่าง เหมือนกัน แต่พอมาดูราคาข้าว แทบเป็นลมครับ ตามที่รู้ๆ กันอยู่ ถึงแม้ว่า จะได้รับการอนุเคราะห์ จากรัฐบาลก็จริง แต่ชาวนาส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้จำนำ หรอกครับ เพราะหนี้เก่า อยู่ที่ธ.ก.ส.นั้น สะสมมาเป็นหลายๆปี ขืนเอาข้าว ไปจำนอง ก็กลัวโดนหักหนี้ จำเป็นต้องขาย ให้นายทุน ถูกแสนถูกอย่างไร ก็ต้องขาย

บางรายไม่คุ้มกับค่าลงทุนเลยครับ นี่ผมยังไม่ได้รวมทุนค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าหญ้า ยาฆ่าปู เมื่อมาทำเอง ถึงรู้ว่า ทำไมชาวนาถึงจน แต่ตัวผมเอง ก็พอมีวิชา ที่ได้ฝึกฝนมา จากอโศกอยู่บ้าง ปัญหาต่างๆ ที่เล่ามา จึงไม่ค่อย จะเกิดกับผม เท่าไหร่ครับ เล่ามาเสียนาน ก็ไม่ทราบว่า อ่านเข้าใจบ้างหรือเปล่า ยิ่งเขียน ยิ่งสงสารชาวนา "คนของแผ่นดิน" ครับ

อุดม อาสาสะนา จ.เชียงราย

-หากชาวนา หันมาทำกสิกรรมแบบไร้สารพิษ จะลดต้นทุนได้มากมาย เพราะไม่ต้องเปลืองเงิน ให้กับยาฆ่าแมลง ยาฆ่าปู ยาฆ่าหญ้า หรือแม้ปุ๋ยเคมี ที่มีพิษต่อดิน สูตรต่างๆทั้งหมด หันมาใช้ ปุ๋ยหมักธรรมชาติทำเอง ต้นทุนถูก หรือ ใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ ก็ได้ผลดีมากเลยทีเดียว เป็นหนทางเดียว ที่ชาวนาจะหลุดพ้น จากการเป็นหนี้ ได้สำเร็จ -บ.ก.


อย่าถลำตกนรกลึกกว่านี้
กระผมรู้จักชาวอโศกมาได้ ๑๐ กว่าปีแล้ว เคยมีโอกาสไป งานปลุกเสกฯ ที่ศรีษะฯ เมื่อ ปีพ.ศ.๒๕๓๑ อยู่ครบ ๗ วัน และเคยไปงานปีใหม่ ที่ปฐมฯ หลายครั้ง ไปงานวัดที่สันติฯ ก็หลายครั้ง เพราะพี่สาว มีบ้านอยู่ในหมู่บ้าน ปฐมอโศก และยังซื้อบ้าน อยู่ข้างวัด สันติอโศก

เมื่อไปงานปลุกเสกฯ ได้ฟังธรรมจากพ่อทาน ฟังไปน้ำตาไหลไป เพราะเกิดปีติอย่างแรง ในใจคิดว่า เราเจอแล้ว พระแท้ๆ ของพุทธ สิ่งที่ไม่เคยได้ยิน ก็ได้ยิน สิ่งที่ไม่นึกว่า จะเห็นก็ได้เห็น และที่ไม่เคยรู้ ก็ได้รู้

คงเป็นเพราะธรรมะ ที่ถูกตรงกับจริตหรืออย่างไรไม่ทราบ ฟังไปน้ำตาไหลไม่ยอมหยุด พยายามกลั้นไว้ ก็ไม่อยู่ อายก็อาย ค่อยๆชำเลือง ซ้าย-ขวา เฮ้อ! โล่งอก เพราะไม่มีใคร สนใจใครเลย คนตั้งพันกว่า ไม่มีใครเลย จะหันซ้ายหันขวา ดูเขาเหล่านั้น ตั้งอกตั้งใจมี สมาธิอยู่กับการฟังธรรม อย่างจดจ่อ ไม่น่าเชื่อเลย ดูเหมือนปีนั้น ญาติธรรม ที่มาลงทะเบียน ประมาณ ๑,๓๓๑ คน มาก-น้อยกว่านี้ คงไม่เท่าไร ไม่แน่ใจนัก ความจำไม่ค่อยดี

โอ! พระแท้ๆ ท่านบันลือสีหนาท เป็นเช่นนี้เอง ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่า ท่านเป็นพระโพธิสัตว์

พอถึงบ้านเกิดไฟแรง (ไฟไหม้ฟาง) เลยตัดผมสั้น ถือศีล ๕ เข้ม (อธิ) กินมังสวิรัติ ๑๐๐% มื้อเดียว ปฏิบัติอยู่ได้แค่ ๕ ปี ไฟก็มอดลง มีสาเหตุ หลายประการด้วยกัน คิดว่าเหตุสำคัญที่สุดคือ "ความประมาท"

เกิดการระหองระแหงกับแม่บ้าน ตอนนี้แยกทางกันแล้ว แต่ไม่ได้โทษเขาหรอก เพราะเรา ไม่แข็งแรงเอง ๑.ไม่เข้าหมู่กลุ่ม ๒.ขาดการฟังธรรม ๓.ประมาท สาเหตุใหญ่ๆ คงมีเท่านี้

ความประมาทแม้เล็กน้อย ก็ไม่ควรประมาท เพราะจะทำให้ ตกร่วงได้จริงๆ เช่น กระผม ตั้งแต่หย่ากับภรรยา เลยไปใหญ่เลย ทั้งเหล้า-บุหรี่ ตกนรกเหมือนเดิม แต่ก็ได้สารอโศก -ดอกหญ้าเป็นเพื่อน คอยดึงรั้ง ไม่ให้ถลำลึก ตกนรกลึกยิ่งกว่านี้

พรรษาปีที่ผ่านมานี้ ได้ตั้งตบะ เลิกอบายมุข ถือศีล ๕ กินมังสวิรัติ ปรากฏว่า อบายมุขผ่าน ๑๐๐% ศีล ๕ ได้ ๘๐ % มังสวิรัติ ๙๕% แต่พอออกพรรษา ก็กลับมาเหมือนเดิม เพราะความอ่อนแอของจิต ขาดสติ แต่สารอโศก -ดอกหญ้า ยังมีประโยชน์ กับผมอย่างสูง อ่านแล้ว ทำให้อยากกลับไป เป็นลูกอโศกเช่นเดิมอีก ขอขอบพระคุณ สมาคม ผู้ปฏิบัติธรรม ที่กรุณาส่งหนังสือมาให้

ลูกอโศกร่วงที่เน่าแล้ว

-ร่างกายอ่อนแอก็ต้องบริหารร่างกาย หากจิตใจอ่อนแอก็ต้องบริหารจิตใจ ฉะนั้น การตั้งตบะ และตรวจศีล สม่ำเสมอทุกวัน เป็นการทำให้จิตใจ แข็งแกร่งขึ้น มีกำลังปีนป่าย ให้พ้นนรก จนได้แหละ -บ.ก.


ของเก่าแก้ไขใหม่
ข้าพเจ้าได้รับหนังสือดอกหญ้า และสารอโศกแล้ว ข้าพเจ้าจะอ่านทุกตัวอักษร และทุกเนื้อหา ทำให้ข้าพเจ้า เกิดการลด -ละ -เลิก จากสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยชิน จนเป็นนิสัย ในอดีตได้มากมาย เช่น เมื่อก่อนจะใช้ ของที่มีราคาแพง ทานอาหารนอกบ้าน เป็นประจำ แต่ปัจจุบัน... ข้าพเจ้าหันมารับประทาน อาหารมังสวิรัติเต็มตัว เสื้อผ้าสิ่งของต่างๆ จะใช้ของที่มีอยู่ นำมาแก้ไข และประยุกต์ใช้ สิ่งไหนไม่จำเป็น ก็จะไม่ซื้อ

หนังสือทั้งสองฉบับนี้ อ่านแล้วทำให้เกิดสติกับปัญญาขึ้นมากมาย เมื่ออ่านเสร็จ ข้าพเจ้าจะแบ่งปัน ให้เพื่อนอ่านด้วย จนเพื่อนของข้าพเจ้า ให้ช่วยสมัคร เป็นสมาชิกให้ด้วย เพื่อนของข้าพเจ้า บอกว่า หนังสือนี้ดีจริงๆ จากการอ่าน ทำให้นำไปใช้ ในชีวิตประจำวัน ได้เป็นอย่างดี

ชมพู ตระการกมล จ.เชียงใหม่

-รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เมื่อมีผู้อ่านหนังสือ ของชาวอโศกแล้ว ทานอาหารมังสวิรัติได้ ใช้ข้าวของ รู้จักประหยัด อะไรไม่จำเป็น ไม่ซื้อ เอาของเก่า มาแก้ไข ใช้ใหม่ได้ แค่นี้ก็คุ้มค่าเหนื่อยแล้ว -บ.ก.


นกกระจิบ
การปฏิบัติของผมช่วงนี้ ยังไม่ดีขึ้นเลยครับ ยังล้มลุกอยู่ ตั้งใจจะกิน ๒ มื้อ บางครั้งทำงานมา เหนื่อยมากๆรู้สึกหิว ก็อดไม่ได้ที่ จะกินจุบกินจิบ เป็นนกกระจิบไปเลย

ชีวิตนี้สั้นนัก แต่ลมหายใจเข้า-ออก พยายามนึกถึงความตาย อยู่เรื่อยๆครับ เพื่อให้ชีวิต ปล่อยวาง แต่พอเพลินๆ ก็ลืมนึกถึง ขาดสติเมื่อไร ก็คล้ายกับหุ่นยนต์ ทำงานอะไร ก็เอื่อยเฉื่อยไปเลย จะพยายามพากเพียร ปฏิบัติตัว ให้ดียิ่งๆ ขึ้นครับ

ถ้าไม่มีหมู่กลุ่ม ไม่มีสมณะ ไม่มีหนังสือดีๆ ก็ไม่รู้ชีวิตนี้ จะไปตกร่วง อยู่นรกขุมไหน

สมนึก มาลัยทอง

-แม้แต่นกกระจิบ ก็ยังหากินเป็นเวลา เย็นค่ำมืดแล้ว มันก็เลิกหากิน แต่คนเราเก่งกว่านั้น โดยเฉพาะ ผู้ฝึกถือศีลข้อ ๖ ในศีล ๘ จะฉลาดที่กำหนดมื้อ ในการกิน ไม่กินจุบจิบนอกมื้อ เพื่อฝึกบังคับจิตใจ และร่างกายให้มีวินัย ในการกิน -บ.ก.


ความดีต้องชนะความชั่ว
ดิฉันรู้สึกดีใจมาก ที่ได้อ่านหนังสือสารอโศก เพราะเป็นหนังสือ ที่มีสาระประโยชน์ และให้ข้อคิด แก่เราหลายอย่าง ทำให้เรารู้จัก ความยับยั้งชั่งใจ เพราะเมื่อก่อน ดิฉันเป็นคนที่ ขี้โมโหมาก ใครทำอะไร ให้เราไม่พอใจ ดิฉันก็จะโกรธ และไม่ค่อยรู้จัก ควบคุมสติอารมณ์ แต่หลังจากที่ดิฉัน ได้อ่านหนังสือนี้แล้ว ทำให้ดิฉันคิดได้ว่า ความโกรธ ไม่ได้ทำให้อะไร ดีขึ้น มีแต่จะทำให้ เราแย่ลง

ตอนนี้ดิฉันทานเจได้ ๒ เดือนแล้ว และคิดว่า จะทานเจไปตลอดชีวิต จะพยายามถือศีล ๕ ให้ได้ เพราะตอนนี้ ดิฉันยังปฏิบัติข้อ ๑ และข้อ ๔ ไม่ได้ แต่ส่วนมาก จะเป็นข้อ ๔ คือการ พูดปดมดเท็จ เหตุที่ต้องพูดปดมดเท็จ ก็เพราะว่า มันจำเป็น แต่ทุกครั้ง ที่พูดโกหกไปแล้ว ดิฉันก็รู้สึก สำนึกผิดทุกครั้งว่า เราไม่ควรโกหก แต่บางเรื่อง มันก็จำเป็น จึงทำให้ดิฉัน ปฏิบ้ติ ข้อนี้ไม่ได้

ทุกวันนี้ ดิฉันไม่มีความสุขเลย เพราะทุกครั้งที่พ่อกินเหล้าแล้ว มักจะดุด่าดิฉัน เป็นประจำ ทั้งๆที่ดิฉัน ไม่ได้ทำอะไรผิด ขนาดตอนนี้ ดิฉันถือศีลกินเจ และปฏิบัติธรรม ก็ยังมาว่า ทำไมไม่ทานอาหาร ที่แม่ทำ และไม่กินเหมือนเขา ดิฉันเป็นคนคิดมาก และคอยคิด อยู่ตลอดเวลาว่า เราอุตส่าห์ทำความดี ถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมพ่อถึงได้ มาด่าเราอีก และพ่อก็เคยบอกเรา เสมอว่า ไม่ให้เราดื่มเหล้า เมายา ไม่ให้ยุ่ง กับสารเสพย์ติด และอบายมุข ทุกชนิด ดิฉันก็ทำตาม ที่พ่อบอกแล้ว และดิฉันก็เป็นคน ที่เกลียด ของพวกนี้อยู่แล้ว พ่อยังคิดว่า ดิฉันไม่ดีอีก จะให้ดิฉันทำ ถึงขนาดไหน

ทุกวันนี้ ดิฉันพยายามที่จะไม่สร้างบาป สร้างกรรม แต่พ่อก็เป็นคนที่ทำให้ดิฉัน สร้างบาป สร้างกรรม เพิ่มขึ้นอีก คือเวลาที่พ่อด่าดิฉัน ว่าไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ทำให้ดิฉัน นึกด่า นึกแช่งท่านอยู่ในใจ ทำให้ดิฉันต้อง สร้างบาป สร้างกรรม อย่างใหญ่หลวง ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกๆ ทุกคน ไม่ควรด่าแช่งพ่อแม่ แต่ดิฉันก็ยังอดทนไม่ได้ ทั้งๆที่พยายามแล้ว ดิฉันคิดว่า ชาติก่อน คงสร้างเวร สร้างกรรมไว้มาก ชาตินี้ จึงมีแต่ความทุกข์ แต่ดิฉันเชื่อว่า ความดี ต้องชนะความชั่ว และดิฉัน จะพยายาม สร้างกุศลไว้มากๆ เพื่อที่จะใช้หนี้กรรม ที่เคยทำไว้ให้หมดไป

ทุกวันนี้ ดิฉันก็มีโอกาสได้สร้างกุศล จะขอทำไปเรื่อยๆ และจะยึดถือหลักธรรม จากหนังสือ สารอโศก เพื่อจะนำไป ปฏิบัติด้วย

สมาชิก หมายเลข ๒๕๙๒๖๘ จ.แพร่

หากสร้าง "เมตตา" ให้มากพอ ภายในใจ "ความโกรธ" ก็จะโดนย่อยสลายไป จนหมดสิ้นได้แน่ ฉะนั้น คิดถึงบุญคุณ ของพ่อให้มากๆ ลองเขียนเป็นข้อๆ ดูสิ เช่น ๑.เป็นผู้ให้กำเนิด หากไม่มีท่าน ก็ไม่มีเรา ๒.เหน็ดเหนื่อยเพราะเรา มามากแล้ว ต้องทำงาน หาทรัพย์มาเลี้ยงดูเรา ตั้งแต่แบเบาะ จนถึงเดี๋ยวนี้ ๓.ต้องอดทนลำบาก ไม่ว่าเราจะเจ็บป่วย หรือมีอันตรายใดๆ ท่านก็ดูแลรักษาเรา ๔.ห่วงใยเรา ไม่อยากให้ เราไปในทางชั่ว ๕..........ฯลฯ

เรื่องการโกหก หาก "จำเป็น" เราก็โกหกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่หากโกหกบ่อยๆประจำ เขาไม่เรียกว่า จำเป็นแล้วล่ะ เขาเรียกว่า "เป็นนิสัย" ฉะนั้น ควรแก้ไขปัญหา ด้วยวิธีการ ที่ไม่ผิดศีลเถิด เพื่อ "สร้างนิสัย" ที่ดีมีความซื่อสัตย์ -บ.ก.


ระวังสติแตก
ตอนนี้ดิฉันกำลังมีปัญหาครอบครัว เหนื่อยหน่ายมาก ช่วงเวลาที่ผ่านมารู้สึกว่า ทุกข์มาก เพราะเรายึดมาก สามีไปมีหญิงอื่น ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ แต่ตอนนี้ ยกให้เขาไปแล้ว และเขา ก็เต็มใจไป แต่ดิฉันต้องอยู่ เลี้ยงลูกอีก ๒ คน กำลังเรียน ม.๑ และ ป.๓

ตอนแรกคิดประชดเขา ด้วยการหนีไปอยู่กับเพื่อน ไปไกลเท่าไร ยิ่งคิดถึงลูกมาก ไปได้ ๒ วันก็คิดได้ว่า ไม่มีอะไร สำคัญเท่าลูก เวลาที่เหลือ ก็จะยกให้ลูก จะขอเป็นทั้งพ่อและแม่ ให้กับลูก จะอยู่สู้เพื่อลูก ตอนนี้สบายใจ ขึ้นเยอะค่ะ

แต่ตอนที่อยู่กับเขา โดนเขาดูถูกสารพัด ก็อดทนมาตลอด พร้อมกับทำงานหนัก ทะเลาะกันบ่อย ร้องไห้บ่อย เงินมีเท่าไร ไม่เคยเหลือ เดี๋ยวจ่ายโน่น จ่ายนี่ ตัวเขาไม่ทำงาน เราต้องหาเงินมาสนอง เป็นหนี้ก็เยอะ เขาไม่เคยรับรู้ เขาดูถูกเราว่า คนอีสาน ลาวสกปรก ไม่มีความจริงใจ

เอาเปรียบดิฉันทุกอย่าง ตัวเขาสบาย งานก็ไม่ค่อยได้ทำ ทำนิดหน่อยก็บ่น ปวดขา ปวดเอว ปวดท้อง แล้วเราให้เข้าบ้าน พักผ่อน กลับไปนอน อยู่บ้านผู้หญิงอื่น อยากกินได้กิน อยากเที่ยวได้เที่ยว เขาคือผู้ชาย ที่เห็นแก่ตัวที่สุด รักตัวเองมากกว่าลูกเมีย ที่ลำบากมาด้วยกัน เขาลืมหมดแล้ว พอมีผู้หญิงอื่น เขากลับหาว่า เราเป็นคนไม่ดี

รู้มั้ยคะว่า พอดิฉันสติแตกทีไร (เครียดมาก) หนังสือชาวอโศก ก็มาถึงบ้านทุกที ตอนนี้ อโหสิกรรม ให้เขาแล้ว เกิดชาติหน้าฉันใด อย่าเจอกันอีกเลย จะพยายามรักษาใจ ไม่ให้เศร้าหมอง จะไม่เป็นทุกข์ รู้สึกจิตใจ เบาสบาย ขึ้นแยะเลย ขอบคุณชาวอโศก ที่ให้กำลังใจตลอดมา ขอขอบคุณด้วยใจจริง

สมบัติ / จ.นครราชสีมา

-ปัญหาท่วมทับมากมาย ต้องระวังจิตใจให้ดีไว้ก่อน อย่าให้ความทุกข์ กลุ้ม เสียใจ ผิดหวัง เล่นงานจนสติแตก ต้องฉลาด หาอุปกรณ์ เครื่องช่วยทางใจ ที่จะบรรเทาคลายทุกข์ ให้เราได้ โดยเฉพาะ ยาวิเศษ ที่จะเรียกว่า ธรรมะ จะช่วยชำระ ใจที่เศร้าหมอง ให้แจ่มใสขึ้นได้ -บ.ก.


รักนี้แทบกระอักเลือด
ดิฉันมีกรรมหนักมากๆ เพราะสมัยที่อยู่วัด ไม่เคยกระตือรื้อร้น ขวนขวายในการงาน และการเสียสละมากนัก ที่ทำก็ไม่ค่อยจะเต็มใจ เหมือนกับไปกินบุญเก่า พอหมดบุญ ก็เหมือนสุนัขไล่เนื้อ กรรมตามทัน ดิฉันแทบกระอักเลือด

ความรักครั้งแรก ความอ่อนแอ อ่อนไหว และอ่อนต่อโลก (ดิฉันอายุ ๒๗ ปี ตอนนั้น แต่ดูยังอ่อน ต่อโลกมาก เพราะชีวิตดิฉัน ส่วนใหญ่ จะอยู่ที่วัดและบ้าน ซึ่งมีแต่มิตรดี สหายดี ดิฉันไม่เคยสัมผัสกับผู้คน ภายนอกเลย) เมื่อดิฉันรู้ตัวว่า สิ่งที่เกิดขึ้น คือความรักแน่แล้ว ดิฉันก็ออกจากวัด โดยมิฟังเสียงทัดทาน ของเพื่อนๆ พี่ๆ แม้แต่สมณะ

เป็นอันว่า ดิฉันก็มีครอบครัว ต้องมากินเนื้อสัตว์ ตามครอบครัวสามี สถานภาพครอบครัวสามี ย่ำแย่มากๆ แต่ด้วยความรัก ที่มืดบอด ดิฉันทนทุกอย่าง ต้องลำบาก ในการเลี้ยงชีพ ที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง เพราะสามี ทำงานรับจ้าง เค้าชอบกินเหล้า และเล่นการพนัน ลำพังอาศัยไร่อ้อย ๑๐ ไร่ ก็แทบไม่พอใช้จ่าย เพราะหนี้สิน เค้าเยอะ

ซ้ำร้ายดิฉันกับพ่อเค้า ก็ไม่กินเส้นกัน เพราะพ่อเค้า ไม่เคยทำอะไรเลย ตั้งแต่หนุ่มๆ เค้าติดเหล้างอมแงม ดิฉันต้องอยู่อย่าง ระแวดระวัง ความปลอดภัย ของตัวเองและลูกน้อย เค้าชอบเอะอะ บ่นด่าปึงปัง พ่อสามี เป็นลูกชาวไร่อ้อย แต่ไม่ยอมทำไร่อ้อย เมื่อมีเมีย เมียต้องทำเลี้ยง พอเมียตาย (แม่สามี) ก็เกาะลูกคนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง ตังค์มีร้อยใช้ร้อย มีพันใช้พัน ได้เงินมาพันวันเดียวเกลี้ยง สังคมที่นี่ เค้าเห็นคนแบบนี้ เป็นเรื่องปกติ ธรรมดา เพราะคนอย่างพ่อสามี มีอยู่มาก

ส่วนดิฉันเองแย่มากๆ ต้องรับภาระในการใช้จ่ายในบ้าน ต้องรบกับกิเลสตัวเอง ยามโมโห มันฉุดไม่อยู่ ใจจะสั่น หัวใจของดิฉัน คงจะไม่ปกติแล้วล่ะ พอมีเรื่องไม่สบายใจ ใจมันจะสั่น จนต้องคอยกินยาหอม ดิฉันเอง พยายาม นึกว่า ตัวเราต้องมาชดใช้เขานะ ชดใช้...ชดใช้...ชดใช้... ท่องไว้... ท่องไว้... เมื่อถึงเวลาครบรอบ เราจะหลุดพ้น จากกรรมตรงนี้เอง อย่าเพิ่มกรรมใหม่อีกเลย ให้เป็นวิบากอีกไม่รู้จบ พอแล้ว หยุดทำร้าย ตัวเองได้แล้ว มันเป็นเพียง บางครั้ง ที่คิดได้ สติยังไม่คงมั่น ศรัทธายังไม่มากพอ

ดิฉันเหมือนตัวคนเดียว บางครั้งโดนบ่น โดนด่า ดิฉันก็ปังเลย ระเบิด! ดิฉันไม่มีพละอินทรีย์เพียงพอ ที่จะต่อสู้ กับผัสสะเหล่านั้น หากท่านจะกรุณา โปรดส่งหนังสือของอโศก ไปให้ด้วย เพราะเป็นเพียงสิ่งเดียว ที่ดิฉัน พอจะยึดถือ เหนี่ยวนำ น้อมใจ เตือนสติตัวเองได้

สมาชิก ๒๔๕๒๙๔ จ.กาญจนบุรี

*ความรักมักทำให้คนหลง มองแต่แง่ความสุข ทั้งๆที่จริง ความรักมีทุกข์มาก มีสุขนิดเดียว จึงเป็นเวรเป็นกรรม น่าเวทนานัก สำหรับ คนที่ยังมุ่งรัก ปรารถนาความสุข น้อยนิด และกับชีวิต ทุกข์ทรมานมากมาย ที่ต้องได้รับ เมื่อไหร่จะเข็ดหนอ -บ.ก.


พระพุทธรูปกับ "สัมมา"
ข้าพเจ้ามีความเข้าใจ ที่พ่อท่านนำพาชาวอโศกถึงจุดหมาย ทั้งการทำงาน ในหลักมรรคองค์ ๘ เพื่อขัดเกลากาย-วาจา-ใจ ให้ยิ่งขึ้นไป ถึงข้าพเจ้าจะอยู่ฝ่ายเถรสมาคม จิตใจก็ขอชมเชย พ่อท่านและชาวอโศก ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ที่ทำให้พุทธแท้เกิดขึ้น

พระภิกษุ-สามเณรทั่วไป เสื่อมไม่รู้จะเสื่อมอย่างไรแล้ว มีทั้งเล่นการพนัน เล่นหวย เล่น วัตถุของขลัง ค้าขายกัน ทำเหมือนชาวบ้าน ส่วนมากเป็นอย่างนั้น (พระมีเงินเดือนด้วย) หนักเข้าไปอีก แต่พระที่ดีก็มีมาก

ข้าพเจ้าได้อ่าน หนังสือสารอโศก หลายเล่ม ที่ญาติเอามาให้ที่วัด ได้ทั้งความรู้ และความเข้าใจหลายด้าน ถึงข้าพเจ้า จะอยู่ห่างไกล กับชาวอโศก เมื่อได้อ่านหนังสือแล้ว ได้นำมาปฏิบัติ ในตัวเอง ถึงจะทำได้น้อยนิด ก็ยังดี ดีกว่าไม่ทำ

การที่พ่อท่านคิด จะสร้างพระพุทธรูป ขอสนับสนุนเต็มที่ ข้าพเจ้าเข้าใจสภาพ ปฏินิสสัคคะ สภาพสลัดคืน ย้อนทวน หมุนรอบเชิงซ้อน ซึ่งเป็นเรื่อง สัจจะย้อนสภาพ และยังเป็นประโยชน์มาก ขอให้มีเถอะ ทุกคนจะเข้าใจ และ จะไม่เสื่อม คนจะเข้ามาเรียนรู้ การเคารพ พระพุทธรูปอย่าง "สัมมา" ช่วยคนเพิ่มขึ้น เรียนรู้ในธรรมมากขึ้น

คนไทยนิยมศรัทธา พระพุทธรูปมาก จึงต้องเน้นสัมมาทิฏฐิ เน้นปัญญา พลังเกิด ตามที่พ่อท่านกล่าวเอาไว้ บทบาทของ พระธรรมวินัย จะไม่ด้อย และควบคู่กันไป กับพระพุทธรูป

พระประสพ ปภาโส จ.กาฬสินธุ์

-พ่อท่านเจตนาสร้างพระพุทธรูปขึ้น เพื่อสร้างศรัทธาให้เพิ่มมากขึ้นอีก ในหมู่กลุ่มชาวอโศก และสร้างศรัทธา ที่สัมมาทิฏฐิ ให้ญาติโยมทั่วไป โดยเน้นที่ การปฏิบัติบูชา ยิ่งกว่าอามิสบูชาอื่น ใด ที่ใช้ดอกไม้ธูปเทียน จุดบูชา แล้วอ้อนวอน ขอสิ่งต่างๆ -บ.ก.

(สารอโศก อันดับ ๒๔๔ มกราคม ๒๕๔๕)