รำลึกถึง...สมณะกระบี่บุญ มนาโป

มนาโป คือน้ำใจ แจ่มใสจิต
มนาโป คือชีวิต แห่งผู้ให้
มนาโป คือหมอยา รักษาใจ
มนาโป คือดวงไฟ ยามมืดมน
มนาโป คือสมณะ ละกิเลส
มนาโป คือนักเทศน์ รวยเหตุผล
มนาโป คือนักทำ ไม่จำนน
มนาโป คือนักทน พ้นทุกข์เทอญ

ท่านจันทร์ (สมณะจันทเสฏโฐ)

ชื่อ/ฉายา สมณะกระบี่บุญ มนาโป
เดิมชื่อ อ้ม ทารินทร์
เกิด ๑๐ พ.ค. ๒๔๙๔
การศึกษา ป.๔ นักธรรมโท
อาชีพเดิม ทำไร่ ทำนา
บวชเป็นสมณะ ๗ ส.ค. ๒๕๑๘ เป็นสมณะลำดับที่ ๗ เป็นสมณะมหาเถระ ๒๗ พรรษา
กรรมฐาน เราจะไม่ห่อเหี่ยว ในสิ่งที่ไม่ประสบอารมณ์
คติธรรมประจำใจ ไม่มีใครจะถูกด่า เราจะมองคำด่า เป็นคำชมให้ได้

สมณะกระบี่บุญ มนาโป เคยเป็นพระบวชมาจาก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี มีเพื่อนสนิท มาด้วยกันคือ สมณะผืนฟ้า อนุตตโร ได้เข้ามาอยู่ กับชาวอโศก ในปี ๒๕๑๘ ที่ธรรมสถานแดนอโศก ต่อจากนั้น ก็มาอยู่ที่ป่าช้าไพศาลี จ.นครสวรรค์ โดยพระสุทธิญาโน ผู้เป็นภันเต (พระผู้บวชก่อน) ชวนมาอยู่ ตอนนั้น ชาวบ้านเรียกที่นี่ว่า วัดป่าช้า และ เรียกพระ ๒ รูปที่มาอยู่นี้ว่า หลวงพ่อขาว กับหลวงพ่อดำ (ท่านมนาโป มีผิวดำ ส่วนท่านสุทธิญาโณ นั้นผิวขาว)

สมัยนั้น ท่านเคยท้อแท้ ขณะที่อยู่ที่ไพศาลี จึงเขียนจดหมาย มาถึงพ่อท่าน ดังบันทึกของ ท่านมนาโป ดังต่อไปนี้

"มีอยู่วันหนึ่ง จิตของข้าพเจ้าไม่ค่อยจะ (จิตตก) คิดจะกลับสันติอโศก อยากจะไปฟังธรรม จากพ่อท่านโพธิรักษ์ จึงได้เขียนจดหมาย ไปกราบมนัสการพ่อท่าน "ผมอยากจะกลับสันติอโศก คิดถึงพ่อท่าน อยากจะฟังธรรม อยู่ใกล้พ่อท่าน"

และพ่อท่านตอบจดหมายกลับมาว่า "คุณคิดถึงผมทำไม ผมไม่ใช่ผมนะ จงสู้ต่อไป"

ตอนนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ไม่มีกะจิตกะใจที่จะแสดงธรรม พออ่านจดหมาย ของพ่อท่านแล้ว ทำให้มีคำถามกับตัวเองว่า "ไหนว่าจะมาตาย" พอเอาเข้าจริง กลับจะไม่สู้ จึงได้ตั้งจิตสู้ใหม่ "ต่อไปนี้จะเทศน์แหลก อย่าไปด่าแม่เขา ก็เป็นพอ" ซึ่งเป็นกรรมฐานประจำใจ ในขณะนั้น"

ต่อมา ท่านได้รับตำแหน่งเป็นสมภาร ที่ศาลีอโศกในปี ๒๕๒๘ เกิดหมู่บ้าน ชุมชนศาลีอโศกขึ้น ชื่อเรียกในสมัยนั้นว่า "หมู่บ้านแผ่นดินธรรม" บ้านที่สร้าง ชุดแรก มี ๑ หลัง เริ่มมีคนมาฟังเทศน์เพิ่มขึ้น ทำให้ศาลีอโศก คึกคักขึ้น

งานกองทัพธรรม ปี ๒๕๒๗-๒๕๒๙ ท่านเป็นนักเทศน์ ฝีปากเอก ที่ถูกอกถูกใจญาติธรรม เพราะเทศน์ตรงไปตรงมา กล้าฝ่ากิเลสคน อย่างชัดแจ้ง

งานปลุกเสกฯ-พุทธาภิเษกฯ ท่านเป็นพระเกจิ เป็นผู้ดำเนินรายการ งานด้านแสดงธรรม ทุกรูปแบบ เพราะท่านชำนาญ มีประสบการณ์

งานธรรมปฏิสันถาร ท่านถนัดมาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ก็ทำหน้าที่ปฏิสันถาร มาโดยตลอด โดยเฉพาะที่สันติอโศก ท่านจะสนทนาธรรม กับญาติโยม ในวันอาทิตย์ เป็นเวลานานๆ

ในงานด้านผู้บริหาร ท่านรับตำแหน่ง เป็นสมภารที่ต่างๆ คือ ๒๕๒๘ เป็นสมภารศาลีอโศก ๒๕๒๙-๒๕๓๑ เป็นสมภาร ศีรษะอโศก ๒๕๓๒-๒๕๓๓ เป็นสมภารที่ปฐมอโศก ๒๕๓๔ เป็นสมภารที่ศีรษะอโศก ๒๕๓๕-๒๕๓๘ เป็นสมภารที่สีมาอโศก ๒๕๓๘-๒๕๓๙ เป็นสมภาร ปฐมอโศก ๒๕๓๙ เป็นอาจารย์ที่ภูผาฟ้าน้ำ

ไม่ว่าท่านจะอยู่พุทธสถานไหน เอกลักษณ์ของท่าน ก็คือ พาญาติโยม รวมตัวกัน สร้างหมู่บ้าน ประสานจิตวิญญาณ และเกิดการงาน ตามแนวทาง มรรคองค์แปด คือ

-ยุคที่ท่านอยู่ศีรษะอโศก เกิดหมู่บ้านพุทธธรรม โรงครัวกลาง ร้านน้ำใจ เรือนพัก "ชาวหินฟ้า" "บ้านชาวดิน" กองบุญสวัสดิการ

-ยุคที่ท่านอยู่ศาลีอโศก (อ.ไพศาลี) กิดหมู่บ้านแผ่นดินธรรม

-ยุคที่ท่านอยู่สีมาอโศก เกิดชุมชนสีมาอโศก และท่านอยู่เบื้องหลัง การเกิดสีมาอโศก เป็นสมณะรูปแรก ที่ไปแสดงธรรม ที่บ้านคุณอำนาจ หมายยอดกลาง จนเกิดหมู่กลุ่ม เกิดการรวมตัวกัน และท่านก็เป็นที่ปรึกษา ให้กับชาวสีมาอโศก ในยุคแรกๆ มาโดยตลอด มีร้านมังสวิรัติ นครราชสีมา ในยุคสมัย ที่ท่านเป็นสมภาร มีถึง ๒ ร้าน คือ สาขา ๑ และสาขา ๒

-ปฐมอโศกยุคท่านมนาโปเป็นสมภาร ก็รุ่งเรืองมาก ในเรื่อง กสิกรรมธรรมชาติ ในปีที่ท่านอยู่ปี ๒๕๓๒ ปฐมอโศก ปลูกข้าว ได้ผลผลิต มากที่สุด ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด ท่านก็อยู่ในหัวใจ ของญาติโยม ท่านเริ่มอาพาธ ในปีพ.ศ.๒๕๓๙ ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ปอด ท่านตัดสินใจ ไม่ผ่าตัด หรือใช้คีโม ตามวิธีรักษาในแผนปัจจุบัน แต่เลือกการรักษา แบบธรรมชาติ ตามแนวของท่านมาเรียว เปียเนซี จากอิตาลี มีคุณโรแบโต และคุณเทพิน เป็นทูตช่วยสื่อสาระ มาถึงคุณแก่นขวัญ นาวาบุญนิยม ให้ดูแล ทั้งอาหาร ทั้งการจัดสรร สิ่งแวดล้อม และการบำบัดต่างๆ เมื่อเกิด การเปลี่ยนแปลง ในร่างกาย

ท่านต้องอยู่ที่ๆ มีสภาวะอากาศแห้ง และสงบ จึงเลือกที่รักษาครั้งแรก ที่ขอนแก่น ซึ่งเป็นที่ของกลุ่มแก่นอโศก ด้วยอาหารแมคโครไปโอติคส์ สูตร ๑ คือ ครีมข้าว ชาบัญชา บ๊วย ซีอิ๊ว

การพักรักษาที่ขอนแก่น มีปัจฉาสมณะ คือท่านใจเด็ด ช่วยดูแล สำหรับกิจวัตรของท่าน ส่วนคุณแก่นขวัญ เป็นแม่ครัว ดูแลเรื่องอาหาร ช่วงอยู่ขอนแก่น ร่างกายท่าน มีการปรับ ซ่อม ขับของเสียออก หลายครั้ง และระยะนาน แล้วหลังจากนั้น ก็ดีขึ้นตามลำดับ

ท่านต้องใช้ความอดทน กับตัวเองอย่างมาก เพราะการฉัน ครีมข้าวนั้น ผู้ป่วยและผู้ดูแล ต้องมีสภาวะสงบ อย่างมาก อาหารก็ต้องไร้สารพิษ วิถีชีวิต ต้องอยู่กับธรรมชาติที่สะอาด ทั้งดิน น้ำ อากาศ ด้วยความเมตตา ของท่าน ญาติโยมมาช่วยกันเอาภาระ ช่วยปลูกผัก ทำนา ทำปุ๋ย ดูแลสุขภาพ ช่วยเป็นหมู่ เป็นมวลมากขึ้น รวมทั้งอาจารย์ มหาวิทยาลัย ก็มาศึกษา ดูงานมากขึ้น

ในระยะ ๓ ปี ตั้งแต่ ๒๕๓๙-๒๕๔๒ ท่านพิสูจน์อาหารสูตร ๑ ได้ผลยืนยัน และมีระบบการทำงาน ของอวัยวะดีขึ้น เมื่อมีผู้คนสนใจมากขึ้น การพักผ่อนของท่าน ก็น้อยลง มีแขกไปใครมา ถามไถ่ท่าน เรื่องแนวทาง การรักษา เพราะผู้คน ป่วยเป็นมะเร็งกันมาก เมื่อท่านยังไม่หายขาด แล้วรับแขกมาก

ท่านมาเรียว จึงเลือกที่พักรักษาที่สงบ อากาศมีโอโซน และใกล้ทะเล ให้เหมาะกับ ผู้เป็นมะเร็งปอด ท่านได้ไปพักรักษา ณ เกาะสมุย ซึ่งเป็นที่ของ คุณพรเทพ ลูกคุณป้าทองขาว หลานยายริน ให้อยู่พักรักษา ด้วยความศรัทธา อันเต็มเปี่ยม

ท่านย้ายไปอยู่ที่เกาะสมุย เมื่อ ๑๐ พ.ค. ๒๕๔๒ โดยมีท่านฉันทโส คุณสาว คุณแรงอารี และครอบครัวป้าทองขาว ช่วยเอาภาระ มีพี่กัลยา ช่วยรับช่วง ดูแลท่านมนาโป พร้อมกับคุณประนต มีปัจฉาสมณะ คือท่านถึกไท

ท่านได้อยู่กับธรรมชาติ สภาวะสงบ เดินริมชายหาด อาบแดด และ ฉันอาหาร สูตร ๑ (ครีมข้าว) สูตร ๒ (ซุป, ข้าว, ถั่ว,ผัก) ระหว่างรักษานี้ ผู้ดูแล ต้องปีนเขาไปรับผัก รับข้าว ที่ส่งมาจากญาติธรรม โดยได้รับ ผักไร้สารพิษ จากคุณดินนา สม่ำเสมอ

ปี๒๕๔๒ ก่อนเดินทางไปเกาะสมุย ท่านได้เปิดร้านอาหาร ช่วยคน ในด้านสุขภาพ ท่านบอกเสมอว่า ท่านป่วยช่วยชาติ ถ้าหายป่วย คนจะได้ช่วยคน เป็นล้านๆคน ท่านอดทนศึกษา ปฏิบัติด้วยความตั้งใจ และทุ่มเท เพื่อให้ได้คำตอบว่า

ป่วยแล้ว ไม่ต้องไปโรงพยาบาล ป่วยแล้วไม่ต้องฉันยา ป่วยแล้วพึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตายกันได้

ใครศรัทธาแนวทางนี้ ก็มาเองตามธรรม ขอให้น้อมใจศึกษา ให้ชัดเจน เพื่อช่วยพี่น้องชาวไทย ๓ ปี ท่านรอดมาได้ ก็คุ้มแล้ว ที่เหลือคือกำไร เพราะบ้านเพิ่มบุญ ที่ใช้เป็นที่พัก รักษาคนป่วย สามารถผลิตข้าว ถั่ว ผัก ปุ๋ย และพลังคน รวมกัน พึ่งตนเองได้ ทั้งอาหาร และแนวทาง การดำเนินวิถีชีวิต

๒ พ.ย.๒๕๔๔ พ่อท่านแวะเยี่ยม และนิมนต์ท่าน ไปพักรักษาตัวในหมู่ ท่านเลือกเอา บ้านราชเมืองเรือ จ.อุบลฯ ซึ่งในระยะที่พัก รักษาตัว ช่วงเดือน มิถุนายน-สิงหาคม ท่านมีอาการอาเจียน และฉันไม่ได้หลายครั้ง ต้องมีการ ดูแล เอาภาระหลายคน จึงจะไหว ระยะนั้น คุณกัลยา และคุณลามอญ เป็นฆราวาส ช่วยเอาภาระเรื่องอาหาร สมณะถึกไท เอาภาระ เรื่องปัจฉาส่วนตัวคนป่วย

เมื่อออกพรรษา จึงมีการหมุนเวียน ปัจฉาสมณะไปดูแล มีคุณกล้าตรง ช่วยดูแล คุณแก่นขวัญ แม่เพ็ญพร ไปสมทบ เอาภาระ

ท่านจัดระบบในระยะแรก ฉันอาหาร แล้วสำรอกออกมา และ เกิดอาการเมื่อย เพราะจะมีพลัง ขยายกล้ามเนื้อ ให้มากก่อน จึงจะจัดโครงสร้างได้ ตลอดระยะ ๑ เดือน มีการปรับระบบ การสร้างเสริมกล้ามเนื้อ ด้วยอาหาร (สร้างเสริม โปรตีน และวิตามินซี จาก Cherry ข้าวสวย ผักลวก ข้าวจี่ ท่านฉันอาหาร ได้มากขึ้น มีระบบการย่อย และ ดูดซึมอย่างเร็ว ฉันวันละ ๔ มื้อ - ๑๐ มื้อ ฉันได้มาก ไม่รู้จักอิ่ม ซึ่งดูกล้ามเนื้อ มีเนื้อหนังมากขึ้น หน้าตาดูอิ่มเอิบขึ้น น้ำหนักขึ้น ๔ กก.

๓ ธ.ค.๒๕๔๔ หมู่สมณะรับท่านมนาโป ลงมานั่งเรือ โดยท่านใจเด็ด กุ่งหลัง (ให้ท่านมนาโปขี่หลัง) ท่านฉันทโส ช่วยประคอง ท่านดินดี ท่านหนักแน่น และ ปัจฉาฯดาวดิน ช่วยขนสัมภาระ และช่วยกันจูงเรือ มาพักที่ฝั่ง ๑ วัน แล้วจึงเดินทางต่อ โดยนั่งรถฝ่าฝัน ขึ้นเรือเฟอรี่ ข้ามมาฝั่งสุราษฎร์ฯ มาตามเส้นทางถนนดำ ถึงสวนโมก ท่านมนาโปอ่อนแรงมาก เพราะมีอาการสะอึกเสลด ฉันอาหารไม่ได้ ไม่ถ่าย ไม่ปัสสาวะ พักค้างที่ท่าแซะ ๑ คืน แล้วออกเดินทาง หมายจะไปปากช่อง แต่ระยะทาง ยาวเกินไป เย็นแล้ว ๑๘.๐๐ น. ต้องแวะพัก ที่ปฐมอโศกก่อน

๕ ธ.ค.๒๕๔๔ เวลา ๑๘: ๑๕ น. ถึงบ้านใจพอ ท่านต้องพักฟื้น ให้แข็งแรงก่อน จึงจะไปบ้านราชฯได้ พ่อท่าน เป็นห่วงมาก ให้คุณหมอพจน์ มาตรวจอาการ คุณหมอพจน์ตรวจแล้วบอกว่า ชีพจรท่านอ่อนมาก หัวใจก็อ่อนกำลัง คุณหมอถามท่านมนาโปว่า "ท่านจะอนุญาต ให้ใส่น้ำเกลือ ทางเส้นเลือด เพื่อให้มีกำลังหรือไม่"

ท่านส่ายศีรษะ เพราะยังไม่มีกำลังพูด แต่เป็นการยืนยันว่า ท่านต้องการ รักษาแนวธรรมชาติ ให้ถึงที่สุด ต้องการพิสูจน์ว่า ถ้าคนไข้ระดับ ฉันอาหารไม่ได้ ถ่ายไม่ออก พูดไม่ได้ กำลังอ่อนแรง มีวิธีจะช่วยกัน ดูแลตามศรัทธา เอาใจใส่ เอาภาระด้วยอาหาร อากาศ และการบำบัด ที่พึ่งตนเอง ได้หรือไม่

คณะผู้ดูแล อาศัยแนวธรรมชาติ ถ้าท่านฉันได้ ถ่ายได้ การไหลเวียน ของเลือด ทำงานได้ดี ธรรมชาติจัดสรร ให้ยืนยาวแน่ ทีมผู้ดูแล จึงช่วยในการขับถ่าย ให้ถ่ายของเสียออกทุกวัน อาหารจะเป็นอาหารอ่อน ย่อยง่าย มีการนวดแนวเส้น ๑๐ โดยคุณปาน และให้พลังการดูแล ที่ใกล้ชิดอบอุ่น ให้ท่านได้ออกมาอยู่กับต้นไม้ กับพื้นดินบ้าง ในช่วงกลางวัน ช่วงกลางคืน ก็อยู่บนบ้าน ที่มีอากาศถ่ายเทเสมอ อากาศมีผลต่อท่านมาก ช่วงแรก อากาศไม่ไหลเวียน ท่านมีสภาวะ อึดอัดมาก อยากจะเปลี่ยน ที่ๆมีอากาศปลอดโปร่ง แต่พ่อท่านให้พักรักษา ที่ปฐมอโศก ให้แข็งแรงก่อน ชาวปฐมฯ ก็ช่วยหาเครื่องปรับอากาศมาให้ พอช่วยให้อาการท่านดีขึ้น ที่ชาวธรรม และคณะ ช่วยซื้อของ ผักก็มี แม่บุญเลี้ยง และญาติธรรมปลูก ไร้สารพิษ ตัดมาถวายท่านใหม่ๆ สดๆ ข้าวก็มี ญาติธรรม ส่งมาถวายท่านมากมาย รวมทั้งความสดใหม่ จากการปรุงอาหาร ของแม่ครัว ท่านสามารถฟื้น จนพูดได้ เดินได้ แต่ต้องพยุงถ่ายเอง การทรงตัวยังไม่ดี โสตประสาทรับรู้ รับฟังได้มากขึ้น

๕ ก.พ.๒๕๔๕ พ่อท่านให้หมอสายัญ มาช่วยดูระบบจัดโครงสร้าง

๕ มี.ค.๒๕๔๕ ท่านมีอาการไข้ขึ้น ไม่ได้หลับทั้งคืน จนตี ๓ ก็เริ่มอาเจียน และถ่ายอุจจาระ ๒ ครั้ง อาการไข้ลดลง แต่การสำรอก น้ำลาย ออกมาไม่หยุด ออกมาเป็นระยะ

จนกระทั่ง ๖ มี.ค. ๒๕๔๕ เวลา ๑๒.๕๐ น. สำรอกออกมาหนัก จนปากเขียว ลิ้นจุกปาก แล้วหายใจถี่ ลมหายใจร้อน

๑๓.๐๐ น. หายใจห่าง และช้าลง ปัจฉาฯดาวดิน และคุณแก่นขวัญ ดูแลอาการตลอด จนกระทั่ง ต้องปั๊มพ์หัวใจ พอดีคุณหมอสายัญ มาดูอาการตามปกติ กับพี่ไพรัช ข่าทิพย์พาที หมอเช็คดูแล้วบอกว่า ท่านถ่ายและสำรอก แล้วเกิดอาการน๊อค เพราะขาดน้ำ และ น้ำตาลมาก ตรวจหัวใจ และชีพจรอ่อนมาก ให้นอนพัก แล้วดูอาการไปเรื่อยๆ แล้วคุณหมอ จึงลากลับไป พร้อมพี่ไพรัช

๑๔.๐๐ น. ส่องดูดวงตาท่าน ไม่มีอาการตอบรับ ลมหายใจแผ่วเบา ชีพจรเบามาก ท่านหลับ ในท่าที่สบาย จนผู้ดูแลไม่คิดว่า ท่านจะจาก พวกเราไป ง่ายดายอย่างนี้ ก็พยายามนวด ประคบและหยอดน้ำ (Cherry) น้ำก็ไหลคืน ออกทางจมูก เมื่อท่านแก่นหล้า มาตรวจครั้งสุดท้าย จึงสรุปว่า ท่านจากเราไปจริงๆ

ท่านต่อสู้เพื่อหาคำตอบ ให้พวกเราได้ทราบ แน่นอนว่า อาหารธรรมชาติ ช่วยให้ท่านยืนยาวได้ แบบธรรมชาติ ท่านป่วยเพื่อฝึกปัจฉาฯ ให้ดูแลกัน ด้วยความเคารพ และกตัญญู อ่อนโยน ฝึกญาติโยมที่ดูแลกัน ด้วยความศัทธา ในคุณธรรม ที่พ่อท่านสอนให้พึ่งแก่ -พึ่งเจ็บ -พึ่งตายกันได้

ในฐานะผู้ดูแลท่าน แทนญาติธรรมทุกท่าน คณะผู้ดูแล ทุ่มเททั้งพลังกาย พลังใจ และพลังศรัทธาในศาสนา จนจบกิจเวลา ๖ ปี ๘ เดือน ได้ประโยชน์ จากการดูแล สมณะอาพาธ เหมือนดูแลพระพุทธองค์ อย่างซาบซึ้ง คณะทีมงาน ดำเนินงานมาด้วยความมั่นคง แน่วแน่ ปักมั่นที่จะยืนยันคำว่า

ชาวอโศกเพื่อมวลมนุษยชาติ
เราจะพึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตายกันได้
ทำงานกันเป็นทีม
ปฏิบัติธรรม ต้องมองตน
ปฏิบัติธรรมอยู่กับปัจจุบัน
พลังการดูแล ได้จากการกระทำ มิใช่การพูดอย่างเดียว

สมณะดาวดิน ปฐวัตโต , นายกล้าตรง พรมโสดา ,
น.ส.แก่นขวัญ นาวาบุญนิยม , น.ส.พลังเย็น นิยมเพิ่มบุญ , น.ส.เพิ่มพร ทองสาร

(สารอโศกอันดับที่ ๒๔๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕)