หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >สารอโศก

จมหมายจากญาติธรรม


หาเพื่อนดีๆ ร่วมทาง
ดิฉันขอบริจาคแสตมป์เพื่อใช้ประโยชน์ ดิฉันได้รับนิตยสารเป็นประจำ แบ่งให้เพื่อนๆ อ่านบ้าง หวงไว้คนเดียวบ้าง (บางเล่ม) ต้องขอกราบ ขอบพระคุณ ทางพุทธสถานสันติอโศก ที่ได้ช่วยตอบจดหมายทุกครั้ง

ยังจำได้ไหมคะ ที่ดิฉันเคยเขียนจดหมายมาเล่าเรื่องว่า ป่วยมานาน ความจริงคุณหมอ เขาบอกทีหลังค่ะ ว่าดิฉันเริ่มต้นป่วย ทางใจมาก่อน ร่างกายเลยป่วย ตามไปด้วย ดิฉันได้รับกำลังใจ หลายๆทาง และหมั่นไป สถานธรรมทุกอาทิตย์ และ พุทธสถาน สันติอโศก ตอบจดหมายของดิฉัน ทำให้ชีวิตของดิฉัน ดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ดิฉัน ได้หยุดกินยาแล้ว ประมาณ ๑ เดือน แต่ว่าหมอ ยังต้องดูแลอยู่ ร่างกายแข็งแรงขึ้น รวมทั้งใจ ก็เข้มแข็งบ้าง แต่ว่าบางครั้ง มีอะไรมากระทบนิดหน่อย ก็ยังหวั่นไหว น้ำตาซึมอยู่ แต่น้ำตาไม่ร่วง เหมือนทุกครั้ง ดิฉันก็พยายามแล้ว

ชีวิตของดิฉันที่ผ่านมา จนถึงเดี๋ยวนี้ ส่วนมากจะอยู่ตัวคนเดียว เลยคิดมาก ดิฉันชอบอ่านหนังสือมาก แต่อ่านจบแล้ว ก็ไม่มีอ่านต่อ เพราะอ่านไม่กี่วันก็จบ

ที่ดิฉันหายไปเกือบปีนั้น ชีวิตมันยุ่ง และเจอปัญหาแทบทำใจไม่ได้ ดิฉันเลยเงียบไป ตอนนี้ทำใจได้แล้ว ซึ่งไหนๆ มันก็ผ่านไปแล้ว ดิฉันกลัว จะกลับไปเป็น เหมือนเดิม

ดิฉันอยากไปเยี่ยมพุทธสถานสันติอโศกบ้าง แต่คงไปไม่ได้ ดิฉันไม่เคยเดินทางไปไหน ไม่เคยไปคนเดียว เพราะทางครอบครัว ไม่เคยปล่อย ให้ไปไหนเลย ตอนนี้ ดิฉันอายุ ๔๐ ปีแล้ว แต่ยังถูกขัง เหมือนเด็กอยู่ และดิฉันก็ไม่กล้า ไปไหนด้วย ดิฉันกลัวมาก กลัวการ เดินทาง ไปไหนคนเดียว สักวันคงจะมีโอกาสบ้างนะคะ * กันยา จารุสวัสดิ์ จ.เชียงใหม่

* ตอนเกิดเราทุกคนก็เดินทางมาคนเดียว ตอนตายก็เดินทางไปคนเดียว ไม่มีใครมาและไป ด้วยกับเรา เพราะฉะนั้น ไม่น่ากลัวอะไรหรอก เราทุกคน เคยเดินทาง คนเดียวมาแล้ว เพียงแต่ถ้าเรายังไม่กล้า หรือไม่ประมาท ก็ควรหาเพื่อนดีๆ ร่วมทางด้วย จะได้ปลอดภัยที่ สุด-บ.ก.


ของแท้ตีไม่แตก
แม้ผมจะอยู่ห่างไกล แต่จิตใจไม่เคยลืมชาวอโศก เพราะสังคมอย่างอโศกนี้ หาไม่ได้ง่าย ในประเทศไทย เป็นสังคมที่ เป็นแบบอย่าง แก่สังคม และชุมชนอื่น เมื่อก่อนชาวอโศก ถูกโจมตีอย่างหนัก ผมเป็นห่วงมาก กลัวว่ากลุ่มคนดี ที่เป็นแบบอย่าง ของสังคม จะถูกทำลาย ผมก็ทำได้เพียง ให้กำลังใจ อยู่ข้างนอก และ มาร่วมงานของชาวอโศก เพียงบางครั้ง แต่ผมมี ความมั่นใจว่า ของแท้ตีอย่างไร ก็ไม่แตก จริงอย่างที่ผมคิด ของดีก็ต้องดี อยู่วันยังค่ำ

มาบัดนี้ ชาวอโศก ได้แสดงให้ประจักษ์ แก่ชาวโลกแล้วว่า เป็นอย่างไร ผู้คนหลั่งไหล มาศึกษาดูงาน ถือว่าเป็นบุญ ของประเทศไทย ที่ได้มีกลุ่ม ชาวอโศกเกิดขึ้น

จึงขอให้กำลังใจพวกท่านทั้งหลาย ในการทำดีต่อไป และข้าพเจ้าได้ส่งค่าแสตมป์ และขอมีส่วนร่วม ในการจัดทำสารอโศก และ ดอกหญ้าบ้าง มาพร้อมจดหมายฉบับนี้ หนังสือทุกเล่ม ที่ทางสมาคม ส่งให้ ข้าพเจ้า จะให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ในฐานะลูกคนหนึ่ง * สมพงษ์ นุสีวอ จ.มหาสารคาม

* การถูกโจมตีด่าว่า ก็เป็นบทฝึกหัดแห่งการปฏิบัติธรรมบทหนึ่ง ที่จะสอนให้เกิดความอดทน เกิดเมตตา เกิดการเสียสละ และ เกิดปัญญา แก้ไขปัญหาธรรมะ หากข่าวอโศก ปฏิบัติธรรม ได้ดีแท้จริงแล้ว ย่อมตีไม่แตกแน่ๆ แต่ถ้าทำดีไม่ได้จริง ก็แตกแน่ๆ เพราะของไม่ดีจริง ย่อมไม่คงทน ต่อการพิสูจน์ -- บ.ก.


ฟ้าชื่น
นับตั้งแต่วันที่ ๒ ธ.ค.๔๔ ฉันเริ่มเป็นแม่ค้าบุญนิยมวันแรก ขายเห็ดนางฟ้าสดๆ กิโลละ ๒๐ บาท ซึ่งต่ำกว่าท้องตลาด ๕ บาท ขายหมด ทุกวัน และ ขายดีมากๆด้วย พอวันที่ ๘ ธ.ค.ขายเหลือกลับบ้าน ๑ กิโล เลยทำลาบเห็ดมังสวิรัติไปขาย ขายถุงละ ๕ บาท ขายหมดอีก ในแว้บเดียว คงเพราะมีจำนวนน้อยด้วยนั่นเอง

ความฝันของฉันใกล้ความจริงเข้ามาทุกขณะ คุ้มค่าเหลือเกินกับการก้าวที่ช้า แต่ว่ามั่นคง และ มีเป้าหมายที่แน่นอน ตรงเป้าที่สุด ถึงจะไม่สูงสุดก็ตาม ฉันจึงคงขอเป็นแค่ "ผู้กิน น้อย ใช้น้อย ถือศีล กินมังสวิรัติ หัดมีน้ำใจ ฝึกอารมณ์ดี" ตามที่เธอบอกในสารอโศก ฉบับ "ฉลองน้ำ ๔๔"

สองตัวหลังคือ สิ่งที่ฉันต้องฝึกอย่างมากๆ เมื่อก่อนฉันขายส่งเห็ดนางฟ้า เจอแต่แม่ค้า-พ่อค้าประจำ ไม่คิดอยากจะสุงสิงกับใคร และ ไม่อยากขายให้ใคร นอกจากเจ้าประจำ เพิ่งรู้ว่า มันยิ่งเสริมการปิดตัวเอง ปิดการเรียนรู้จักคนอื่นๆด้วย เวลาที่ฉันนั่งขายเห็ดเองที่ ตลาด ฉันเรียนรู้หลายๆอย่าง ทั้งจากคนที่ซื้อ และเพื่อนคนขาย ที่นั่งข้างๆ หรือถัดๆไป เจอคนหลายอารมณ์ บ้างดี บ้างไม่ดี และ บางที ฉันก็ได้ข้อคิดดีๆ จากเพื่อนแม่ค้า ที่นั่งข้างๆ หรือ ที่เดินมาดูว่า ฉันขายอะไร

รู้ไหม...ที่ขายวันแรกฉันยึดคติอะไร

"หัดอารมณ์ดี ฝึกมีน้ำใจ" ฉันท่องไว้เชียวนะ เพราะรู้ว่าสอบตกกับ ๒ ตัวนี้

เพราะฉันคอยเก็บแต่ความชั่วคนอื่น ฉันจึงไม่คิดอยากจะมีน้ำใจ ให้กับใคร และ เพราะฉันคอยเก็บ แต่ความชั่วคนอื่น ฉันจึงอารมณ์ ไม่ดีเกือบ ตลอดเวลา

นั่นคือสาเหตุ ที่ฉันเกลียดคน เป็นส่วนมากด้วย ฉันพบคนที่ดี แต่จำนวนน้อย แต่ฉันก็ เลิกแปลกใจละ เพราะยุคนี้มันสู่กลียุค

ฉันเพิ่งได้ฉุกคิดว่า ขณะที่ฉันรอแต่จะพบความดีของคนอื่น ขณะที่ตัวเองเหมือนนั่ง เฉยๆ โดยไม่ยอมทำดี(ก่อน)บ้าง ก็รังแต่จะเป็น คนที่ คอยเก็บ ความชั่วของคนอื่น ซึ่งสุดท้าย ก็จะเป็นคนชั่วซะเอง

คำนี้ฉันไม่ได้คิดเอง แต่เป็นโศลกธรรม ที่ติดอยู่กับต้นไม้ ที่ปฐมอโศก เป็นของพ่อท่าน ถ้าจำไม่ผิด มีหลายโศลกธรรม แต่ฉันจำโศลกธรรม นี้แม่นยำ เพราะมันตรงกับชีวิตฉัน

ฉันจะเลิกเสียใจ ที่ฉันไม่อาจอยู่วัดได้ ไม่แปลกถ้าฉันจะยืนอยู่ข้างนอก ยืนและดำรงชีวิตอย่างลูกของพ่อ เพราะฉันก็เป็น ลูกพ่อคนหนึ่ง ความฝันของฉัน ใกล้เป็นความจริง เข้าทุกขณะ เมื่อฉันมีบ้าน มีร้านขาย อาหารมังสวิรัติ

บ้านและร้านฟ้าชื่น จักมีพ่อท่าน สมณะ ญาติธรรม ตลอดจนอาจมี เด็กนักเรียนอโศก มาเยี่ยมเยือน อีกแห่งหนึ่งก็ได้

ฉันจะต้องหวัง และตัดคำว่า "ก็ได้" ออกไปให้ได้ * หัวผักกาด จ.อุตรดิตถ์

* หากเป็นลูกพ่อท่านจริง ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด หัวใจต้องไม่ท้อถอย เพราะพ่อท่าน ไม่เคยสอน ให้หนีปัญหา มีแต่ให้กล้าสู้ ด้วยปัญญา และกำลังใจที่คงมั่น อย่างนี้แหละ จะทำ ให้ "ฟ้าชื่น" --บ.ก.


ไม่ชำนาญเขียน
กระผมป่วยเกี่ยวกับโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะและไต ทำให้ปวดหลังปวดเอว ต้องหยุด ทำงานมา ๗ เดือนแล้ว แต่การอ่านหนังสือ และฟังเท็ป ของอโศก ยังปฏิบัติเหมือนเดิม เท็ปฟังทุกเวลาที่มีโอกาส โดยเฉพาะ ก่อนนอนทุกคืน ไม่เคยขาด กระผม ซื้อหนังสือ และเท็ป ของธรรมทัศน์ จากร้าน "ครัวเพื่อนสุขภาพ" ที่หาดใหญ่

ปัจจุบันนี้ผมไม่ดูหนังฟังเพลง ถ้าดูโทรทัศน์ จะดูรายการข่าวธรรมะสารคดีเท่านั้น ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงที่กรุณา ส่งหนังสือ ให้อ่าน เป็นบุญ และเป็นความสุข อย่างยิ่ง ของกระผม

แต่กระผมไม่ได้เข้าร่วมหมู่กลุ่ม เพราะสุขภาพเป็นสำคัญ กระผมเป็นโรคภูมิแพ้ มาแต่กำเนิด มีอาการแพ้อากาศ แพ้อาหาร บางอย่าง แพ้กลิ่นบางอย่าง เช่น น้ำหอมบางกลิ่น บุหรี่ ถ้ามีคนสูบใกล้ๆ ผมจะจาม และไอทันที โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่ทรมานมาก และ ทำให้การ ใช้ชีวิต ไม่เป็นปกติ เหมือนคนอื่น เช่นจะกินอะไร ต้องระวัง และ ถ้าคนที่ไม่ทราบ หรือไม่รู้ว่า คนที่เป็นโรคนี้ เป็นอย่างไร จะแสดงอาการ รังเกียจ จึงทำให้เป็นปมด้อย และเป็นอุปสรรค ในการใช้ชีวิต ยิ่งตอนนี้ นอกจากโรคภูมิแพ้ ที่เป็นมาแต่เกิดแล้ว ผมยังมีอาการของโรคไต และ โรคนิ่วด้วย

แต่จากการอ่าน การฟังเท็ปธรรมะ ทำให้ใจกระผม มีความสุข แม้ร่างกายสังขาร จะเกิดทุกขเวทนา แต่ใจก็สงบ สำหรับหลักปฏิบัติ ที่กระผมทำได้ และ บางอย่างทำมาก่อน ที่จะรู้จัก หมู่กลุ่มอโศก มีพอจะแยกเป็นข้อๆได้ ดังนี้

๑. กระผมนอนสื่อ ปูบนกระดานมาตลอด ยกเว้นไปนอนนอกบ้านตัวเอง อาจผิดพลาดบ้าง

๒.กระผมกินข้าวกล้องมา เป็นเวลาเกือบยี่สิบปี น้ำตาลทราย ก็กินน้ำตาลทรายกล้อง กระผมหลีกเลี่ยง น้ำชากาแฟ นมที่มิใช่ นมถั่วเหลือง ก็ไม่ดื่ม น้ำอัดลมก็ไม่ดื่ม ทานข้าววันละ ๒ เวลา

๓.กระผมใช้เสื้อผ้าราคาถูกๆ ส่วนมากเสื้อมือสอง ยกตัวอย่างเช่น เสื้อ ๓ ตัว ๑๐๐ บาม กางเกง ๒ ตัวร้อย ทำมาตลอด ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ปี

๔.กระผมไม่เคยแขวนสร้อยคอ ไม่เคยแขวนพระ ไม่นับถือผ้ายันตร์ ไม่ชอบรดน้ำมนต์ ไม่เคยมีของขลัง ไม่ชอบดูหมอ ไม่เชื่อไสยศาสตร์

๕.กระผมไม่เห็นด้วยกับประเพณี จัดการศพของไทยพุทธ งานศพที่กระผมเห็นเกือบ ๑๐๐% จะจัดใหญ่โต ฆ่าวัว ฆ่าควาย ฆ่าหมู และ ฆ่าสัตว์อื่น อีกมาก ดื่มของมึนเมา เสพยา เล่นการพนันเกือบทุกอย่าง มีการตั้งศพไว้นานๆ กว่าจะเผา เป็นเวลา ๗ วัน ๑๐ วัน บางงานถึง ๑๕ วัน กินดื่มฉลองกันสนุกสนาน บางงานเปิดเป็นคาราโอเกะ เปิดเท็ก รำวง สนุกกันอย่างสุดเหวี่ยง เวลาพระสวด ไม่มีคนฟัง คนไปรวมกัน อยู่ที่วงการพนันต่างๆบ้าง ดูการเต้นรำ ดูหนัง ลิเก มโนรา เวลาสวดศพ หรือเทศน์หน้าศพ มีคนฟังน้อยมาก

ความเห็นส่วนตัวผม อยากให้ตายแล้วเผาภายใน ๒๔ ชั่วโมง สำหรับกระผมเอง อยากมอบศพ ให้โรงพยาบาล แต่ไม่ทราบ จะทำอย่างไร และ ติดต่อที่ไหน อย่างไร

ขอยืนยันว่า กระผมอ่านหนังสือเกือบทุกเรื่อง บางเรื่องอ่านหลายเที่ยว เรื่องที่ไม่ชอบอ่าน ก็คือเรื่องที่แต่งขึ้น ผมชอบเรื่องจริงๆ เพราะผม ไม่ชอบ นวนิยาย และ ผมไม่ดูหนังเลย เวลาดูโทรทัศน์ ก็ไม่ดูหนัง กระผมใช้ยาสีฟันบุญนิยม ซีอิ้วตราบุญ ใช้ปุ้ยเก่งปรุงอาหาร แชมพูก็ใช้ ของเครืออโศกทั้งหมด สำหรับยา นอกจากใช้เองแล้ว ยังแจกเพื่อนบ้าน และญาติมิตร

สำหรับข้อปฏิบัติที่นับว่า ยุ่งยากมาก คือการกินมังสวิรัติ เพราะโดยอาชีพ ผมต้องตื่นตี ๓-๔ นั่งรถนำของไปขาย ตามตลาดบ้านนอก และ ลูกเมียกระผม ก็ไม่ทานมังสวิรัติ จึงเป็นปัญหา และยุ่งยากมาก แรกทานข้าวกล้องใหม่ๆ กระผมต้องหุงแยกหม้อ กับลูกเมียทุกวัน เป็น เวลา ๔ ปี กว่าลูกเมียจะทานข้าวกล้องได้

กระผมเคยทดลองทานข้าวเปล่าๆกับน้ำปลาถั่วเหลือง เคยทดลองซื้อขนมปัง โฮลวีทไปทานกับกล้วย โดยเอาขนมปังห่อกล้วย แต่ทานทุกวัน ก็ไม่ไหว แต่ถึงไม่เป็นมังสวิรั ติ กระผมก็ทานแบบชีวจิต คือพยายามไม่ทานเนื้อสัตว์บก ทานแต่สัตว์น้ำ คือปลา กุ้ง ปู หอย ฯลฯ เพราะกระผม ทานชีวจิต มาก่อนที่จะมารู้จัก หมู่กลุ่มอโศก

หนังสือที่ท่านส่งไปให้กระผมนั้น เป็นประโยชน์กับตัวกระผม อย่างมากมายมหาศาล และกระผมอ่านมาก บางหน้าอ่านซ้ำๆ หลายครั้ง แต่กระผมไม่ถนัดที่จะตอบ คือไม่ชำนาญ ในการเขียนหนังสือ กระผมหวังว่า จะได้รับหนังสือตลอดไป

สำหรับเท็ปธรรมะนั้น บางม้วนกระผมฟังถึง ๒๐ เที่ยวทีเดียว โดยเฉพาะของพ่อท่าน กระผมชอบฟังมาก ที่ชอบฟังที่สุดก็คือ การอธิบาย ถึงหลักปฏิบัติ ในการขจัดความโลภ ความโกรธ ความหลง รองจากพ่อท่าน กระผมชอบฟัง เท็ปของท่านจันทร์

กระผมคิดว่า ไม่เสียชาติเกิด ที่ได้พบหมู่กลุ่มอโศก แม้ว่ากระผม จะเป็นคนที่มีกรรมเก่ามาก คือเกิดมา สุขภาพย่ำแย่ กำพร้าแม่ ตั้งแต่เกิด ได้รู้จักพ่อตอนอายุกระผมได้ ๒๗ ปี แล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ จึงบกพร่องทุกอย่าง การศึกษาก็น้อย ชีวิตเริ่มต้นด้วยเลข ๐ จริงๆ แต่หัวใจกระผม มีความสุขได้ เมื่อพบกับหนังสือ และเท็ปธรรมะ

แรกเริ่มกระผมอ่านหนังสือธรรมะ ฟังเท็ปของท่านพุทธทาสมาก่อน เป็นเวลาหลายปี ตอนหลัง มาอ่านศึกษาฟังเท็ป ของพ่อท่าน เพิ่มเติม จึงทำให้จิตใจ มีสุขได้ แม้สภาวะชีวิต สังขารร่างกาย ฐานะความเป็นอยู่จะไม่ดี แต่จิตใจ ก็สงบระงับ และคิดว่า จะตายอย่างตาหลับ และ สงบเย็น พอสมควร * นายเปลี่ยน ขุนจางวาง จ.สตูล

* แค่ได้อ่านจดหมายที่ตอบมา พร้อมกับเล่าข้อปฏิบัติต่างๆให้ทราบ ก็พลอยเป็นปลื้ม ประทับใจแล้ว ทำให้คณะจัดทำหนังสือ มีไฟ ในการสร้างสรร ยิ่งๆขึ้น หวังว่าแม้ไม่ถนัดตอบ ไม่ชำนาญเขียน ก็ช่วยส่งเสียง เป็นตัวอักษรไปบ้าง รู้ไว้เถิดว่า...เรารอคอยอยู่ - บ.ก.


นี่แค่ ๕๐% นะ
ข้าพเจ้ารู้จักอโศกมาก็ประมาณ ๑๒-๑๓ ปีแล้ว โดยการชักชวน จากคุณพลังใจ และ พลังศีล ซึ่งตอนนั้น ข้าพเจ้ายังเป็นสาวอยู่ แต่ตอนนี้ ข้าพเจ้ามีลูกสาวแล้ว ๑ คน อายุ ๙ ปี ก็ได้สามีที่ดี พอสมควร และ ก็ได้ลูกสาวที่น่ารัก ไม่ดื้อและก็ตั้งใจ เรียนหนังสือ ซึ่งปีนี้อยู่ ป.๓ เทอมที่ ๑ ลูกสาว ก็สอบได้ที่ ๑ เพราะว่าเขาเป็นเด็ก ที่ชอบอ่านหนังสือมาก ไม่ว่าจะเป็น หนังสืออะไร ก็อ่านได้หมด (ภาษาไทยนะคะ) ขณะตอนปิดเทอม ก็ยังไม่ค่อยเล่น เหมือนคนอื่น ชอบที่จะทำโจทย์เลข หรือไม่ก็วาดรูป และระบายสี ซึ่งทำให้ข้าพเจ้า รู้สึกเบาใจ มากเลยค่ะ อาจจะเป็นผล ที่เราพยายาม จะทำความดี จึงทำให้เรา ได้รับผลที่ดี

สำหรับปีพ.ศ. ๒๕๔๔ ที่ผ่านมานี้ ก็เช่นเคยอีกค่ะ ถือว่าข้าพเจ้า สามารถทานมังสวิรัติ หรือเจได้ทั้งหมด ๑๙๕ วันก็ประมาณ ๖ เดือนครึ่ง หรือ มากกว่าปี ๒๕๔๓ ประ มาณ ๑๒ วันคือ ปี ๒๕๔๓ ทานได้ ๑๘๓ วันค่ะ แต่ตบะที่ตั้งไว้ ก็คงเหมือนเดิม จะทานมังสวิรัติ หรือเจ อย่างน้อย อาทิตย์ ๑ วัน ส่วนจะทำได้เท่าไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ก็จะพยายาม ทานให้ได้ มากที่สุด เท่าที่จะทำได้

ปี ๒๕๔๔ นี้ช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม ข้าพเจ้าไม่ค่อยสบาย ก็ขนาดไอจนหอบ ต้องใช้ยาพ่น และ ยาขยายหลอดลม แต่ข้าพเจ้า ก็ยังฝืนทาน จึงเพื่อนๆ และสามีก็บอกว่า ถ้าไม่สบาย ก็เบาๆบ้าง เพราะข้าพเจ้า ทานมังสวิรัติ หรือเจแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่ค่อย ได้ทานข้าว จะทานผลไม้ เป็นหลัก อย่างเช่น ในขณะที่เขียนตอนนี้ ก็เพิ่งจะได้ทานข้าวเช้ามื้อแรก หลังจากที่ไม่ได้ทานข้าวมา ๔ วัน เพิ่งได้ทานวันที่ ๕ แต่ข้าพเจ้า ก็ดูสภาพร่างกาย ของตัวเอง อยู่ค่ะ

ส่วนเรื่องอารมณ์นั้นก็ดีขึ้นมาก เป็นคนที่เมื่อก่อนโมโหง่าย แต่ทุกวันนี้ เป็นคนใจเย็นขึ้นมา เข้าใจจิตใจ และความรู้สึก ของผู้อื่นขึ้นมาก ถึงขั้น ไม่คิดจะโกรธใครเลย อาจจะมีบ้าง คือโมโหแป๊ปเดียว แล้วก็เตือนตัวเองแป๊ปเดียวก็หาย จะเตือนว่า เราจะทำร้ายตัวเอง ทำไม ใจเราเท่านั้นเป็นใหญ่ คิดว่าเป็นเรื่องเล็กก็เล็ก แต่ถ้าเราคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ มันก็ใหญ่ แต่ถ้าอยากมีสุข ก็ต้องรู้จักปล่อยวาง ซึ่งได้ผลดีมากค่ะ ทำให้เราเป็นสุขขึ้นมาก จากเมื่อก่อน เรื่องแค่นี้เป็นทุกข์มาก แต่มาปัจจุบัน กลับนึกขำตัวเองว่า เมื่อก่อนเรา เป็นไปได้ถึง ขนาดนี้ เชียวหรือ

ส่วนเรื่องการช่วยเหลือคนอื่น ก็ทำตามความเหมาะสม เท่าที่เราสามารถช่วยได้ เพราะทุกวันนี้ ก็ไม่คิดเสียดายเงินทอง ในการทำบุญ เพราะคิดว่า คนเราตายไป ก็เอาอะไร ไปไม่ได้ นอกเสียจาก กรรมเท่านั้น ที่จะติดตัวเรา ไปตลอด และถ้าเป็นไปได้ เกิดชาติหน้า ฉันใด ก็ขอให้พบ เจอชาวอโศก ทุกๆชาติ เพื่อที่จะได้ร่วมกัน บำเพ็ญธรรมต่อไป - นฤมล พรรณนิยม จ.ปทุมธานี

* กินมังสวิรัติ ซึ่งเป็นอาหารบุญ ได้ประมาณสัก ๕๐% ก็ยังทำให้ลดโมโห ใจเย็นขึ้นได้ ขนาดนี้ นี่ถ้ากินมังสวิรัติ อย่างนักปฏิบัติธรรม เพิ่มขึ้นได้ ๑๐๐% เมื่อไหร่ จะสัมผัสได้ ถึงใจที่ เมตตา ให้อภัยได้ยิ่งกว่านี้ อีกมาก - บ.ก.


ใจก็เจ
ดิฉันอ่านหนังสือสารอโศกกับดอกหญ้ามาเป็นปีที่ ๗ แล้ว ขอบพระคุณมากคะ เพราะเป็นหนังสือ ที่ดีมาก ให้ข้อคิดได้มาก นำไปใช้ประโยชน์ ได้ดียิ่ง หลังจากอ่านเสร็จแล้ว ยังไปให้ ห้องสมุดบริษัท ที่ดิฉันทำงานอยู่ กระจายให้เพื่อนฯ และห้องสมุด ร.ร.ต่างๆด้วย ขณะนี้ดิฉัน และพ่อ+แม่ ทานอาหารเจ เราทั้ง ๓ ตั้งปณิธาน ทานอาหารเจ ชั่วชีวิตค่ะ ทำมาแล้ว ๑๓ ปีทุกมื้อ ร่างกายแข็งแรงดีคะ

๑.สิ่งที่ยังต้องขัดเกลาและแก้ไข สำหรับดิฉันคือ ศีลข้อ ๔ อันดับแรก รองลงมาข้อ ๓ (ตัดยาก มักคิดแวบเข้ามา ยังเป็นโสด แต่ไม่คิด แต่งงาน เพราะรู้ว่าทุกข์มาก ศีลข้อนี้ปฏิบัติยาก แต่ไม่ได้ผิดประเวณี)

๒.โทสะจริตลดลงมาจาก ๑๐๐% มาอยู่ที่ ๕๐% คิดไว พูดไว ปากร้าย แต่ในใจไม่พยาบาท จบแล้วจบเลย ทำงานบริษัทฝรั่ง ๒๐ ปีแล้ว แต่จบมหาวิทยาลัย ติดธรรมเนียมนี้ ขวานผ่าซาก อนาคต ตั้งใจทำงานด้านศาสนา รูปแบบใด ยังไม่เจาะจง

ดิฉันขออภัยด้วย ที่ไม่ได้ตอบจม. ปีหนึ่งตอบ ๑-๒ ฉบับ ที่ตอบครั้งนี้ เพราะกลัวว่า ไม่ ตอบนานๆไป จะไม่ได้รับหนังสืออีก ฝากบุญ เป็นแสตมป์ มาด้วย ๗๒ ดวง - วิภาพร จ.สงขลา

* แค่เพียงกินเจด้วยจิตเมตตาต่อชีวิตอื่นจริงๆ ก็จะช่วยทำให้นิสัยขี้โกรธ ลดลงได้ จะใจเย็นขึ้น ปากก็เย็นขึ้น ปากร้าย จะกลายเป็นดี เพราะหากเมตตา จริงจากใจ มีหรือปาก จะร้ายไปได้ จะมีแต่ปากเมตตาเท่านั้น เพียงแต่อย่ากินเจแต่ปาก แต่ใจไม่เจด้วยล่ะ - บ.ก.


บริสุทธิ์ศีลเพิ่มอีก
หนังสือสารอโศกและดอกหญ้าที่ส่งไปให้ ได้รับแล้ว ด้วยความขอบพระคุณ เป็นอย่างสูง ผมพยายาม ทำความดี ตามอย่าง ญาติธรรม แต่บางครั้ง ก็อดโกรธไม่ได้ เนื่องจากข้างบ้าน ชอบดื่มสุรา มีการร้องรำ ทำเพลง ทำให้หนวกหู แต่ก็พยายาม เตือนตัวเองว่า เรื่องของ เขาเราไม่เกี่ยว บางครั้ง ก็อดทนได้ บางครั้งก็อดไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมา ศีลข้อ ๓ บริสุทธิ์ที่สุด แม้มีโอกาศ และถูกยั่วยวน ก็ไม่เคยทำลาย ผู้หญิงเลย และภูมิใจ ที่ไม่เคยทำความเดือดร้อน เบียดเบียนใคร ชอบพูดคำจริง รักษาวาจา ที่พูดออกไป ขอให้ชาวอโศก จงเจริญ รุ่งเรือง ในศาสนา * นายทอง กุยแก้ว จ.อุดรธานี

* รักษาศีลข้อ ๓ ได้บริสุทธิ์ ยังรู้สึกภูมิใจมากๆ แล้วถ้ารักษาศีลข้ออื่นๆ ได้บริสุทธิ์เพิ่ม ขึ้นอีก จะยิ่งภูมิใจขนาดไหน คิดดูเองเถิด ฉะนั้น หากมีใจเมตตา ให้อภัย ไม่ถือสาโกรธเขาได้ ใจเรายิ่งเบาสบาย ยิ่งๆขึ้นนะ - บ.ก.

(สารอโศก อันดับที่ ๒๔๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕)